ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 929
บทที่ 929 ราชายวน
“พวกนายออกไปก่อนเถอะ! ”
ยวนเหนี่ยวบอกทหารผีอีกครั้ง
หลังจากได้ยินคำสั่งพวกทหารผีก็ถอยออกไปจากวัง
หลังจากทหารผีออกไป ราชายวนเหนี่ยวก็รีบบอกให้เฉินเกอนั่งลง
“ไม่ทราบว่าผู้มาเยือนมีชื่อว่าอะไร?”
ในเวลานี้ ราชายวนเหนี่ยวมองไปที่เฉินเกอและถาม
“เฉินเกอ! ”
เฉินเกอยังเอ่ยชื่อของตนออกมาทันที
ราชายวนเหนี่ยวเล๋ยเล่ที่อยู่ข้างหลังเฉินเกอ
“ฉันชื่อเล๋ยเล่! ”
เล๋ยเล่เองก็รีบตอบขึ้น
“น้องเฉิน น้องเล๋ย ก่อนหน้านี้ผิดพลาดไปบ้าง ขอให้พวกคุณอย่างได้เก็บมาใส่ใจ! ”
ราชายวนเหนี่ยวมองไปที่เฉินเกอและเล๋ยเล่อย่างขอโทษ
เฉินเกอและเล๋ยเล่เองก็งุนงงขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ ราชายวนเหนี่ยวถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงขึ้นมาแบบนี้
“ราชายวนเหนี่ยว พวกเราก็แค่ผ่านทางเมืองกุ่ยเท่านั้น ได้โปรดคุณช่วยปล่อยพวกเราไป พวกเรายังมีเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งรออยู่! ”
เฉินเกอไม่อยากมัวเสียเวลากับยวนเหนี่ยว ดังนั้นจึงเอ่ยออกมาโดยตรง
หากมัวอยู่ที่นี่ไปหนึ่งนาที ก็เท่ากับเสียเวลาไปอีกนาที อย่างนั้นโอกาสที่จะได้รับป้ายเส่ส้าก็หายไปหนึ่งนาทีเช่นกัน
“แน่นอน แน่นอน ฉันรู้เรื่องนั้นดี แต่ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากขอร้อง! ”
ยวนเหนี่ยวเองก็รีบพูดขึ้น
“เรื่องอะไรหรือ”?”
เฉินเกอถาม
“ฉันหวังว่าน้องชายทั้งสองเมื่อกลับมาจากเผ่าเส่ส้า จะนำหยกเส่ส้ากลับมาด้วย!”
ราชายวนเหนี่ยวมองไปที่พวกเฉินเกอ จากนั้นจึงหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากชุดเกราะของตน และส่งให้เฉินเกอ
เฉินเกอรับกระดาษมาและเห็นว่าภาพวาดบนกระดาษคือหยกเส่ส้าที่ยวนเหนี่ยวพูดถึง
“คุณจะเอาหยกเส่ส้าไปทำไม?”
เฉินเกอถามอย่างสงสัย
“นี่.. น้องเฉิน ฉันบอกเรื่องนี้กับนายไม่ได้ รอนายเอากลับมาแล้ว ฉันจะบอกกับนาย!”
