ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 866
บทที่ 866 ชี้จุด
“เฉินเกอ หลายวันนี้นายพักผ่อนให้ดีก่อน เรื่องอื่นเดี๋ยวพวกเราจัดการเอง!”
โจวโน่กำชับเฉินเกออีกครั้ง
เฉินเกอก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงทำตามอย่างเชื่อง จากนั้นก็นอนลงและพักฟื้นต่อไป
หลายวันถัดมา
เจินจีพี่สาวของเจินเหมยตื่นแต่เช้าเคาะประตูห้องเฉินเกอ
“เฉินเกอ เฉินเกอ อยู่รึเปล่า?”
แต่รออยู่พักใหญ่ ในห้องก็ไม่มีเสียงของเฉินเกอ
สิ่งนี้ทำให้เจินจีสงสัยอย่างมาก รีบเปิดประตูเข้าไปดูทันที
เมื่อดู ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของผี
“หมอนี่ไปไหนแล้ว? หรือว่าจะไปแล้ว?”
ความคิดเจินจีเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หลังจากคิดครู่หนึ่ง เจินจีก็รีบเดินออกไป เหลือบมองไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง
มาถึงสวนดอกไม้ด้านหลัง เห็นเพียงเฉินเกอกับเล๋ยเล่สองคนกำลังนั่งอยู่บนหินสลัก ทั้งสองหลับตาบำรุงเสิน ดูมีความสุขและอิ่มเอมใจ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เจินจีก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตา
ความจริงเฉินเกอกับเล๋ยเล่ตื่นมาฝึกกังฟูแต่เช้าแล้ว ถึงว่าในห้องไม่มีแม้แต่คนเดียว
“เฉินเกอ!”
หลังจากหยุดชั่วขณะ เจินจีเดินไปที่ข้างกายเฉินเกอ ตะโกนเบา ๆ
เมื่อเฉินเกอได้ยิน ลืมตาขึ้นทันที
“คุณหนูใหญ่เจิน ตื่นเช้าจังนะ เธอก็มาฝึกกังฟูเหรอ?”
เฉินเกอเห็นเจินจีมา มองไปที่เจินจีถามด้วยรอยยิ้มที่ยินดี
เจินจีเหลือบมอง เล๋ยเล่ที่อยู่ข้างๆ เฉินเกอ พบว่าเล๋ยเล่ไม่ได้มีการเปลี่ยนการแสดงออกและพฤติกรรมใดๆ เลย จึงทำให้เจินจีถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรู้ว่า เล๋ยเล่ไม่ใช่คนที่หาเรื่องได้ง่ายๆ กลัวว่าเขาจะโกรธที่ตัวมาหาเฉินเกอ
เล๋ยเล่ราวกับรู้สึกได้ถึงแววตาของเจินจี ก็ลืมตาขึ้นทันที แล้วลุกขึ้นกระโดดออกไป ออกจากสวนดอกไม้หลังบ้านอย่างรู้สถานการณ์
เฉินเกอเห็นการเคลื่อนไหวของเล๋ยเล่ รู้สึกอุ่นใจ เขารู้ว่า เล๋ยเล่เข้าใจความคิดของเขาเป็นอย่างดี ไม่อยากอยู่ต่อเพื่อรบกวน
แน่นอนเจินจีมีเป้าหมายสูงมาก
“เฉินเกอ ทำไมนายตื่นเช้าจัง?”
หลังจากที่เล๋ยเล่จากไป เจินจีก็มองเฉินเกอถามอย่างสงสัย
“ฉันตื่นเช้าแบบนี้ทุกวันอยู่แล้ว ชินแล้ว”
เฉินเกออธิบายอย่างง่ายๆ
ความเคยชินนี้เป็นนิสัยตั้งแต่เด็กจนโตของเฉินเกอ ตื่นเช้าฝึกกังฟู เป็นตัวช่วยในการพัฒนาร่างกายและวิทยายุทธที่ดีเยี่ยม
“ไปเถอะ ฉันพานายไปที่ที่หนึ่ง!”
