ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 902
บทที่ 902 ลงมือเฉียบขาด
“แกเป็นผีอะไรกันแน่ ทำไมถึงเก่งกล้าขนาดนี้ พวกเราไม่ได้เป็นศัตรูกับแก ทำไมต้องลงมือฆ่าพวกเราด้วย!”
เวลานี้หนึ่งในนักล่าชี้ไปที่เฉินเกอแล้วถามเขาออกมา
ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย จู่ๆ ก็ถูกเฉินเกอแอบโจมตี ทำให้พวกเขารู้สึกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก
“เหอๆ ไม่ทำไม ฆ่าพวกนายไม่จะเป็นต้องมีเหตุผล!”
เฉินเกอตอบเย็นชาออกมา
ล้อเล่นหรือเปล่า เป็นไปได้ยังไงที่เฉินเกอจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และเหตุผลของตัวเอง และสำหรับตัวตนที่แท้จริงของเขานั้น เป็นไปไม่ได้ที่เฉินเกอจะเปิดเผยมันออกมา
พูดจบ เฉินเกอลงมือทันที
แค่ในชั่วพริบตา เฉินเกอก็กำจัดนักล่าที่เหลือทั้งสามคนได้อย่างง่ายดาย ก่อนตายก็ไม่สามารถรู้ตัวตนของเฉินเกอได้ว่าเขาคือใคร
หลังจากที่กำจัดนักล่าทั้งสี่คนนี้แล้ว เฉินเกอลงมือทำการค้นตัวพวกเขาทันที
เฉินเกอค้นพบเจอป้ายขององค์กรนักล่า
นี่เป็นสัญลักษณ์ยืนยันตัวตนของนักล่า
คนที่เป็นนักล่าขององค์กร ทุกคนต้องมีป้ายอันนี้ติดตัวเพื่อแสดงตัวตน
เฉินเกอเก็บป้ายทั้งสี่อันนี้ไว้ จากนี้บินออกไปจากที่นี่ทันที
คิดว่าพรุ่งนี้คงจะมีคนพบศพของทั้งสี่คนนี้แน่นอน
แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นฝีมือของเฉินเกอ เพราะเฉินเกอไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ เพราะเฉินเกอลงมือหลังจากที่แปลงร่างเป็นเจินเสินแล้ว
อีกอย่างเมื่อมีป้ายทั้งสี่นี้แล้ว ทำให้เฉินเกอและพวกทั้งสามคนไปเขตภูเขาหินฟอสเฟตได้อย่างราบรื่นมาก อย่างน้อยก็จะไม่กลายเป็นเป้าหมายขององค์กรนักล่าได้ง่าย
กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลนี้ปรากฏขึ้นด้วยวิธีนี้เอง
เมื่อกลับไปถึงโรงแรม เฉินเกอได้กลับคืนร่างของตัวเอง จากนั้นหลับตาแล้วนอนหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเกอตื่นขึ้นมาแต่เช้า
หลังจากที่ทั้งสามคนเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแล้ว ได้เข้าไปนั่งในรถ
“ให้!”
เมื่อนั่งในรถแล้ว เฉินเกอยื่นป้ายของนักล่าที่ได้มาเมื่อวันให้กับเล๋ยเล่และเจินจีทั้งสองคน
“นี่คืออะไรเหรอ?”
เล๋ยเล่ถามออกมาด้วยความสงสัย
“ป้ายของนักล่า!คุณมีอันนี้ได้ยังไง?”
