ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 854
บทที่ 854 พลังบดขยี้
ท่ามกลางสายตาของสาธารณชน ไป๋เล่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
ไป๋เล่เดินออกมาต่อหน้าทุกคนและตรงไปที่เฉินเกอ
“นึกไม่ถึงว่านายจะเลือกฉัน ดูเหมือนว่าตำแหน่งลูกศิษย์คณบดีจะต้องเป็นของฉันแล้ว!”
ไป๋เล่มองเฉินเกอด้วยใบหน้ามั่นใจ
นี้ขนาดยังไม่ได้เริ่มประมือ ไป๋เล่ก็ยังหยิ่งผยองถึงขนาดนี้
เฉินเกอยังคงมีสีหน้าไม่จริงจัง ในสายตาเขาไป๋เล่ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ความหยิ่งผยองของเขาไม่ได้อยู่ในสายตาของตน
ผู้แข็งแกร่งมักถ่อมตน อีกทั้งยังไม่มีทางทำตัวกร่างอีกด้วย ท่าทางโง่เขลาแบบนี้ ก็คงมีแต่ไป๋เล่
“ทั้งสองฝ่ายโปรดเตรียมตัวให้พร้อม! ”
ปรมาจารย์หยุนคงเอ่ยเตือนเฉินเกอและไป๋เล่
เมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์หยุนคง ไป๋เล่ก็เตรียมท่าโจมตีและรอการโจมตีตลอดเวลา ขอเพียงได้ยินคำสั่ง เขาก็จะโจมตีเฉินเกอทันที
เฉินเกอยังคงสงบอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งสองหลับลงยืนอยู่ที่เดิม ท่าทางไม่มีการแสดงออกใดๆ
คนรอบข้างเห็นพฤติกรรมท่าทางเฉินเกอ ทุกคนก็คิดไปว่าหรือเฉินเกอกำลังยอมรับความพ่ายแพ้?
“เริ่มต้นประลอง!”
ไม่กี่วินาทีต่อมา ปรมาจารย์หยุนคงก็ออกคำสั่ง
ฉวบ!
สิ้นเสียง ไป๋เล่ก็ออกตัวทันที ดาบในมือพุ่งเข้าใส่เฉินเกอทันที
แต่เฉินเกอยังคงยืนอยู่บนที่เดิมอย่างสงบนิ่ง ไร้ความเคลื่อนไหว ราวกับกำลังรอให้ไป๋เล่แทงตัวเอง
เมื่อทุกคนกำลังคิดว่าเฉินเกอต้องพ่ายแพ้แน่ เฉินเกอก็ลืมตาขึ้น เขายกมือขึ้นชูสองนิ้ว จากนั้นก็จับดาบของไป๋เล่เอาไว้ทันที
ปลายดาบที่แหลมคมอยู่ห่างจากดวงตาของเฉินเกอออกไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร เป็นการกระทำที่หวาดเสียวอย่างยิ่ง
“อะไร!”
ไป๋เล่ตื่นตะลึงประหลาดใจ
เขาคิดจะดึงดาบกลับคืนมา แต่กลับพบว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไร้หนทางนำมันกลับมาได้ ราวกับว่ามันถูกตรึงไว้ในอากาศ
“เพล้ง! ”
วินาทีถัดมา ดาบของไป๋เล่ก็ถูกนิ้วของเฉินเกอหักลง
ยังไม่ทันให้ไป๋เล่ได้ตอบสนองกลับมา เฉินเกอก็ใช้มืออีกข้างฟาดใส่ตีหน้าอกไป๋เล่
ไป๋เล่กระเด็นออกไปทันที หลังจากบินเป็นเส้นโค้งอย่างสวยงามในอากาศเขาก็ตกลงมาบนพื้น มุมปากมีเลือดไหลออกมา
ฝ่ามือนี้ของเฉินเกอไม่ได้คิดจะหมายเอาชีวิตของไป๋เล่ ยังไงเสียนี่ก็เป็นการประลอง มาถึงจุดนี้เขาก็หยุดลง อีกทั้งยังไม่ใช่การสู้เอาชีวิต ดังนั้นเฉินเกอจึงยั้งมือเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าในตอนนี้ไป๋เล่คงกลายเป็นศพเย็นชืดร่างหนึ่งไปนานแล้ว
“เฉินเกอชนะ!”
