ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 817
บทที่ 817 แก้แค้น
ในเวลานี้ ณ เมืองส้งที่อยู่ห่างออกไป
ตระกูลฉิน
“ป๊าบ!”
ฉินเจินผู้นำตระกูลฉินโยนแก้วในมือลงไปกับพื้น แล้วแก้วก็แตกเป็นเสี่ยงอย่างไม่มีชิ้นดี จนทำให้คนตระกูลฉินที่ยืนอยู่โดยรอบไม่มีใครกล้าพูด ต่างพากันก้มหน้าลง แม้แต่ความกล้าที่จะมองฉินเจินก็ไม่มีเลย เพราะกลัวว่าฉินเจินจะลงความโกรธบนตัวของพวกเขา
“ไอ้สารเลว ฉันจะต้องทำให้เฉินเกอแหลกละเอียดเป็นผุยผงให้ได้!”
ฉินเจินคำรามออกมา การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเฉินเกอ
ตระกูลฉินจากโลกยู่ถูกทำลายลง ตระกูลทางฝั่งเมืองส้งนี้ก็สั่นคลอนไม่น้อย ฉินเจินคิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะมีความกล้ามากขนาดนั้นจนไปทำลายตระกูลฉินแห่งโลกยู่ได้
“พ่อ ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงดี?”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินก้าวไปข้างหน้าและถามฉินเจินอย่างระมัดระวัง
เขาก็คือลูกชายของฉินเจิน ฉินซอง
“หึ ทำยังไง?ฉันจะให้เฉินเกอชดใช้ด้วยความเจ็บปวดที่แสนทรมาน!”
แสงประกายอันเย็นยะเยือกแวบเข้ามาในดวงตาของเฉินเกอ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในใจของเขานั้นได้คิดวิธีการจัดการกับเฉินเกอเรียบร้อยแล้ว
ในค่ำคืนอันเงียบสงบ
ในคฤหาสน์ตระกูลฉิน ชายชราสามคนในชุดยาวสีเทานั่งอยู่ในห้องโถงกำลังพูดคุยกับฉินเจิน
“ท่านเหยียน ครั้งนี้พวกเราตระกูลฉินจากโลกยู่ถูกทำลาย ถือเป็นเรื่องที่หนักหนายิ่ง ผมถึงได้จำเป็นต้องมาขอให้ท่านออกจากเขา เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับตระกูลฉินของเรา!”
ฉินเจินมองดูชายชราที่นั่งอยู่ข้างหน้าของเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ชายชราคนนี้ชื่อว่าเหยียนวซุ่น มาจากตำหนักหลินซานแห่งโลกยู่ เป็นผู้มีพลังการบำเพ็ญจิตชั้นสองของขอบเขตเจินเหรินและเป็นผู้อาวุโสรองแห่งตำหนักหลินซาน ทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฉินแห่งโลกยู่อีกด้วย
“ท่านผู้นำตระกูลฉิน ตระกูลฉินแห่งโลกยู่ถือเป็นตระกูลที่คอยค้ำจุนตำหนักหลินซานมาโดยตลอด ผมต้องไปช่วยแน่นอนอยู่แล้ว!”
เหยียนวซุ่นพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโรย แต่กลับมีแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง
“มีผู้อาวุโสทั้งสามออกไปช่วยสู้ เจ้าเด็กนั่นต้องตายคาที่สถานเดียว!”