ยวนเหนี่ยวไม่ได้บอกสาเหตุกับเฉินเกอโดยตรง แต่เอ่ยขอร้องเฉินเกอ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเกอเองก็ไม่ได้ถามต่อ
“ได้ ฉันรับคำขอร้องของคุณ”
เฉินเกอเองก็ไม่ปฏิเสธ เขาแค่ต้องการออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
“อืม ขอบคุณน้องชายทั้งสองอย่างยิ่ง ฉันจะให้คนพาพวกคุณออกไป! ”
จากนั้น ยวนเหนี่ยวก็พูดกับพวกเฉินเกอทันทีด้วยรอยยิ้ม
หลังจากพูดจบ เขาก็เรียกทหารผีมาให้ช่วยพาพวกเฉินเกอออกไป
ภายใต้การคุ้มกันของทหารผี เฉินเกอและเล๋ยเล่จึงออกจากเมืองกุ่ยอย่างราบรื่น และเข้าสู่ทะเลเชียงอู๋ได้สำเร็จ
ทะเลเชียงอู๋ เป็นสถานที่ที่จะต้องผ่านเพื่อไปยังดินแดนของเผ่าเส่ส้า
มันคือทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลผืนหนึ่ง
สุดปลายของทะเลเชียงอู๋ก็คืออาณาเขตของเผ่าเส่ส้า
อย่างไรก็ตาม..ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะข้ามผ่านทะเลเชียงอู๋ไปได้
“ไม่มีเรือให้ข้ามหรือ”?”
เฉินเกอมองไปยังทหารผีที่อยู่ข้างหลังและถามขึ้น
“ไม่มี พวกเราไม่เคยไปที่นั่น ดังนั้นจึงไม่รู้วิธีที่จะไป พวกเรามาส่งคุณได้แค่ตรงนี้ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณแล้ว”
ทหารผีพูดกับเฉินเกอทันที
พูดจบ พวกทหารผีก็ขี่ม้าผีจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเหล่าทหารผีลับหายไป พวกเฉินเกอจึงโดดเดี่ยว
“พี่เฉิน พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
เล๋ยเล่แล้วมองเฉินเกอและถาม
เฉินเกอเองก็งงงวยเช่นกัน เมื่อเห็นว่าในไม่ช้าเขาก็จะไปถึงดินแดนของเผ่าเส่ส้าได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกมหาสมุทรอันกว้างใหญ่หยุดเอาไว้
ไม่มีเรือสักลำ หรือจะให้พวกเขาว่ายน้ำผ่านไป?
นี่มันเป็นไปไม่ได้ เฉินเกอและเล๋ยเล่ไม่มีทางว่ายน้ำผ่านไปได้แน่
“เป็นไปไม่ได้ จะต้องมีหนทางไปที่นั่นแน่แค่พวกเรายังไม่พบมัน! ”
เฉินเกอไม่เชื่อข้อเท็จจริงนี้ และปฏิเสธทันที
พูดจบ เฉินเกอก็เริ่มมองหาเบาะแสเกี่ยวกับการข้ามทะเลทันที
อย่างไรก็ตาม หลังจากค้นหาเป็นเวลานานทั้งคู่ก็ไม่พบเบาะแสใดๆ พวกเขาทำได้เพียงนั่งอยู่ริมฝั่ง และเฝ้าดูรอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ
“พี่เฉิน คุณคิดว่าเราจะรอจนกว่าเรือจะมาหรือไม่”?”
เล๋ยเล่นอนอยู่บนพื้น เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าถามเฉินเกอ
“ฉันเชื่อในปาฏิหาริย์! ”
เฉินเกอตอบกลับเล๋ยเล่ด้วยประโยคง่ายๆ
“ตูม! ”
ทันทีที่พูดจบ ที่ทะเลก็มีเสียงดังขึ้นมา
หลังจากได้ยินเสียง เฉินเกอและเล๋ยเล่ก็ลุกขึ้นไปตรวจสอบทันที
พวกเขาเห็นน้ำทะเลเริ่มปะทุขึ้นมา ราวกับว่ามันเป็นน้ำที่กำลังถูกต้มจนเดือดก็มิปาน
ทันใดนั้น พวกเขาก็มองหน้ากัน
“ฉันพูดแล้ว ปาฏิหาริย์มาแล้ว! ”
เฉินเกอมองดูเล๋ยเล่อย่างตื่นเต้นและอุทาน
