ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 907
บทที่ 907 ลบความทรงจำ
ฟังเสียงร้องไห้ของหญิงสาว เจินจีรู้สึกปวดใจอย่างมาก เฉินเกอก็ได้มองมาแวบหนึ่ง ส่ายหัวอย่างสงสารแล้วเดินออกไป
เฉินเกอได้กวักมือไปทางที่เล๋ยเล่ซ่อนตัวอยู่ส่งสัญญาณให้เขา
เล๋ยเล่เห็นสัญญาณมือแล้ว ก็รีบวิ่งไปที่ประตูบ้านอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เห็นเลือดที่กระจายอยู่บนพื้น เล๋ยเล่ทนไม่ไหว จนต้องรีบวิ่งออกมาอาเจียน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาตัวเอง มันทำให้เขาตกใจมาก
เฉินเกอก็ไม่ได้ว่าเขา เขารู้ว่าเป็นครั้งแรกที่เล๋ยเล่เห็นภาพแบบนี้ มันปกติมาก ชินแล้วมันก็จะดีขึ้นมาเอง อย่างไรเสียอีกหน่อยเล๋ยเล่ยังไงก็ต้องพบเจอเรื่องแบบนี้อีก ก็ให้เขาชินเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
ผ่านไปสักพัก เล๋ยเล่จึงค่อยๆ ดีขึ้น เฉินเกอกับเล๋ยเล่จึงได้จัดการกับศพพร้อมกัน อีกอย่างยังได้ช่วยฝังพ่อแม่ของหญิงสาวไว้อีกต่างหาก
“พี่เฉิน…….คนพวกนี้มันไม่ใช่คนจริงๆ! ”
เล๋ยเล่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ด่าอย่างโมโห
เฉินเกอยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว สีหน้าเคร่งขรึมมาก
นักล่าเหล่านี้ช่างไม่มีความเป็นคนเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงได้ทำเรื่องที่น่าอนาถเพียงนี้
เล๋ยเล่นั้นได้ตัดสินใจแล้ว ตัวเองตัดสินใจแล้วจะพยายามเป็นผู้ฝึกตนให้ได้
เวลานี้ เฉินเกอก็ได้เดินออกไป
ก็เห็นวิญญาณสองตนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเฉินเกอ
“ท่านทั้งสอง ผมรู้ว่าพวกท่านได้ตายด้วยน้ำมือของคนเหล่านี้ พวกคุณจงจากไปอย่างสบายใจเถอะ ผมจะช่วยพวกคุณลงโทษพวกมันเอง จะทำให้พวกมันไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอย่างแน่นอน! ”
เฉินเกอมองวิญญาณสองตนนี้พูดเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ไม่ผิด วิญญาณสองตนนี้ก็คือพ่อแม่ของหญิงสาว หลังจากที่พวกเขาตายแล้ว วิญญาณก็ได้ออกจากร่าง ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเฉินเกอ
ได้ยินคำพูดของเฉินเกอแล้ว วิญญาณทั้งสองตนก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ค่อยๆ สลายหายไปจากตรงหน้าของเฉินเกอ
ที่เฉินเกอพูดแบบนี้ เพื่อไม่อยากให้พ่อแม่ของหญิงสาวกลายเป็นผีร้าย ยังไงก็ต้องให้พวกเขาจากไปอย่างสบายใจ
จากนั้น เฉินเกอก็ชักกระบี่ชิงหยวนของตัวเองออกมา
จากนั้นเฉินเกอก็ได้ร่ายมนตร์คาถา
“วิชาดูดจิต! ”
มนตร์คาถาที่เฉินเกอร่ายนั้นเรียกว่าวิชาดูดจิต
วิชาดูดจิต: เฉินเกอใช้สำหรับในการจัดการกับวิญญาณโดยเฉพาะ ทำลายวิญญาณของคนที่ชั่วร้ายบางคนโดยตรง เพื่อให้วิญญาณของพวกเขาสลายหมดสิ้น ไม่ได้ไปผุดไปเกิดตลอดกาล มีไว้เพื่อลงโทษ
วิธีนี้เฉินเกอนำออกมาใช้น้อยมาก แต่วันนี้จำเป็นต้องนำออกมาใช้ เขาต้องการลงโทษเหล่านักล่าที่ตายไป ถึงแม้ตายแล้วก็ไม่สามารถให้เขาตายอย่างสบาย ต้องให้พวกเขารับโทษที่ควรจะได้รับ มีเพียงวิธีนี้ถึงจะคู่ควรกับพ่อแม่หญิงสาวที่ตายไปแล้ว
เมื่อร่ายคาถาดูดจิต วิญญาณนักล่าเหล่านั้นก็ถูกดูดเป็นก้อนแสงสีขาว
“สลาย! ”
เฉินเกอออกแรงสะบัดกระบี่ซิงหยวน ก็ได้ฟันวิญญาณเหล่านั้นแตกกระจาย
ก้อนแสงถูกฟันกระจาย ก็เท่ากับว่าวิญญาณนักล่าเหล่านี้ได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว สลายไปหมดสิ้น
เท่ากับว่าได้ลงโทษพวกเขาอย่างสาสมแล้ว
มองเห็นการกระทำทุกอย่างของเฉินเกอ เล๋ยเล่ที่ยืนอยู่ด้านหลังมองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน เขารู้สึกว่ามันอัศจรรย์มาก ในใจรู้สึกตื่นเต้นมาก ตัวเองจึงได้ตัดสินใจว่าจะต้องกลายเป็นผู้ฝึกตนที่เก่งกาจอย่างเฉินเกอให้ได้
หลังจากจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว เฉินเกอจึงได้กลับเข้าบ้านหลังนั้นอีกครั้ง