ปรมาจารย์หยุนคงตะโกนบอกทันที
“แปะแปะแปะ! ”
ในเวลานี้ ใบหน้าของสวีหมีแสดงรอยยิ้มมีความสุข และปรบมือขึ้นมา
เมื่อเห็นสวีหมีปรบมือ ปรมาจารย์ทั้งสี่และนักเรียนด้านล่างต่างก็ทำตามๆ กัน ถัดมาทั้งลานประลองก็ดังก้องไปด้วยเสียงปรบมืออย่างอบอุ่น
เฉินเกอได้รับชัยชนะ ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเฉินเกอนั้นมีความแข็งแกร่งจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้น และยังมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นศิษย์ของคณบดี
“ฉันไม่ยอม ฉันต้องการสู้กับเขา! ”
ในเวลานี้ มีเสียงดังขึ้นจากกลุ่มชั้นระดับเยี่ยม
“เป็นคุณชายเหลย! ”
“คุณชายเหลยออกโรงแล้ว เห็นทีจากนี้จะต้องมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแน่! ”
“ใช่ คุณชายเหลยยังคงแข็งแกร่งเช่นอย่างมาก ย่อมต้องไม่เต็มใจที่จะประนีประนอมแน่! ”
หลังจากได้ยินเสียงคนเอ่ย คนรอบด้านก็เริ่มซุบซิบขึ้นอีกรอบ
ผู้ที่คนเหล่านี้กำลังพูดถึงมีชื่อว่าเล๋ยเล่ เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นระดับเยี่ยม พลังของเขาอยู่ระดับการบำเพ็ญจิตชั้นเจ็ดของขอบเขตเจินเหรินไปแล้ว
เล๋ยเล่ลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินออกมาจากบริเวณนั้นด้วยใบหน้าเย็นชา เขาเดินไปที่ใจกลางจัตุรัส และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเฉินเกอ เขาชี้ไปที่เฉินเกอแล้วเอ่ย “ฉันเล๋ยเล่ ขอท้าประลองกับนาย ถ้าหากนายชนะ ฉันเล๋ยเล่จะยอมเชื่อฟังนายแต่โดยดี แต่ถ้าฉันชนะ นายจะต้องไสหัวลงจากตำแหน่งนี้และมาเป็นลูกน้องของฉัน! ”
คำพูดของเล๋ยเล่หยิ่งผยองอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลังอันแข็งกล้า
หลังจากได้ยิน เฉินเกอก็ไม่ได้รู้สึกโมโห แต่กลับรู้สึกว่าเล๋ยเล่ผู้นี้น่าสนใจอยู่บ้าง
คนอย่างเล๋ยเล่นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา ไม่ยอมรับก็แสดงออกอย่างตรงๆ อีกทั้งยังไม่ลงมือลับหลัง ควรค่าแกการนับถือ
“โอเค ได้! ”
เฉินเกอไม่ปฏิเสธ และตอบรับเขาทันที
ก่อนที่ปรมาจารย์หยุนคงจะประกาศเริ่มการประลอง เล๋ยเล่ก็พุ่งเข้าหาเฉินเกอราวกับเสือร้าย บุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่
เล๋ยเล่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีรูปร่างกำยำ เขาพุ่งหมัดใส่เฉินเกออย่างแรง
เล๋ยเล่ที่อยู่ในระดับการบำเพ็ญจิตชั้นเจ็ดของขอบเขตเจินเหริน พลังของเขาจึงแกร่งกล้าอย่างมาก เมื่อเทียบกับไป๋เล่และคนอื่นๆ แล้วยังเก่งกว่ามาก ทำให้เฉินเกอไม่กล้าผ่อนคลาย
หมัดเล๋ยเล่รุนแรงอย่าง เขารู้สึกได้ว่าอากาศกำลังแตกและระเบิดออก หากถูกหมัดนี้ของเขา กระดูกจะต้องแตกออกแน่
แต่เฉินเกอชอบที่จะต่อสู้กับคู่ต่อสู้เช่นนี้ แบบนี้เฉินเกอจึงสามารถทดสอบระดับความแข็งแรงของร่างกายตนได้
ถัดมา เฉินเกอก็ออกหมัดอย่างรุนแรงเช่นกัน
“ปึก!”
