ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 927
บทที่ 927 เอาชนะจิตมาร
พูดจบ จิตมารก็พุ่งตรงเข้าใส่เฉินเกออย่างรวดเร็ว
จิตมารเป็นสำเนาของเฉินเกออย่างไม่ผิดเพี้ยน เขามีความแข็งแกร่งและความสามารถเฉกเช่นเดียวกับเฉินเกอ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินเกอก็ก้าวถอยหลังทันที
กระบี่ซิงหยวนที่อยู่ในมือของจิตมารพุ่งตรงเข้าที่คอของเฉินเกอ
เฉินเกอรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความคมของกระบี่ซิงหยวน
เฉินเกอไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าหากเขาถูกกระบี่ซิงหยวนทำให้บาดเจ็บสภาพจะเป็นอย่างไร
แต่ในใจของเฉินเกอก็รู้แจ้งอย่างดี เขาไม่มีทางปล่อยให้จิตมารของตนเอาชนะได้แน่ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องถูกจิตมารควบคุมเอาไว้ตลอดไป
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินเกอก็ดึงกระบี่ซิงหยวนของตัวเองออกมา
“โอ๊ะ? นายเองก็เตรียมที่จะสู้กลับแล้วงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นกระบี่ซิงหยวนที่เปล่งแสงของเฉินเกอ ดูจิตมารก็ส่งเสียงเย้ยหยัน
“ฉันจะไม่ปล่อยให้นายชนะได้แน่ ฉันจะฝังนายเอาไว้ที่ก้นบึ้งของในใจของฉัน ให้นายไม่มีวันได้ออกมาอีก! ”
เฉินเกอประกาศกร้าว
“ดี อย่านั้นพวกเราก็มาดูกันหน่อยว่าใครกันแน่ที่เก่งกว่ากัน!”
จิตมารตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้
หลังจากทั้งสองพูดจบ พวกเขาก็เริ่มโจมตีเข้าใส่กันและกันทันที
ความเร็วของทั้งสองฝ่ายรวดเร็วอย่างยิ่ง แค่พริบตาก็มาถึงตรงหน้าอีกฝ่าย และสะบัดกระบี่ซิงหยวนในมือทันที
“ชริ้ง!”
กระบี่ซิงหยวนสองเล่มปะทะกัน
แรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงทำให้ทั้งสองกระเด็นออกจากกัน
“เฉินเกอ นายอย่าลืม ว่าฉันเป็นจิตมารของนาย ฉันย่อมมีพลังที่แข็งแกร่งกว่านาย! ”
ในเวลานี้ ใบหน้าของจิตมารแปรเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายอีกครั้ง
ในขณะที่พูด ปากของจิตมารก็เริ่มร่ายมนตร์อย่างไม่หยุด
วินาทีถัดมา รอบๆ ด้านก็เต็มไปด้วยผีถือกระบี่มากมาย
วิญญาณผีเหล่านี้ล้วนถูกจิตมารส่งออกมาจากกระบี่ซิงหยวน เพื่อจัดการกับเฉินเกอโดยเฉพาะ
พวกผีพุ่งเข้าหาเฉินเกออย่าไม่หยุด
เฉินเกอเองก็รีบฆ่าฟันวิญญาณผีเหล่านี้อย่างไม่รีบร้อน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเฉินเกอจะฆ่ามันไปเท่าไหร่ วิญญาณผีเหล่านี้ก็ยังคงปรากฏขึ้นมาไม่หยุด ราวกับว่าไม่มีวันที่จะฆ่ามันลงได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ”
เมื่อเห็นเฉินเกอถูกล้อมรอบโจมตี จิตมารที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็หัวเราะขึ้นดังลั่น
“เฉินเกอนายเองก็มีวันนี้ นายคิดดูว่าถ้านายยอมร่วมมืออย่างดีกับฉัน พวกเราก็จะมีพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีใครเทียบ สมองของนายและความแข็งแกร่งของฉัน”
จิตมารพูดอย่างมีความสุข ราวกับว่าเขาได้เอาชนะเฉินเกอไปแล้ว
แต่น่าเสียดายที่เฉินเกอจะไม่ให้โอกาสเขา
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นเพียงจิตมารในเบื้องลึกของจิตใจ เป็นเพียงหุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้น
หุ่นเชิดจะไปสู้ตัวเองได้ยังไง
ในเวลานั้นเอง จู่ๆ เฉินเกอก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จากนั้นจิตใจของเขาก็เกิดความมุ่งมั่นและพลังความคิดอันแข็งแกร่งขึ้นในทันที
เหล่าวิญญาณผีเองก็ค่อยๆ หายไปแล้วเช่นกัน
ในเวลานี้ จิตมารเองก็เริ่มปวดหัวอย่างรุนแรง จากนั้นทั้งร่างก็คุกเข่าลงบนพื้น
“อ๊าก .. นาย .. นายทำอะไรลงไปกันแน่”?”