ฉินเจินพูดด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะโดยคิดว่าครั้งนี้เฉินเกอจะต้องตายแน่นอน
ส่วนอีกสองคนเป็นผู้พิทักษ์ตำหนักหลินซาน หยูซิวกับเฉาจิน หากแยกออกมาทั้งสองมีพลังการบำเพ็ญจิตชั้นหนึ่งของขอบเขตเจินเหริน เมื่อมีผู้มีพลังการบำเพ็ญจิตชั้นสองของขอบเขตเจินเหรินและผู้มีพลังการบำเพ็ญจิตชั้นหนึ่งของขอบเขตเจินเหรินต่อกร ฉินเจินไม่เชื่อหรอกว่าเฉินเกอจะมีชีวิตรอดไปได้
จากนั้น ฉินเจินก็บอกที่อยู่ของให้กับพวกของเหยียนวซุ่น แล้วเหยียนวซุ่นและอีกสองคนก็ได้หายตัวออกไปทันที ตรงไปยังเฉินเกอเพื่อแก้แค้น
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เฉินเกอตื่นแต่เช้าและไปที่สวนเพื่อนั่งทำสมาธิ
การนั่งสมาธิทุกวันกลายเป็นนิสัยอย่างหนึ่งของเฉินเกอไปแล้ว ซึ่งมันยังสามารถช่วยให้เทพจิตเก้าภพที่อยู่ในตัวเขาสามารถพัฒนาได้อย่างสมดุลมากขึ้นด้วย
แต่แล้ว พอเขาเพิ่งนั่งสมาธิได้ไม่นานนัก เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งการสังหารจากรอบตัวเขา
ออร่าสังหารพุ่งเข้ามาในทิศทางของเขาอย่างรวดเร็ว และพลังนั้นก็ไม่ใช่พลังน้อยๆ
เพียงเสี้ยววินาที ก็มีกระบี่เล่มหนึ่งบินเข้ามาจากที่ที่ไม่ไกลนัก
จู่ๆเฉินเกอก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับปล่อยพลังฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเจินชี่ออกไป แล้วกระบี่ที่พุ่งมาจากกลางอากาศก็หยุดลง
“ป๊าบ!”
ค่อยๆออกแรง กระบี่ก็หักเป็นสองท่อน แล้วหล่นลงไปกับพื้น
“พรืบๆๆ!”
ทันใดนั้นก็มีร่างเงาสามคนบินเข้ามาจากด้านนอกคฤหาสน์ แล้วหยุดลงต่อหน้าเฉินเกอ พวกเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเหยียนวซุ่นพวกเขาสามคนนั่นเอง
เฉินเกอจ้องไปยังเหยียนวซุ่นทั้งสามคน คิ้วก็ขมวดแน่น สีหน้าเคร่งขรึม
“ถ้าให้ผมเดา ตระกูลฉินจากเมืองส้งเป็นคนส่งพวกคุณมาสินะ!”
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เฉินเกอก็พูดออกมาอย่างเรียบเฉย
“หึ!”
เหยียนวซุ่นเปล่งเสียงอันเย็นชาออกมา
“เจ้าเด็กอ่อนหัด แกทำลายตระกูลฉินแห่งโลกยู่ ถึงตระกูลฉินแห่งเมืองส้งจะไม่มาหาพวกเรา พวกเราก็มาหาแกอยู่ดี วันนี้แกจะต้องตาย เพราะฉันจะฆ่าแกเพื่อแก้แค้นให้กับตระกูลฉินแห่งโลกยู่!”
เหยียนวซุ่นปล่อยรังสีออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับพูดกดดันเฉินเกอด้วยความโกรธ
“แค่พวกคุณสามคนเนี่ยนะ?”
เฉินเกอตวาดสายตาไปมองยังเหยียนวซุ่น ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา
“หึ เดี๋ยวแกก็จะรู้ว่าแค่นี้มันก็มากพอแล้ว ไปตายซะ!”
เหยียนวซุ่นพุ่งออกไปด้วยรอยยิ้มดูถูก ที่ฉายแววสังหาร คำรามด้วยความโกรธ
เพียงแค่ขยับ เหยียนวซุ่นก็ย้ายมาอยู่ตรงหน้าเฉินเกอซึ่งห่างกันไม่ถึงครึ่งเมตร นั่นทำให้เห็นได้เลยว่าความของคนในขอบเขตเจินเหรินนั้นน่ากลัวเพียงใด
แต่เฉินเกอก็เป็นคนในขอบเขตเจินเหรินแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เหยียนวซุ่นจับตัวเขาได้ง่ายๆแน่
เพื่อที่จะไม่ให้เหยียนวซุ่นทำร้ายคนในครอบครัวของตัวเอง เฉินเกอจึงรู้ว่าเขาจะพาเหยียนวซุ่นทั้งสามคนออกไปให้ห่างจากคฤหาสน์แล้วหาที่ว่างว่างสักทีจัดการปัญหานี้
“หื้ม ตาแก่ รอให้พวกคุณมีแค้นส่วนตัวกับผมแล้วค่อยว่ากันจะดีกว่า!”