จากนั้น เจินจีก็พูดกับต่อเฉินเกอ
ไม่รอปฏิกิริยาของเฉินเกอ เจินจีก็ดึงมือเฉินเกอเดินมุ่งออกไปด้านนอกประตูจวน
ช่วยไม่ได้ เฉินเกอทำได้เพียงปล่อยให้เจินจีดึงตัวเอง
ในไม่ช้า เจินจีก็ดึงเฉินเกอมาถึงที่ซาลาเปาร้านหนึ่ง
“มา ฉันเลี้ยงอาหารเช้านาย ซาลาเปาร้านนี้อร่อยมาก ฉันมากินทุกวันเลย!”
เจินเหมยดึงเฉินเกอนั่งลง จากนั้นตะโกนเรียนบริกร: “บริกร ซาลาเปามาสามเข่ง!”
“โอเค รอสักครู่ มาเดี๋ยวนี้เลย!”
บริกรรู้จักเจินจีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะละเลยเลยสักนิด
นี่ยัง ยังผ่านไปไม่ถึงถึงหนึ่งนาที บริกรก็เสิร์ฟซาลาเปาหอมกรุ่นสามเข่งวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเฉินเกอและเจินจีทั้งสอง
“มา รีบกินเถอะ!”
เจินจีนำซาลาเปาเข่งหนึ่งผลักไปที่ด้านหน้าเฉินเกอ จากนั้นตัวเองก็กัดคำใหญ่คำโตโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์
ต้องบอกเลยว่า ปริมาณอาหารที่เจินจีกินน่าทึ่งจริงๆ
เฉินเกอกินซาลาเปาแค่เข่งเดียว ส่วนเจินจีกินซาลาเปาสองเข่งใหญ่เพียงคนเดียว
“เอิ่ม คุณหนูใหญ่เจิน เธอ เธอกินเยอะไปแล้วมั้ง”
เฉินเกอมองไปที่เจินจีโดยตรงและพูดออกไป พูดไปพร้อมกับจับหัวตัวเองอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
เจินจีเงยหน้าขึ้น เหลือบมองไปที่เฉินเกอ
“ฉันเป็นคนที่กินเยอะตั้งแต่เกิด ทำไมเหรอ?”
เจินจีมองถามเฉินเกอสีหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ
เฉินเกอฟังแล้ว ส่ายหัวไปมาอย่างเร็ว เขากลัวว่าถึงตอนนั้นเจินจีจะพังโต๊ะ
หลังจากอาหารมื้อเช้า เฉินเกอและเจินจีมุ่งหน้าไปที่สนามฝึกยุทธในเมืองมังกรแดง
สนามฝึกยุทธแบบนี้มีอยู่ทุกๆ เมือง ให้คนที่มีวิทยายุทธมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การต่อสู้และแข่งขันกันเป็นพิเศษ และการแข่งขันต่างๆ จัดขึ้นทุกปี
ทั้งสองมาถึงสนามฝึกยุทธ มีผู้คนมากมายอยู่ในนั้นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การต่อสู้ซึ่งกันและกัน
เมื่อเห็นเจินจีมาถึง ผู้คนจำนวนมากต่างแสดงความเคารพด้วย ทุกคนต่างเปิดทางและเว้นที่ให้กับเจินจี ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเจินจีมีอิทธิพลในเมืองมังกรมากเช่นกัน
ผู้แข็งแกร่ง มักจะเหนือกว่า ได้รับความเคารพ แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงก็ตาม
เจินจีหาตำแหน่งที่ธรรมมากได้ที่หนึ่ง ก็ยืนอยู่ที่นั่นกับเฉินเกอ
“เฉินเกอ ฉันจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้การต่อสู้กับนายสักหน่อย!”
เจินจีมองเฉินเกอพูดเสนอขึ้น
“ได้!”