เฉินเกอและเล๋ยเล่แลกหมัดกัน
ทันใดนั้น ทั้งจัตุรัสก็มีคลื่นความร้อนและฝุ่นเข้าปกคลุมตรงกลางของจัตุรัสและห่อหุ้มทั้งสองเอาไว้ในนั้น
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาพังทลายลง หินจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนถูกระเบิดออก เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการปะทะกันของคนทั้งสองนั้นทรงพลังเพียงใด
ในสถานศึกษาหลินคงนั้นไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับเล๋ยเล่มาก่อน มีเฉินเกอเป็นผู้แรก
จากนั้น ฝุ่นก็สลายไป
ผู้คนเห็นว่าทั้งเฉินเกอและเล๋ยเล่ล้วนกำลังยืนอยู่ที่เดินทั้งคู่ เพียงแต่สีหน้าของเล๋ยเล่เห็นได้ชัดว่าไม่ดีนัก
หากอยู่ใกล้ๆ ก็จะเห็นได้ว่าง่ามมือของเล๋ยเล่นั้นฉีกขาดออกอีกทั้งยังมีเลือดไหลออกมาตลอดเวลาและกำลังหล่นลงบนพื้นดินที่แตกสลายทีละหยดๆ
การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว สามารถบอกถึงชัยชนะและความพ่ายแพ้ได้
หลังจากทั้งสองยืนอยู่ที่เดิมไม่กี่วินาที เล๋ยเล่ก็ค่อยๆ ถอนกำปั้นกลับ
“ฉันแพ้แล้ว! ”
หลังจากเห็บหมัดกลับ เล๋ยเล่ก็พูดคำสามคำออกมา
หา!
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทั้งลานประลองก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
ทุกคนต่างอยู่ในความตกตะลึง
เล๋ยเล่ยอมรับความพ่ายแพ้?
ทุกคนไม่ได้คาดคิดถึงผลลัพธ์นี้มาก่อน ต้องบอกว่าในสถานศึกษาหลิงคงนั้นเล๋ยเล่คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้ถึงกับพ่ายแพ้ให้เฉินเกอ อีกทั้งตัวเขาเองยังเป็นฝ่ายเอ่ยปากอีกด้วย นี่แทบจะเป็นเรื่องสะเทือนโลก
คนที่มีตาในใจย่อมสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน เล๋ยเล่ใช้แค่การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าพลังของเขาไม่อาจเทียบเท่าเฉินเกอได้
“นายมีพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง สมควรแก่การนับถือของฉัน! ”
เล๋ยเล่มองเฉินเกอด้วยรอยยิ้ม
“นายเองก็ไม่เลว หวังว่าพวกเราจะเป็นเพื่อนกันได้! ”
เฉินเกอเองก็ยิ้มกลับอย่างสุภาพและตอบกลับคำพูดของเล๋ยเล่ จากนั้นจึงเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปหาเล๋ยเล่ก่อน
“แน่นอน สามารถเป็นเพื่อนกับนายได้ถือเป็นความโชคดีของฉัน!” เล๋ยเล่ยื่นมือออกไปจับมือเฉินเกอแน่นอย่างไม่ลังเล
ในเวลานี้ ทั้งสองคนราวกับกำลังรู้สึกถึงความเห็นอกเห็นใจกันที่เป็นคนแข็งแกร่งระหว่างกัน และเคารพนับถือกันอย่างผู้ที่แข็งแกร่งมักกระทำ
เฉินเกอคิดว่าเล๋ยเล่เป็นเพื่อนที่คู่ควร คนที่สามารถใจกว้างได้อย่างเล๋ยเล่นั้นมีไม่มากนัก มี