ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 890
บทที่ 890 สุสาน
ก็เห็นลูกน้องในทีมของจางเล่หยิบพลั่วและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆออกมา จากนั้นก็ได้เริ่มขุดจากตำแหน่งที่เท้า
“เฉินเกอ ยังต้องใช้เวลาอีกหน่อยถึงจะขุดจนทะลุ พวกเราไปพักผ่อนข้างๆกันก่อนดีกว่า!”
จางเล่มองไปที่เฉินเกอแล้วเสนอ การจะขุดทางทะลุนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ต้องใช้เวลามากในการขุด
เฉินเกอไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ก็พยักหน้าตกลงทันที จากนั้นได้กลับไปนั่งข้างกายของพวกเล๋ยเล่
“พี่เฉิน พี่เชื่อคนเหล่านี้มั้ย?”
เล๋ยเล่มีความกังวลเล็กน้อยมองหน้าเฉินเกอแล้วถาม
เฉินเกอชายตาไปมองเล๋ยเล่ ก็ต้องเข้าใจความหมายของเล๋ยเล่อยู่แล้ว
“วางใจเถอะ พี่มีลิมิตอยู่!”
เฉินเกอมองเล๋ยเล่แล้วตอบไปหนึ่งประโยค
ได้ฟังเฉินเกอพูดแบบนี้แล้ว เล๋ยเล่ก็ไม่ได้ไปกังวลหรือสงสัยอะไรอีก เขาเชื่อว่าเฉินเกอมีความคิดเห็นของตัวเอง
“ท่านฟ่าน คุณรู้สึกยังไง?
ติดตามมาด้วย เฉินเกอก็มองไปท่านฟ่านที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
ตลอดทางมานี้ ท่านฟ่านไม่ค่อยพูดจาสักเท่าไหร่ เงียบสงบจนน่าสงสัย
มีกำลังคนเพิ่มขึ้นก็มีความช่วยเหลือที่เพิ่มตามมาด้วย ยังไงก็ต้องระวังไว้บ้าง
ก็ได้ยินท่านฟ่านพูดออกมาเพียงประโยคเดียว
เฉินเกอฟังแล้ว ก็พยักหน้า
เวลาก็ได้ผ่านไปสองชั่วโมง ในที่สุดก็ตามมาด้วยเสียงที่ดังมากเสียงหนึ่ง ทางเดินได้ขุดทะลุแล้ว
เฉินเกอและพวกก็ได้รีบลุกขึ้นไปกรูกันเข้าไป
แน่นอนทางเดินขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน ด้านในทางเดินนั้นมืดมิดมาก ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย
“พวกนายสองคน เข้าไปตรวจดูทางเดินก่อน หากพบเห็นความผิดปกติ ให้รีบออกมาทันที!”
จางเล่เวลานี้ได้หันหลังไปสั่งลูกน้องในทีมสองคน
“ครับ!”
ลูกน้องสองในทีมพยักหน้าตอบรับทันที จากนั้นก็ได้เปิดไฟฉาย ได้เดินเข้าไปในทางเดินพร้อมกัน
ลูกทีมทั้งสองคนมือถือไฟฉาย ได้เดินเข้าไปข้างในทางเดิน
ผ่านไปประมาณหลายนาที ลูกทีมทั้งสองก็ได้ออกมาจากทางเดิน
“รายงานหัวหน้า ข้างในปกติทุกอย่าง สามารถเข้าไปได้ครับ!”
ลูกทีมทั้งสองรายงานกับจางเล่พร้อมเพรียงกัน
“ดี ทุกคนโปรดระวังตัวด้วย ห้ามจับไปเรื่อย ให้เดินตามทีมกันไป!”
จางเล่ฟังแล้ว ก็รีบสั่งการทันที
“ครับ!”
ได้ยินคำสั่งของจางเล่ ทุกคนก็ตอบพร้อมกัน
“เฉินเกอ ไปเถอะ พวกเราเดินเข้าไปพร้อมกัน!”
