ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 905
บทที่ 905 ไหว้ครู
“พวกคุณไม่ต้องขึ้นมา ผมรับมือเอง!”
เฉินเกอร้องตะโกนเสียงดังใส่เจินจีและเล๋ยเล่
พูดจบ ก็เห็นหมูป่าได้เข้ามาใกล้แค่เอื้มแล้ว
เคี้ยวของหมูป่าแหลมคมมาก อ้าปากใหญ่ของตัวมันเองออกมาและกัดไปที่เฉินเกอ
นี่ถ้าโดนหมูป่ากัด ไม่ตายก็คงต้องพิการเป็นแน่
แน่นอน เฉินเกอไม่ยอมปล่อยให้หมูป่ามีโอกาสนี้อยู่แล้ว
เฉินเกอกลิ้งออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระบี่ซิงหยวนของเขาก็ปรากฏขึ้นในมือ
กระบี่ซิงหยวนถึงแม้จะใช้ในการรับมือกับผี แต่ก็สามารถนำมาเป็นอาวุธได้
เนื่องจากหมูป่ามีลำตัวที่ใหญ่ ดูแล้วดุร้ายมาก แต่ที่จริงแล้วร่างกายมันเชื่องช้ามากและไม่ยืดหยุ่นเลย ร่างทั้งร่างของมันพุ่งตรงออกไป และไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่
“โฮ้ง!”
ต้นไม้ใหญ่ถูกชนจะสั่นสะเทือน ทำให้ใบไม้ร่วงลงไม้นับไม่ถ้วน
เฉินเกอเมื่อเห็นเวลาที่เหมาะสม เขารู้ว่าโอกาสที่เขาจะลงมือมาถึงแล้ว
“ว้าว!”
เฉินเกอแตะด้านหน้าของฝ่าเท้าใส่พื้น ทำให้ร่างกายทั้งตัวของเขาพุ่งชนออกไปอย่างรวดเร็ว และพุ่งชนไปที่หมูป่าอย่างจัง
กระบี่ซิงหยวนในมือแทงเข้าไปในร่างของหมูป่า
“ตายซะ!”
เฉินเกอตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความโกรธ และใช้กระบี่ซิงหยวนฟันเข้าไปในร่างของหมูป่า
มีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา และเลือดพุ่งกระฉูดออกมาทันที
“เสียงร้องคำราม!”
เนื่องจากเจ็บปวดทำให้หมูป่าร้องโหยหวนออกมา เสียงดังไปทั่วพื้นป่านี้
ทำให้บรรยากาศเงียบสงัดในยามวิกาลน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากนั้น หมูป่าก็ไม่สามารถขยับตัวได้อีก ล้มตัวลงไปกับพื้นนอนแน่นิ่งแล้วตายไป
เฉินเกอใช้พลังแค่หนึ่งท่าก็กำจัดหมูตัวใหญ่นี้ให้ตายไปได้ สามารถพูดได้เลยว่ามันง่ายดายมาก
“ฮู!”
เมื่อเห็นเฉินเกอฆ่าหมูป่าตายแล้ว เล๋ยเล่จึงเดินออกมาจากหลังต้นไม้
เล๋ยเล่เดินไปด้วยถอนหายใจออกมาด้วย รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก เพราะว่าหมูป่าตัวนี้ได้ตายไปแล้ว
เล๋ยเล่และเจินจีเดินมายืนอยู่ด้านข้างของเฉินเกอ และมองดูหมูป่าที่อยู่ตรงหน้า
“เม่งเอ๊ย หมูป่าตัวนี้ทำไมใหญ่จัง!”
เล๋ยเล่อุทานออกมาด้วยความตะลึง เขาไม่เคยเห็นหมูป่ามาก่อนและยังเป็นหมูป่าที่ตัวใหญ่ขนาดนี้อีกด้วย
อย่าไปพูดเล๋ยเล่ไม่เคยเห็นเลย แม้กระทั่งเฉินเกอและเจินจีก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน
“พอดีเลย เนื้อของหมูป่าดีใช้ได้เลย มื้อเย็นของพวกเรามีอาหารให้กินล่ะ!”
