ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 858
บทที่ 858 แดนหนานฮวง
“เฉินเกอ ไม่ว่านายจะไปที่ไหน ฉันยินดีที่จะไปกับนาย! ”
วินาทีถัดมา ก็ได้ยินเสียงของโจวโน่ที่เอ่ยพูดกับเฉินเกอ
“ใช่ พี่เฉิน ฉันเองก็จะไปกับนายด้วย! ”
“พวกเราทุกคนยินดีที่จะไปกับนาย! ”
ท่าทีของโจวโน่ หลินจื่อหลันและเกาจื่อเฉิงรวมถึงเล๋ยเล่ ล้วนแต่แสดงความเต็มใจที่จะติดตามเฉินเกอไปเพื่อค้นหาผนึกสวนหลิง
เมื่อได้ยินคำตอบของทั้งสี่คน เฉินเกอก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
อันที่จริง เฉินเกอก็เคยคิดเช่นกันว่าพวกเขาอาจจะไม่ติดตามตนไป นั่นเพราะอย่างไรก็ตามพวกเขาก็เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน ดังนั้นการขอให้พวกเขาติดตามตนเองออกไปเสี่ยง จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลอยู่บ้าง
แต่ในตอนนี้ พวกโจวโน่ทั้งสี่ล้วนตอบรับอย่างเห็นพ้องต้องกัน นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาถือว่าเฉินเกอเป็นเพื่อนอย่างแท้จริง อีกทั้งยังแสดงถึงความไว้วางใจที่มีต่อเฉินเกออย่างยิ่ง
“ดี ฉันเฉินเกอขอขอบคุณพวกนายทุกคน พวกเราจะเก็บกระเป๋า และออกเดินทางในอีก 1 ชั่วโมง”
เฉินเกอมองไปที่พวกโจวโน่ทั้งสี่คนอย่างรู้สึกขอบคุณและเอ่ยกำชับ
เนื่องจากพวกโจวโน่ทั้งสี่คนล้วนเต็มใจที่จะไปตามเขาไป อย่างนั้นย่อมต้องรีบที่เตรียมตัวเพื่อจะออกเดินทางโดยเร็ว
ทุกวินาทีที่ผ่านไป ก็คือระยะห่างในการค้นหาผนึกสวนหลิงให้เจออีกขั้น
อย่าได้มองว่ายังเหลืออีกสามร้อยวัน แต่แท้จริงแล้ววันเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เฉินเกอรู้ดีว่าตนต้องรีบทำเวลาแล้ว
นั่นเพราะท้ายที่สุดแล้วเขาไม่มีเบาะแสของมัน อีกทั้งยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะต้องเริ่มค้นหาร่องรอยของผนึกสวนหลิงได้จากที่ไหน
หลังจากได้ยินคำสั่งของเฉินเกอแล้ว พวกโจวโน่ทั้งสี่คนก็แยกย้ายกันไปเตรียมข้าวของทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเฉินเกอทั้งห้าคนก็ได้เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงไปที่ห้องโถงเพื่อบอกลาสวีหมี และปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ แล้วออกจากสถานศึกษาหลิงคงทันที
หลังจากออกจากสถานศึกษาหลินคง พวกเฉินเกอทั้งห้าคนก็ไปหาซื้ออาหารและเครื่องดื่มไว้มากมายเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป
หลังจากซื้อทุกอย่างที่จำเป็นเสร็จสิ้น เฉินเกอก็ออกเดินทาง
“พวกเราจะไปไหนก่อนดี?”