พูดจบ จางเล่ก็มองไปทางเฉินเกอแล้วกล่าว
เฉินเกอพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ตามจางเล่เดินเข้าไปในทางเดินพร้อมกัน ท่านฟ่านและอีกสามคนก็เดินตามอยู่ด้านหลังของเฉินเกอ
เข้าไปแล้ว ก็เห็นบนกำแพงหินสองข้างมีรูปภาพสีที่แตกต่างกันไป ดูก็รู้ว่ามีอายุยาวนานและประวัติความเป็นมาที่นานมาก
“ท่านฟ่าน รูปเหล่านี้คุณสามารถดูออกว่ามันคืออะไรมั้ย?”
เฉินเกอเวลานี้ได้หันหน้าไปทางท่านฟ่านด้วยความสงสัยแล้วถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
ท่านฟ่านมองดูแล้ว ก็ได้พูดขึ้น ภาพวาดด้านบนนี้ได้วาดถึงความเป็นมาของคนเผ่าผี ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงช่วงเวลาที่ถดถอย ด้านบนได้วาดไว้อย่างละเอียด ดูเหมือนที่ตรงนี้จะเป็นดินแดนสำหรับคนเผ่าผีแล้ว
ใช้ความพยายามและความอดทนไปมาก ในที่สุดทุกคนก็มาถึงแดนเผ่าผี
“เพียงแต่ดูจากศพที่ตายเหล่านั้นของเมื่อวาน คนของเผ่าผีน่าจะยังมีคนที่มีชีวิตอยู่ จะเป็นอันตรายต่อพวกเราอย่างมาก ยังไงก็ควรระวังให้มากกว่าเดิม!”
ท่านฟ่านก็ได้เอ่ยปากเตือนพวกเฉินเกอไปหนึ่งประโยค
คนในเผ่าผี ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทที่พึ่งพาตัวเอง ดังนั้นจึงได้เกลียดแค้นคนภายนอกอย่างมาก ขอเพียงแค่พบเจอ ก็จะจู่โจมทำร้ายทันที อีกอย่างคนเผ่าผีนั้นว่องไวมาก เป็นประเภทที่ฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอย
“คุณวางใจเถอะ คนของพวกเราก็เก่งไม่ใช่ย่อย แต่ละคนเป็นนักต่อสู้ที่มีฝีมือ คิดว่าคนเผ่าผีก็ไม่กล้าที่จะเหิมเกริม!”
จางเล่ที่เดินอยู่ด้านหน้ากลับไม่คิดเช่นนั้น เขายิ้มอย่างมั่นใจพร้อมหันมาตอบท่านฟ่าน
สำหรับคำพูดของจางเล่ ท่านฟ่านไม่ตอบสนอง
เดินไปประมาณสักพัก ในที่สุดทุกคนก็ได้เดินออกไปจากช่องทางเดินนี้แล้ว ช่องทางเดินนี้มีความยาวหลายร้อยเมตร เดินไปประมาณสิบกว่านาที อีกอย่างทุกฝีก้าวต้องคอยระมัดระวังรอบๆและใต้ฝ่าเท้า ใต้ฝ่าเท้ามีหินละเอียดหลายรูปแบบ หากไม่ใช่เพราะสวมรองเท้าไว้ เกรงว่าเท้าคงจะถูกทิ่มแทงไปตั้งนานแล้ว
เฉินเกอและคณะเดินออกจากช่องทางเดินแล้ว ก็ได้มาถึงห้องโถงที่ใหญ่มโหฬาร ตรงกลางห้องโถงได้วางวงล้อไว้หนึ่งอัน ดูแล้วมันค่อนข้างที่แปลกและลึกลับ
“แม่งเอ๊ย คาดไม่ถึงในป่าในเขาจะตำหนักที่ใหญ่มโหฬารแบบนี้!”