เฉินเกอตอบตกลงทันทีอย่างตรงไปตรงมา
เขาสัญญาว่าจะสอนวิทยายุทธให้กับเจินจี ดังนั้นจะต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้การต่อสู้อยู่แล้ว มีเพียงแลกเปลี่ยนเรียนรู้การต่อสู้ที่ไม่หยุด จึงจะสามารถปรับปรุงวิทยายุทธได้เร็วขึ้น
พูดจบ ทั้งสองก็เดินไปที่ตำแหน่งของตัวเอง
“พร้อมรึยัง?”
เจินจีมองไปที่เฉินเกอและถาม
“มาเลย พร้อมแล้ว!”
เฉินเกอพยักหน้าตอบกลับให้เจินจีทันที
เมื่อสิ้นเสียง เท้าเจินจีก็เตะที่พื้น คนพุ่งเข้ามาหาเฉินเกอ
ความเร็วของเจินจีไม่ถือว่าช้า มาถึงตรงหน้าเฉินเกอทันที ด้วยกำปั้นชมพูพุ่งเข้าหาเฉินเกอ
ยังคงเหมือนก่อนหน้า วิธีการโจมตีของเจินจีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักนิด
ดังนั้นเฉินเกอจึงเอาชนะเจินจีได้อย่างง่ายดายในทันที
เฉินเกอเอียงตัวเล็กน้อย เอื้อมมือไปจับแขนของเจินจี แล้วขว้างลงไปที่พื้น
ขว้างแบบนี้ จุดศูนย์ถ่วงของเจินจีไม่นิ่ง คนจึงจะล้มลงกับพื้น
ยังดีที่เฉินเกอดึงเอาไว้ ไม่ได้ทำให้เจินจีล้มลมกับพื้น ไม่อย่างงั้นคงขายหน้าจริงๆ
ผู้ชมรอบๆ ด้านเห็นฉากนี้ ทุกคนต่างก็แสดงแววตาประหลาดใจออกมา
คนเหล่านี้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าฝีมือของเจินจีทรงพลังขนาดไหน
เมื่อก่อนเจินจีมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การต่อสู้กับคนอื่นๆ ที่นี่ไม่ใช่น้อย จนถึงที่สุดไม่มีใครกล้าท้าทายเจินจีแบบตัวต่อตัว กล่าวอีกนัยหนึ่งเจินจีอยู่ในขอบเขตที่โดดเดี่ยวแสวงหาพ่ายขั้นนั้นแล้ว
แล้วตอนนี้ล่ะ เจินจีกลับพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มอย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนตกใจหาที่เปรียบไม่ได้
“มาอีก!”
เจินจีไม่มีทางยอมแพ้แบบนี้แน่ ทันทีหลังจากที่ร่างกายนิ่งแล้วก็พูดกับเฉินเกอ
เธอไม่เชื่อว่าตัวเองจะไม่สามารถรอดไปจากมือของเฉินเกอได้
“คุณหนูใหญ่เจิน ช้าก่อน!”
ได้ยินเจินจีพูด เฉินเกอก็ตะโกนหยุดเจินจี
เจินจีหันกลับไปมองเฉินเกอด้วยความสับสน
“มีอะไร?”
“ฉันคิดว่าวิธีการโจมตีของเธอต้องเปลี่ยนสักหน่อย หากวิธีการโจมตีของเธอยังเป็นแบบนั้น ไม่ว่าเธอจะเข้ามาโจมตีฉันอีกกี่ครั้ง เธอก็จะถูกฉันทำให้ล้มในคราเดียว!”
เฉินเกออธิบายปัญหาของเจินจีออกมา เขาหวังว่าเจินจีจะมีการเปลี่ยนแปลง
“วิธีการโจมตีของฉันมีปัญหาเหรอ?”
เจินจีถามเฉินเกออย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย
ตลอดที่ผ่านมา เธอใช้วิธีการโจมตีแบบนี้มาโดยตลอด เธอรู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับวิธีการโจมตีของตัวเอง ทำไมเฉินเกอถึงพูดแบบนั้น?