เฉินเกอมองไปที่เล๋ยเล่กับเจินจีด้วยรอยยิ้มและพูดเตือนพวกเขาออกมา
พูดจบ เฉินเกอใช้กระบี่ซิงหยวนตัดเนื้อหมูป่าออกมาชิ้นใหญ่
เนื้อหมูป่าแบบนี้ทั้งสดทั้งอร่อย และประจวบเหมาะพอดีเพราะเฉินเกอทั้งสามคนยังไม่ได้กินมื้อเย็นกันเลย
ถึงแม้ว่าเมื่อกี้จะค่อนข้างอันตราย แต่หมูป่าตัวนี้ก็ส่งตัวเองมาเป็นอาหารมื้อเย็นให้พวกเขาทั้งสามคนกินเอง
มันรนหาที่ตายชัดๆ แต่ก็ต้องถือว่ามีน้ำใจมากเหลือเกิน
หลังจากนั้น เฉินเกอได้ก่อไฟขึ้นอีกครั้ง นำเนื้อหมูป่าที่ตัดออกมาแขวนไว้บนไม้แล้วทำการย่างมัน
“ว้า นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้กินหมูป่าเลยนะ!”
เล๋ยเล่มองเนื้อหมูป่าที่อยู่ตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอและพูดมันออกมา ความรู้สึกในปากเต็มไปด้วยความอร่อย
“เล๋ยเล่ นายเคยได้ยินผู้ฝึกตนมาก่อนไหม?”
เวลานี้ เฉินเกอมองไปที่เล๋ยเล่และถามขึ้นมาด้วยความสนใจ
“ผู้ฝึกตน?มันคืออะไรเหรอ?”
หลังจากที่เล๋ยเล่ได้ยินแล้ว จึงถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้
ทำให้เฉินเกออดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เล๋ยเล่
“มันไม่ใช่สิ่งของ มันคือเอกลักษณ์ของอาชีพหนึ่ง ผู้ฝึกตนคือคนที่รับมือกับวิญญาณและผีโดยเฉพาะ”
เฉินเกออธิบายให้เล๋ยเล่ฟังอย่างไม่มีทางเลือก
หลังจากที่เล๋ยเล่ได้ฟังแล้วเขาจึงเข้าใจ
“มันก็เหมือนอาจารย์จับผีในทีวีแบบนั้นสิ?ถูกไหม?”
เล๋ยเล่ถามกลับเฉินเกอ
“อืม ความหมายประมาณนั้นแหละ ฉันกับคุณหนูใหญ่เจินก็คือผู้ฝึกตน!”
เฉินเกอพยักหน้าตอบกลับ จากนั้นเปิดเผยตัวตนของตัวเองและเจินจีออกมาให้เล๋ยเล่รู้
เนื่องจากตอนนี้เล๋ยเล่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเขาแล้ว ดังนั้นบางเรื่องก็ต้องให้เขารับรู้บ้างถึงจะได้
อีกอย่างเฉินเกอมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือเขาอยากให้เล๋ยเล่กลายเป็นผู้ฝึกตนเหมือนกัน
ถ้าเล๋ยเล่กลายเป็นผู้ฝึกตนแล้ว อย่างน้อยเล๋ยเล่ก็ไม่ต้องไปกลัวบางสิ่งบางอย่าง และสามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นหรือว่าคราวหลังเฉินเกอทั้งสองคนต้องปกป้องเขาไปตลอดชีวิต?
ซึ่งแบบนั้นมันไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริงและเป็นไปไม่ได้ด้วย
“หา?พวกพี่ พี่เฉิน คุณหนูใหญ่เจิน พวกพี่เป็นผู้ฝึกตนเหรอ?”
หลังจากที่เล๋ยเล่ได้ยิน อุทานออกมาด้วยความตกใจ และดวงตาเบิกกว้าง
เฉินเกอและเจินจีต่างสบตากัน และยิ้มออกมา แล้วพยักหน้าออกมาพร้อมกัน
“ถูกต้อง พวกเราเป็นผู้ฝึกตน เป็นไงบ้าง?มีความคิดอยากเป็นผู้ฝึกตนไหม?”
เฉินเกอมองไปที่เล๋ยเล่และยื่นข้อเสนอให้เขา
“จริงเหรอ?ผมสามารถเป็นผู้ฝึกตนได้เหรอ?”