จิตมารเอามือปิดหัวไว้ และถามด้วยความเจ็บปวด
“นายก็เป็นเพียงหุ่นเชิด นายไม่มีวันเอาชนะฉันได้ อย่าลืมว่า ความสามารถที่แท้จริงที่ฉันมีมันแข็งแกร่งกว่านายมากนัก! ”
เฉินเกอจ้องมองไปที่จิตมารของเขาอย่างเย็นชาและเอ่ยพูด
พูดจบ เฉินเกอก็ยื่นมือออกไปบีบคอของจิตมาร
“สลาย! ”
เมื่อเฉินเกอตะคอกจากนั้นจึงออกแรงที่มาและส่งพลังตรงไปที่จิตมารทันที
วินาทีที่จิตมารสลายไป จิตสำนึกของเฉินเกอก็กลับเข้าสู่ร่างและกลับสู่ความเป็นจริงทันที
ไผ่ญาณดวงที่สาม เฉินเกอผ่านไปอย่างราบรื่น
“คลิก!”
เฉินเกอโบกมือผ่านไป
ไผ่ญาณดวงที่สามตรงหน้าเขาก็หักออกเป็นสองส่วน
“ยินดีด้วยเฉินเกอ นายเอาจิตมารชนะได้สำเร็จ! ”
ในเวลานี้เองถ่าบันก็เดินเข้ามาด้านหน้า และเอ่ยกับเฉินเกอด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้ฟัง เฉินเกอก็ตะลึงไปเล็กน้อย
“ทหารยมทูต คุณเองก็รู้..”
เฉินเกอมองไปที่ถ่าบันด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถาม
“ไม่ผิด ฉันรู้ถึงนัยยะทั้งหมดของไผ่ญาณเหล่านี้ อีกทั้งยังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายในแต่ละไผ่ญาณ”
“ดวงที่สามก็คือนายต้องเผชิญหน้ากับจิตมารของตน”
“ถ้านายไม่สามารถเอาชนะจิตมารได้ นายก็จะถูกจิตมารกลืนกิน จากนั้นจิตสำนึกที่แท้จริงของนายก็จะถูกซ่อนอยู่ในก้นบึ้งในใจตลอดไป และจิตมารจะเข้ามาแทนที่นาย! ”
“แต่ว่านายไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวัง นายเอาชนะจิตมารของตนได้แล้ว! ”
ถ่าบันมองเฉินเกอด้วยความพอใจอย่างยิ่งและกล่าวชื่นชม
เฉินเกอเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ทุกคนล้วนมีจิตมารภายในใจ แต่มีไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะมันได้ ฉันได้พบกับผู้คนมากมายที่ต้องการเอาชนะจิตมาร แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกจิตมารกลืนกินและกลายเป็นปีศาจ”
“เฉินเกอ นายเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกนับถือและชื่นชม! ”
ถ่าบันจ้องมองเฉินเกออย่างเคร่งขรึมและเอ่ยขึ้น
“ทหารยมทูต ขอบคุณสำหรับคำชมของคุณ ผมต้องการรับการทดสอบของไผ่ญาณดวงต่อไปแล้ว! ”
เฉินเกอเองก็ขอบคุณถ่าบันเช่นกัน จากนั้นเขาก็เตรียมพร้อมและเดินไปที่ไผ่ญาณดวงที่สี่
“ช้าก่อน! ”
ในเวลานี้ ถ่าบันกลับเรียกเฉินเกอเอาไว้
เฉินเกอชะงักเล็กน้อยและหันกลับไปมองถ่าบัน เขาถาม “ทหารยมทูต มีเรื่องอะไรอีกหรือ”?”