เล๋ยเล่มองดูโดยรอบหนึ่งรอบ จู่ๆก็ได้ก็อุทานด้วยความตกใจ ดูเหมือนเผ่าผีนี้จะแข็งแกร่งไม่เบา
จากนั้น ทุกคนต่างก็มองไปรอบ ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น
เฉินเกอและพวกได้เดินมาถึงจุดศูนย์กลางตรงวงล้อ
“พี่เฉิน พี่สามารถดูออกหรือเปล่าว่าวงล้อนี้มันจะแสดงออกอะไรเหรอ?”
เล๋ยเล่มองวงล้อไปแวบหนึ่งแล้ว ก็ถามเฉินเกออย่างอยากรู้อยากเห็น เพื่อนอยากจะให้เฉินเกออธิบายให้ฟัง
“อันนี้วงล้อตะวันจันทราของเผ่าผี ใช้เพื่อมาคำนวณเวลาโดยเฉพาะ!”
ไม่รอให้เฉินเกออธิบาย ท่านฟ่านที่อยู่ด้านข้างก็ได้กล่าวขึ้น
“วงล้อตะวันจันทรา แล้วทำไมพวกเขาจึงต้องใช้ของสิ่งในการคำนวณเวลาล่ะ?”
เล๋ยเล่ถามต่ออย่างสงสัย ท่าทางที่ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นมาก
“เวลาที่พวกเขาคำนวณนั้นไม่ใช่เวลาทั่วไป แต่มันเป็นเวลาที่เขาต้องเติมเลือด!”
ท่านฟ่านก็ได้พูดขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
คำพูดนี้ทำให้เล๋ยเล่ฟังแล้ว จู่ๆขนก็ได้ลุกซู่ทั้งตัว
ซึ่งก็หมายความว่าคนในเผ่าผีใช้วงล้อนี้ในการคำนวณเวลาที่พวกเขาต้องดูดดื่มเลือด เพียงแค่ถึงเวลา พวกเขาก็ต้องดูดเลือดสดใหม่เพิ่มเข้าไป ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกน่าอนาถมาก
“หัวหน้า ตรงที่มีมุกหนึ่งเม็ด ยังสามารถหยิบมันขึ้นมาได้ด้วย น่าจะมีค่ามากพอสมควร!”
เวลานี้ ลูกทีมคนหนึ่งก็ได้ตะโกนบอกกับจางเล่ จากนั้นก็ได้ยื่นมือออกไปแตะมุกที่อยู่บนกำแพงหิน
“อย่าจับ!”
เฉินเกอรีบตะโกนห้ามด้วยเสียงที่โกรธเคือง
แต่น่าเสียดาย มันสายไปเสียแล้ว ลูกทีมคนนั้นได้แกะมุกออกมาจากกำแพงแล้ว ถืออยู่ในมือ มองเฉินเกอด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินเกอต้องตื่นเต้นเพียงนี้
“โวง!”
วินาทีต่อมา ก็เห็นทางเข้าของห้องโถงถูกหินขนาดมหึมาเลื่อนลงมาขวางไว้แล้ว
“ระวัง!”
เฉินเกอก็ได้ตะโกนเสียงดังอีกครั้ง จากนั้นก็ได้กดท่านฟ่านและอีกสามคนลงไปบนพื้น
ตามมาด้วย ลูกธนูที่นับไม่ถ้วนก็ได้ยิงออกมาจากรอบๆกำแพง
เพียงชั่วขณะ ลูกทีมหลายคนของจางเล่ไม่ทันตั้งตัว ก็ได้ถูกลูกธนูยิงเข้าโดยตรง ล้มจมกองเลือดทีละคน
เพียงครู่เดียว ทุกคนก็ถูกกดทับไว้บนพื้น ไม่มีคนกล้าเงยหน้าขึ้นมอง กลัวว่าจะโดยลูกธนูยิงทะลุศีรษะ
สถานการณ์แบบนี้เป็นใครก็คาดไม่ถึง คาดไม่ถึงว่าด้านในนี้จะมีค่ายกลซ่อนอยู่