เมื่อเล๋ยเล่ได้ยิน จึงถามเฉินเกอทั้งสองคนออกมาอย่างตื่นเต้น เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเขาเองจะมีโอกาสกลายเป็นผู้ฝึกตนได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นได้มันจะดีมากเลย
เขาดูเฉินเกอมีฝีมือที่เก่งกล้าแบบนี้มาโดยตลอด เขาอยากกลายเป็นคนแบบเดียวกันกับเฉินเกอ ถ้าเป็นแบบนั้นได้เฉินเกอก็ไม่ต้องปกป้องเขาตลอดเวลา เพราะเขาสามารถปกป้องตัวเขาเองได้
“เป็นไปได้สิ ฉันกับคุณหนูใหญ่เจินจะเป็นคนสอนนายเอง ช่วยเหลือนายให้กลายเป็นผู้ฝึกตน!”
เฉินเกอยิ้มให้กับเล๋ยเล่และพูดออกมากับเขา
“เยี่ยมมากเลย พี่เฉิน ผมยินดีที่จะเป็นผู้ฝึกตน!”
หลังจากที่เล๋ยเล่ได้ยินแบบนั้น พูดออกมากับเฉินเกออย่างตื่นเต้น
“อืม เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ฉันเป็นครูของนายแล้วนะ ฉันจะสอนนายทำยังไงถึงจะกลายเป็นผู้ฝึกตนได้ !”
เฉินเกอยิ้มให้กับเล๋ยเล่แล้วพูดออกมากับเขา
นี่แสดงว่าเฉินเกอได้รับเล๋ยเล่เป็นลูกศิษย์แล้ว
“ครู!”
เล๋ยเล่เป็นคนรู้จักกาลเทศะ รีบเปลี่ยนสรรพนามทันที คุกเข่าลงไปที่พื้นและเตรียมตัวทำความเคารพเฉินเกอ
เฉินเกอรีบดึงตัวของเล๋ยเล่ไว้ แล้วดึงเล๋ยเล่ให้ลุกขึ้น
“นายยังเชื่อพิธีการแบบนี้อีกเหรอ พวกเราไม่ต้องมีพิธีการแบบนี้หรอก ไม่ต้องคุกเข่าให้ฉัน ฉันรับไม่ไหวหรอก!อีกอย่าง พวกเราผ่านเรื่องความเป็นความตายมาเยอะขนาดนี้ เรียกฉันว่าครูอาจทำให้ลำบากใจ นายเรียกฉันว่าพี่เฉินต่อดีกว่า !นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว!”
เฉินเกอพูดเตือนเล๋ยเล่ออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเกอ ทำให้เล๋ยเล่รู้สึกอายเล็กน้อยจึงเอามือไปลูบหัวตัวเองเบาๆ ความรู้สึกเหมือนตัวเขาเองยังอยู่ในยุคสมัยโบราณ
“ได้ละ เนื้อหมูป่าสุกแล้ว พวกเรากินได้แล้ว!”
หลังจากนั้น เฉินเกอเตือนทั้งสองออกมา
พูดจบ ทั้งสามคนเริ่มลงมือกินเนื้อหมูป่ากันทันที
“อืม。。เนื้อหมูป่าอันนี้รสชาติอร่อยจริงๆ ผมไม่เคยกินเนื้อหมูป่าที่รสชาติอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย อร่อยกว่าเนื้อหมูธรรมดาทั่วไปเสียอีก!”
หลังจากที่เล๋ยเล่กินเข้าไปหนึ่งคำ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตะลึง
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเนื้อหมูป่านี้อร่อยมาก คุณภาพเนื้อและรสชาติแตกต่างจากหมูธรรมดาโดยสิ้นเชิง อร่อยกว่าไม่รู้กี่เท่า
“ใช่แล้ว เล๋ยเล่ เดี๋ยวนายเอามีดไปเล่เนื้อของหมูป่ามาอีกชิ้นหนึ่ง แล้วใส่ถุงให้เรียบร้อย พวกเราพกติดตัวไว้กินระหว่างทางของพรุ่งนี้มะรืนนี้!”
เฉินเกอจึงพูดแนะนำเล๋ยเล่ขึ้นมา
หมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ ความจริงแล้วถ้าเอาไปขาย ไม่รู้จะขายได้เงินมากเท่าไร
เฉินเกอก็อยากที่จะนำหมูป่าไปทั้งตัวเหมือนกัน แต่มันมากเกินไป เอาไปได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่เหลือก็ทิ้งไว้ให้สัตว์อื่นๆ ในป่าจัดมันกันเอง ถือว่าเป็นการเลี้ยงสัตว์อื่นด้วยก็แล้วกัน