เวลานี้เห็นหญิงสาวได้สงบสติอารมณ์แล้ว แต่ว่าหญิงสาวนั้นเงียบมาก ไม่พูดแม้แต่คำเดียว คนทั้งคนเหมือนกับตกใจจนช็อกไปแล้ว
“เฉินเกอ ช่วยเธอด้วย! ”
เห็นเฉินเกอเข้ามา เจินจีก็ได้ร้องขอความช่วยเหลือ
เฉินเกอได้ยินแล้ว ก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเจินจี
“เธอแน่ใจว่าจะให้ฉันทำแบบนั้นเหรอ? ”
เฉินเกอมองเจินจีแล้วถามขึ้น
เจินจีมองหญิงสาวในอ้อมอกด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นจึงหลับตาลงแล้วพยักหน้า
“ฉันแน่ใจ ฉันไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวดและหมดหวัง”
เจินจีจ้องมองเฉินเกอแล้วกล่าวอย่างจริงจัง เธออยากจะช่วยเหลือหญิงสาวคนนี้
“ได้ งั้นก็ตามที่เธอบอก! ”
เฉินเกอก็เลือกที่จะฟังข้อเสนอของเจินจี
เล๋ยเล่ที่อยู่ด้านข้างใบหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสงสัย เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เฉินเกอกับเจินจีกำลังสนทนากัน
พูดจบ เฉินเกอก็ได้เดินไปข้างกายของหญิงสาว ยื่นมือออกไปวางอยู่บนหน้าผากของหญิงสาว
แค่เบาๆ ก็เห็นหน้าผากของหญิงสาวเปล่งแสงออกมานิดหน่อย
ตามมาด้วย แสงได้ค่อยๆ ล้อมรอบศีรษะของหญิงสาว แสงนั้นยิ่งอยู่ยิ่งเร็ว จนกระทั่งสุดท้ายแสงก็ได้หายไป
“พี่เฉิน นี่……นี่มันหมายความว่าไง? ”
เล๋ยเล่ถามอย่างไม่เข้าใจ
“พี่เฉินของนายกำลังช่วยลบความทรงจำของเธอ เพื่อให้เธอลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้หมดสิ้น ก็จะได้กลายเป็นคนใหม่โดยแท้จริง”
เจินจีมองเล๋ยเล่อธิบาย
เล๋ยเล่ฟังแล้ว ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจทันที เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องที่สามารถในการลบความทรงจำได้อยู่จริง
“เพียงแต่วิธีการแบบนี้จะทำให้อายุขัยของหญิงสาวสั้นลง จะสั้นลงเท่าไหร่นั้นไม่สามารถที่จะรู้ได้! ”
จากนั้นก็ฟังเจินจีที่เล่าออกมา
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันเป็นสมดุลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ถึงแม้เฉินเกอจะช่วยหญิงสาวลบล้างความทรงจำที่เจ็บปวดนี้ แต่ก็ต้องทำให้อายุขัยของหญิงสาวสั้นลง ไม่ว่าอะไรก็ต้องแลกกันทั้งนั้น
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน สามารถทำให้หญิงสาวไม่ต้องมีชีวิตอย่างเจ็บปวดอีก
หลังจากนั้นสักพัก หญิงสาวก็ได้ตื่นขึ้นมา
หลังจากตื่นแล้ว หญิงสาวมองเจินจีทั้งสามคน
“พวก…..พวกคุณเป็นใคร? ”
หญิงสาวถามอย่างสงสัยแล้วมองไปที่เฉินเกอทั้งสามคน
“เมื่อกี้จู่ๆ เธอก็เป็นลมล้มไป พวกเราเป็นคนช่วยเธอเอาไว้! ”
เจินจียิ้มอย่างเป็นมิตรอธิบายให้กับหญิงสาว
“ห๊า? อย่างนี้นี่เอง แต่ฉันจำไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว! ”
หญิงสาวถามด้วยใบหน้าที่แปลกใจมาก เธอจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย ไม่เหลือความทรงจำแล้วจริงๆ
“เธอไม่เป็นไรก็ดีมากแล้ว เธอชื่ออะไรเหรอ? ”
เจินจีจึงได้เบาใจ จากนั้นก็ถามหญิงสาวอย่างยิ้มๆ
หญิงสาวกลับขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วคิด
คิดไปตั้งนาน หญิงสาวก็ไม่สามารถที่จะนึกชื่อของตัวเองได้
หญิงสาวส่ายหัวของตัวเองอย่างเบาๆ
“ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันชื่ออะไร ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
หญิงสาวมองเฉินเกอทั้งสามคนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดแล้วกล่าว
เฉินเกอก็ได้มองไปที่เจินจี
พวกเขารู้ว่านี่คือผลข้างเคียงจากการสูญเสียความทรงจำ
“เธอจำไม่ได้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนเหรอ? ”
เจินจีก็ได้ถามหญิงสาวอีกหนึ่งคำถาม
หญิงสาวก็ยังคงส่ายหัว
“จำไม่ได้ ไม่คุ้นแม้แต่นิดเดียว! ”
หญิงสาวตอบตามตรง ไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย นั่นก็หมายความว่าเธอได้ลืมเรื่องราวในอดีตหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว อีกทั้งยังลืมชื่อของตัวเองอีกด้วย