เฉินเกอส่งเสียงเยาะเย้ยจากนั้นก็กระโดดออกจากไปคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
เหยียนวซุ่นที่เห็นอย่างนั้นก็รีบพาผู้พิทักษ์ทั้งสองตามออกไปเช่นกัน พวกเขาจะไม่มีทางปล่อยให้เฉินเกอหนีไปได้แน่นอน
เฉินเกอยังคงบินกระโจนไปด้านหน้าพลันมองไปข้างหลังเขาเมื่อเห็นเหยียนวซุ่นพวกเขาทั้งสามกำลังไล่ตามเขามา เขาจึงรู้สึกโล่งใจ
เมื่อเป็นแบบนี้ คนในครอบครัวเขาก็ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ในไม่ช้าเฉินเกอก็มาถึงทุ่งที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
โชคดีที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ที่เฉินเกอเลือกมา ดังนั้นจึงยากที่จะมีคนมาพบเห็น และไม่ต้องกลัวด้วยว่าจะไปทำร้ายโดนคนอื่นด้วย
“เด็กน้อยเอ๋ย แกหนีไม่พ้นหรอก ฉันเป็นถึงผู้ที่มีพลังการบำเพ็ญจิตชั้นสองของขอบเขตเจินเหริน!”
เหยียนวซุ่นพวกเขาทั้งสามที่ตามมาถึงตัวเฉินเกอ ก็ยืนล้อมเขาเอาไว้ พลางจ้องเฉินเกอแล้วพูดด้วยความเย็นชา
“ฮ่าๆๆ!”เฉินเกอหัวเราะเสียงดัง
“ผมเคยบอกว่าผมจะหนีหรอ?ผมก็แค่ไม่อยากให้พวกคุณทำบ้านผมพังเท่านั้น ไม่อย่างงั้นหากพวกคุณตายไปใครจะชดใช้ให้ผมเล่า?
เฉินเกอเหลือบไปมองเหยียนวซุ่นด้วยความนิ่งเฉย ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยคำดูถูกที่มีให้กับเหยียนวซุ่นพวกเขาทั้งสามคน
“จองหองนัก!”
เหยียนวซุ่นด่าออกมาอย่างโมโห แล้วเรียกพลังทั้งหมดในตัวออกมา
“ดูสิว่าฉันจะบดขยี้กระดูกของแก!”
เหยียนวซุ่นคำรามออกมาพร้อมกับพุ่งไปหาเฉินเกอ คิดอยากจะกำจัดเฉินเกอให้ตายไปเร็วๆซะ
“ตาแก่ อย่างคุณเนี่ยนะ ดูสิเดี๋ยวผมจะทำลายโครงกระดูกคุณเอง!”
เฉินเกอก็ไม่ยอมแพ้ใครจึงคำรามใส่เหยียนวซุ่นด้วยคำพูดเดียวกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเกอ คนที่ใกล้ตายอย่างเหยียนวซุ่นก็เกิดอาการเลือดกระอักปาก
“บูม!”
เพียงเสี้ยวนาที เหยียนวซุ่นก็ถูกเฉินเกอใช้เท้าเตะกลางอากาศ ก่อนจะกระแทกลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง
“แคร๊ก!”
ในขณะที่เขาล้มลงกับพื้นเสียงกระดูกหักก็ดังขึ้น
เหยียนวซุ่นที่กระดูกแตกหัก ก็เหมือนกับร่างกายแหลกสลายนอนกองลงกับพื้น เหลือเพียงแต่ลมหายใจอันแผ่วเบา
“ตาแก่ พลังแค่นี้ของคุณ คิดจะมาแก้แค้นผม ตลกสิ้นดี!”
เฉินเกอชี้นิ้วไปยังเหยียนวซุ่นพร้อมกับพูดดูถูก