“ไม่ต้องไปต่อแล้ว นายผ่านการทดสอบแล้ว! ”
ได้ยินถ่าบันเอ่ยประกาศ เฉินเกอก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับผลนี้
เฉินเกอตะลึงไป จากนั้นจึงมองถ่าบันด้วยความประหลาดใจ
ถ่าบันโบกมือ จากนั้นจึงกลับไปที่หอคอยพร้อมกับเฉินเกอ
“ทหารยมทูต นี่คือ”
เฉินเกอถามอย่างสงสัย
“เฉินเกอ นายคือผู้ฝึกตนที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ฉันเคยเจอ นายมีคุณสมบัติที่จะไปยังเผ่าเส่ส้า ฉันเชื่อว่าภารกิจของนายนั้นจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ฉันจะให้กุญแจเปิดประตูสู้เผ่าเส่ส้ากับนาย เพียงแต่นายจะได้สิ่งที่ต้องการหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวนายเองแล้ว ”
ถ่าบันมองเฉินเกอและพูดทีละคำ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเกอก็ทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะผ่านการทดสอบไปทั้งอย่างนี้ ยิ่งไปกว่านั้นถ่าบันยังเต็มใจที่จะมอบกุญแจเพื่อเปิดประตูสู่เผ่าเส่ส้าให้กับตัวเองด้วย
ในไม่ช้า ถ่าบันก็นำกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมมายื่นให้เฉินเกอ
“ให้ ในนี้มีกุญแจสำหรับเปิดประตูสู่ผ่าเส่ส้า””
ถ่าบันเอ่ยง่ายๆ
เฉินเกอรับกล่องไม้มา และเปิดมันดู แน่นอนว่ามีกุญแจเหล็กที่มีสัญลักษณ์ของเผ่าเส่ส้าวางอยู่ในนั้น
“ขอบคุณทหารยมทูตอย่างมาก”
เฉินเกอกล่าวขอบคุณถ่าบันทันที
“ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นสิ่งที่นายสมควรได้รับ แต่ว่าเฉินเกอ ฉันขอเตือนนายอีกครั้ง เผ่าเส่ส้าคือตระกูลจิตวิญญาณที่ควบคุมวิญญาณทั้งหมดเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกลี้ยกล่อม นายจะต้องเตรียมตัวให้ดีในการเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง และเตรียมตัวที่จะต้องแบกรับความเจ็บปวดทั้งหมด นั่นเพราะเมื่อไปถึงที่นั่น นั่นแหละถึงจะเป็นบททดสอบที่แท้จริงของนาย”!”
ถ่าบันเอ่ยให้คำแนะนำแก่เฉินเกออย่างหวังดี
“อืม ผมเข้าใจ ของคุณทหารยมทูตที่ชี้แนะ! ”
เฉินเกอเองก็ตอบกลับอย่างเคารพ
“เอาล่ะ ไปเถอะ ใบอนุญาตอยู่ที่เอวนายแล้ว! ”
ถ่าบันโบกมือให้เฉินเกอและกล่าวว่า
เฉินเกอมองไปที่เอวของเขาทันที และเห็นว่ามันมีใบอนุญาตแขวนอยู่จริงๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ที่เอวของตนตั้งแต่เมื่อไหร่