เจินจีมองไปที่เฉินเกอด้วยท่าทีประหลาดใจแล้วถามเขาออกมา และเหมือนจู่ๆ จะทายอะไรออกมาได้
“ป้ายอันนี้เมื่อคืนฉันยึดมาจากมือของนักล่าสี่คนนั้น สะดวกพวกเราตอนที่เดินทางไปเขตภูเขาหินฟอสเฟต จะได้ไม่กลายเป็นเป้าหมายขององค์กรนักล่าได้ง่าย และยังสามารถซ่อนเร้นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้”
เฉินเกอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนออกมา
หลังจากฟังที่เฉินเกอเล่าแล้ว เจินจีและเล๋ยเล่ถึงเข้าใจความเป็นมา ที่แท้เมื่อวันเฉินเกอออกไปจัดการกำจัดนักล่าทั้งสี่คนนั้นมาแล้ว ทำได้แบบแนบเนียนจริงๆ
“ความหมายของพี่ก็คือ เมื่อมีป้ายนี้แล้ว ตัวตนของพวกเราก็จะกลายเป็นนักล่าใช่ไหม?”
เล๋ยเล่ไหวพริบดีมาก อธิบายถึงความลับที่แฝงอยู่ในนี้ออกมาได้ทันที
“ฉลาดมาก นี่ก็คือกลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเล!”
เฉินเกอพูดชื่นชมเล๋ยเล่ออกมา
พูดจบ เฉินเกอสตาร์ทรถ และเหยียบคันเร่ง ขับรถออกไป ทั้งสามคนได้ขับรถออกเดินทางไปที่เขตภูเขาหินฟอสเฟต
เขตภูเขาหินฟอสเฟต เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของหมู่บ้านโล่เสีย
ที่นี่มีหินฟอสเฟตมากมาย หินฟอสเฟตนี้สามารถนำมาผลิตวัสดุเคมีได้มากมาย และยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับได้ คนในท้องถิ่นเลือกที่จะใช้ประโยชน์ของหินฟอสเฟตสร้างความร่ำรวยให้กับพวกเขา
ระยะทางจากหมู่บ้านโล่เสียถึงเขตภูเขาหินฟอสเฟตต้องใช้เวลาสองชั่วโมง
ดังนั้นเมื่อเฉินเกอและพวกทั้งสามคนมาถึงก็เป็นเวลาเที่ยงสิบสองนาฬิกาแล้ว ได้เวลากินข้าวเที่ยงพอดี
เฉินเกอจอดรถไว้ในลานจอดรถที่หนึ่ง จากนั้นพาเล๋ยเล่กับเจินจีเข้าไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อกินข้าวเที่ยง
“ที่นี่เต็มไปด้วยหินฟอสเฟต มีทุกที่เลย !”
เล๋ยเล่มองไปที่เฉินเกอและพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ได้ข่าวว่าคนท้องถิ่นอาศัยหินฟอสเฟตนี้ทำให้พวกเขาร่ำรวย แถมยังเก็บยังไงก็ไม่หมด บริเวณเขตหนึ่งหลังจากถูกเก็บหมดแล้ว ผ่านไปสักระยะมันก็จะออกขึ้นมาด้วยตัวมันเองอีก ซึ่งมันน่ามหัศจรรย์มาก”
เฉินเกออธิบายให้เล๋ยเล่ฟัง อธิบายเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของหินฟอสเฟตให้เขาฟัง
“มหัศจรรย์ขนาดนี้เลย ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็อาศัยมันทำให้ร่ำรวยได้ใช่ไหม?”