โจวโน่มองไปที่เฉินเกอและถาม
เฉินเกอไม่ได้บอกพวกเขาว่าจะไปตามหาจากที่ไหน ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาทั้งสี่จึงสับสน
หลังจากได้ฟัง เฉินเกอก็เปิดแผนที่ดู
หลังจากดูสักพัก เฉินเกอก็ชี้ไปที่ตำแหน่งบนแผนที่และเอ่ย “ที่นี่ พวกเราจะเริ่มค้นหาจากที่นี่! แดนหนานฮวง! ”
แดนหนานฮวง เป็นสถานที่แห้งแล้งซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของดินแดนรกร้าง อาจกล่าวได้ว่ามันไม่มีผู้คนอาศัยอยู่อีกทั้งยังมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าเข้าไปเสี่ยง
อย่างไรก็ตามในเมื่อเฉินเกอได้ทำการเลือกแล้ว พวกโจวโน่ทั้งสี่ก็ไม่มีความเห็นใดๆ ต่อ พวกเขาทั้งหมดเห็นด้วย
ทันทีที่ตัดสินใจ คนทั้งห้าก็มุ่งหน้าไปยังแดนหนานฮวงทันที
พวกเขาใช้เวลาเดินทางครึ่งวัน
จนกระทั่งใกล้ค่ำ พวกเฉินเกอทั้งห้าก็มาถึงเขตแดนระหว่างแผ่นดินหลิงคงและดินแดนหนานฮวง
เมื่อมาถึงชายแดน ที่นี่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรือมนุษย์ใดอาศัยอยู่ ทั้งหมดมีเพียงความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง บวกกับเมื่อมาถึงเวลาใกล้ค่ำก็ยิ่งขับเน้นความมืดมนอย่างที่สุดออกมา จนทำเอาให้คนที่เห็นอดรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
แต่ถึงกระนั้น ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งพวกของเฉินเกอทั้งห้าได้
เฉินเกอไม่กลัวเรื่องพวกนี้
ทั้งห้าคนเข้าสู่ดินแดนหนานฮวงทันที
หลังจากเดินไปได้สักพัก จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิทลง ทั้งห้าคนถึงค่อยหยุดฝีเท้าลงที่ใต้กำแพงหินสีเหลืองและพักผ่อน
“พวกนายดูสิ ดวงจันทร์ไม่สามารถส่องแสงมายังดินแดนหนานฮวงได้เลย มันหยุดลงแค่ที่ฝั่งของแผ่นดินหลิงคง! ”
ในตอนนี้เอง โจวโน่อุทานขึ้นมาและชี้ไปยังดวงจันทร์ที่กำลังส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าในระยะไกล
เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเฉินเกอเองก็รู้สึกว่าสิ่งนี้ช่างเป็นเรื่องอัศจรรย์และแปลกประหลาดอย่างยิ่งเช่นกัน
เห็นทีดินแดนหนานฮวงแห่งนี้จะพิเศษจริงๆ ถึงได้มีปรากฏการณ์ลึกลับแบบนี้ แม้แต่ดวงจันทร์ก็ไม่สามารถสาดส่องเข้ามาได้ พวกเฉินเกอทั้งห้าทำนั่งมองดวงจันทร์ที่สว่างไสวผ่านดินแดนหนานฮวง
“พี่เฉิน มาดูนี่สิ ที่นี่มีป้ายศิลา!”
เล๋ยเล่เอ๋ยเรียกขึ้นมาทันที
เมื่อพวกเฉินเกอทั้งสี่คนได้ยินก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็วและมาถึงข้างกายของเล๋ยเล่
พวกเขาเห็นป้ายศิลาแผ่นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ บนนั้นมีตัวอักษรขนาดใหญ่หลายตัวสลักอยู่
“แดนอสูรหนานฮวง! ”
เฉินเกอเอื้อมมือไปปัดฝุ่นบนแผ่นศิลา และอ่านตัวอักษรขนาดใหญ่ที่สลักอยู่
“โฮกก! ”
วินาทีถัดมา เมื่อเฉินเกออ่านจบ พวกเขาห้าคนก็ได้ยินเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังมาจากด้านบนของศีรษะ เสียงคำรามกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า และดังก้องไปทั่วพื้นที่ดินแดนหนานฮวง จนแม้แต่สำนวนที่ว่า “แผ่นดินสะเทือน” ก็ยังไม่สามารถใช้อธิบายได้
“ตูม!”