เมื่อเล๋ยเล่ได้ยินก็รีบเสนอความคิดนี้ออกมาทันที
เฉินเกอและเจินจีทั้งสองคนส่ายหัวออกมาพร้อมกัน รู้สึกเล๋ยเล่คิดแต่จะหาเงินอย่างเดียว
“นายคิดว่ามันทำง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?นายเป็นคนต่างถิ่น ถ้ากล้าลงมือเก็บหินฟอสเฟตที่นี่ คิดว่าคงต้องถูกคนในท้องถิ่นรุมจัดการแน่นอน!ทางที่ดีนายอย่ามีความคิดแบบนี้จะดีกว่า”
เฉินเกอเตือนเล๋ยเล่ออกมาด้วยความหวังดี
หินฟอสเฟตพวกนี้เป็นสมบัติของคนในท้องถิ่น ใครจะยอมให้สิ่งที่ทำให้ตัวเองร่ำรวยถูกคนนอกมาเอาไป ต้องไม่ยอมอยู่แล้ว
“เหะๆ ผมก็แค่พูดไปตามภาพเท่านั้นเอง”
เล๋ยเล่ลูบหัวตัวเองแล้วยิ้มเหย่ๆ ออกมา จากนั้นก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
เรื่องเงินสำหรับเฉินเกอนั้นไม่มีความสำคัญอะไรเลย
เงินของเฉินเกอในตอนนี้เยอะมากจนใช้ไม่หมดแล้ว สามารถพูดได้เลยว่าไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินใช้
เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาที่มาในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเพราะป้ายเส่ส้า
และในเวลานี้เอง มีกลุ่มคนใส่เสื้อสีดำเก๊งหนึ่งเดินเข้ามาในร้านอาหารที่เฉินเกอทั้งสามคนนั่งอยู่
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้เดินเข้ามา เฉินเกอสามคนตื่นตัวขึ้นมาทันที
เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนขององค์กรนักล่านั่นเอง แขนของทุกคนล้วนมีรอยสักรูปภาพขององค์กรนักล่ากันทั้งนั้น แค่ดูก็สามารถดูออกได้
“คนเหล่านี้เป็นนักล่าขององค์กรนักล่าสิ?”
เล๋ยเล่ถามเฉินเกอออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบา
เฉินเกอตอบและพยักหน้าออกมาอย่างไม่ลังเล : “ถูกต้อง พวกเขาเป็นนักล่าขององค์กรนักล่า มองรูปภาพบนแขนของพวกเขาก็รู้แล้ว”
คิดไม่ถึงว่าอยู่ที่นี่ก็สามารถเจอนักล่าขององค์กรนักล่าได้ ทำให้เฉินเกอทั้งสามคนรู้สึกโชคไม่ดีเลย
“พวกเราต้องทำตัวนิ่งๆ หน่อย อย่าให้ใครดูอะไรออกได้เป็นอันขาด!”
เฉินเกอไม่ลืมที่จะเตือนเล๋ยเล่และเจินจีออกมาเสียงเบา
เล๋ยเล่และเจินจีพยักหน้าออกมาพร้อมกัน ส่วนเล๋ยเล่นั้นก้มหน้าลงมาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นดูเลย เพราะกลัวว่าจะมีคนสังเกตเห็นความผิดปรกติออกมา
ผ่านไปไม่นาน กับข้าวของเฉินเกอทั้งสามคนก็ถูกเสิร์ฟออกมา
ทั้งสามคนรีบกินอาหารอย่างรวดเร็ว
แต่กินได้ไม่นาน ก็เห็นโต๊ะของนักล่าพวกนั้นหันมามองที่เฉินเกอทั้งสาม และเหมือนกำลังสนทนาอะไรกันอยู่
หลังจากที่เห็นสายตาของนักล่าพวกนี้แล้ว เล๋ยเล่ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“พวกเขาจ้องมองพวกเราตลอด พวกเราควรทำยังไงดี?คงไม่สงสัยอะไรหรอกมั้ง?”
เล๋ยเล่ถามเฉินเกอออกมาด้วยความตื่นเต้นและกังวลเล็กน้อย
“อย่าตกใจ ใจเย็นไว้!”
เฉินเกอจ้องมองไปที่เล๋ยเล่ด้วยสายตาที่ห้ามปราม
ยิ่งเวลาแบบนี้ยิ่งต้องใจเย็น ห้ามให้นักล่าพวกนี้เห็นอะไรเด็ดขาด
หลังจากนั้น หนึ่งในนักล่าได้ลุกยืนขึ้นมา แล้วเดินหาเฉินเกอทั้งสามคน
นักล่าคนนี้ได้เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะอาหารของเฉินเกอทั้งสามคน
“โย้ว คนสวย พวกคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ?”
นักล่าคนนี้มองข้ามเฉินเกอและเล๋ยเล่ แต่กลับโน้มตัวมองไปที่เจินจีแล้วถามเธอออกมา