เมื่อเสียงคำรามสิ้นลง เงาสีดำขนาดใหญ่ก็กระโดดลงมาจากกำแพงหิน และลงมาบนพื้นดินมาอย่างแรงต่อหน้าพวกเฉินเกอทั้งห้า
พื้นที่รอบๆ ของพวกเฉินสั่นสะเทือนขึ้นมา จนทำเอาพวกเขาเกือบจะยืนไม่อยู่ พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้น่ากลัวอยู่บ้างจริงๆ
“นี่..นี่คืออะไร? ”
โจวโน่ตกตะลึงตาค้าง และเอ่ยถามเฉินเกอด้วยความหวั่นเกรงอยู่บ้าง
เฉินเกอจ้องมองไปที่ร่างสีดำขนาดใหญ่ตรงหน้า เงาดำนี้มองดูแล้วคล้ายกับสิงโตตัวหนึ่ง แต่ขนาดของมันกลับใหญ่ยิ่งกว่าพวกเขาทั้งห้าคนรวมตัวกัน
“นี่น่าจะเป็นอสูรหนานฮวง!”
เฉินเกออธิบาย
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาเจอเข้ากับที่อยู่ของอสูรหนานฮวงเข้าแล้ว
ต้องเป็นเพราะเสียงของพวกเขาเมื่อครู่ที่ปลุกอสูรหนานฮวงขึ้นมา และเมื่ออสูรถูกปลุกมันจึงเกรี้ยวกราดอย่างยิ่งที่
“นี่มันมืดเกินไปจนดูแทบจะไม่ออกว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร! ” หลินจื่อหลันขมวดคิ้วแน่นและเอ่ยขึ้น
หากปราศจากแสงจันทร์ พวกเขาทั้งห้าก็มองไม่เห็นสิ่งรอบตัวใดๆ พวกเขาสามารถเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ข้างหน้าแค่ในระยะหนึ่งเมตรเท่านั้น
“ไม่ต้องกลัว ฉันมีวิธี! ”
เฉินเกอเอ่ยปลอบคนทั้งสี่
พูดจบ เฉินเกอก็หยิบยันต์และปากกาหมึกออกมาจากพื้นที่จัดเก็บของของตนทันที จากนั้นจึงวาดมันอย่างรวดเร็วและโยนฮู้ออกไป
ยันต์ตกลงสู่อากาศและพริบตาก็เกิดไฟโหมกระหน่ำทันทีจนเกิดเป็นแสงไฟสว่างขึ้นโดยรอบ
ภายใต้แสงไฟ เงาดำขนาดใหญ่เบื้องหน้าก็เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง มันเป็นสิงโตที่ปกคลุมไปด้วยขนสีทอง สิงโตอ้าปากใหญ่ เปิดเผยฟันอันแหลมคมของมัน ดวงตาของมันกำลังจ้องมองพวกเฉินเกอทั้งห้าด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามสิงโตไม่ได้โจมตีพวกเขาทั้งห้าคน ราวกับว่ามันกำลังรออะไรบางอย่าง
“มัน ทำไมมันไม่โจมตีพวกเรา? ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินจื่อหลันก็ถามด้วยความงงงวย
เมื่อหลินจื่อหลันพูดจบ สิงโตก็พุ่งเข้ามาใส่พวกเฉินเกอทั้งห้าทันที
“บ้าเอ่ย พี่หลิน เรื่องปากพล่อยของพี่นี่ไม่มีใครเหมือนแล้วจริงๆ! ”
เกาจื่อเฉิงที่อยู่ด้านหนึ่งตกตะลึงตาค้างทันที จากนั้นจึงตะโกนบ่นหลินจื่อหลันด้วยความโมโห หลินจื่อหลันช่างพูดได้ถูกประเด็นเสียจริง พูดจบสิงโตก็เริ่มโจมตีพวกเขาทันที
“รีบแยกย้าย ฉันจะจัดการกับมันเอง! ”
เฉินเกอตะโกนบอกพวกโจวโน่ทั้งสี่อย่างเร่งรีบ จากนั้นเขาก็ก้าวเข้ามาและพุ่งเข้าหาสิงโต