แน่นอนว่าเฉินเกอกล่าวถูกต้อง ปาฏิหาริย์มาถึงแล้ว
พูดจบ ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นและรีบไปที่ชายหาดทันที
ในเวลานี้ ในทะเลมีทางเดินปรากฏขึ้นมา
เฉินเกอเดินขึ้นไปอย่างไม่ลังเล จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังทางเดินนั้น
ทางเดินทั้งหมดทำด้วยน้ำทะเล เมื่อเดินขึ้นไปให้สัมผัสนุ่มอย่างยิ่ง ราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนเบาลม
“พี่เฉิน นี่มันช่างน่าทึ่งจริงๆ! “”
เล๋ยเล่เอ่ยกับเฉินเกอด้วยสีหน้าเซอร์ไพรส์ เขารู้สึกมหัศจรรย์มากจริงๆ และไม่เคยเห็นภาพที่พิสดารขนาดนี้มาก่อน
เล๋ยเล่เคยเห็นพวกนี้แค่ในละครทีวีเท่านั้น เขาไหนเลยจะคิดว่าตนจะได้เห็นทั้งหมดนี้ด้วยตาของตัวเอง ต่อให้พูดออกไปก็คงไม่มีใครยอมเชื่อเขาแน่
ทั้งสองก้าวเดินไปตามทาง
เมื่อเดินไปเรื่อยๆ เป็นเวลาเกือบสิบนาที ทั้งสองคนจึงค่อยเห็นปลายทาง
ปลายทางของทะเลเชียงอู๋ ก็คือผืนแผ่นดิน
ดินแดนแห่งนี้เป็นอาณาเขตของเผ่าเส่ส้า จนกระทั่งตอนนี้นอกเหนือจากพวกเฉินเกอแล้ว ก็มีเพียงพวกนักสืบวิญญาณทั้งเจ็ดที่เคยพบมัน
เฉินเกอและเล๋ยเล่เดินออกมาจากทางเดินและยืนอยู่บนพื้นดิน
จากนั้นเขาก็เห็นว่าทางเดินด้านหลังได้หายไปแล้ว
ด้านซ้ายของพวกเขามีป้ายศิลาตั้งอยู่ มันมีตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัวสลักอยู่: เผ่าเส่ส้า
นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้นหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกเฉินเกอ
รูปปั้นหินขนาดใหญ่นี้น่าจะเป็นผู้นำของเผ่าเส่ส้า เป็นรูปปั้นหินที่สูงส่ง
“พี่เฉิน พวกเราเจอแล้วจริงๆ! ”
เล๋ยเล่เอ่ยกับเฉินเกอด้วยความเซอร์ไพรส์ อีกทั้งยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอยู่บ้าง
ในที่สุด พวกเขาก็พบดินแดนของเผ่าเส่ส้า
จากนั้น เฉินเกอจึงนำเล๋ยเล่เดินเข้าไปด้านใน
ทั้งสองมาถึงประตูหินขนาดใหญ่และหยุดลงตรงนั้น
เฉินเกอหยิบกุญแจที่ถ่าบันให้มาเพื่อเปิดประตูดินแดนเผ่าเส่ส้า
เขาไขกุญแจเข้าไปในประตู
ครืดครืดด!
ทันใดนั้น ประตูขนาดใหญ่ก็เริ่มสั่น
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ประตูดินแดนเผ่าเส่ส้าก็เปิดออก
สิ่งที่เข้ามาสู่สายตาของพวกเฉินเกอก็คือรูปปั้นของเผ่าเส่ส้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นที่นี่โดยเจตนา
“ฉุบฉุบฉุบ! ”
ในเวลานั้นเอง ก็มีหน้าไม้จำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมา
“ระวัง! “”
เฉินเกอตะโกนเสียงดัง จากนั้นจึงผลักเล๋ยเล่ให้นอนลง
ทั้งสองคนซ่อนตัวอยู่หลังประตูใหญ่ และมองดูหน้าไม้ที่ถูกยิงออกมาจากด้านในอย่างไม่หยุด
หากไม่ใช่เพราะเฉินเกอมีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว เกรงว่าเขาและเล๋ยเล่คงจะกลายเป็นศพที่ถูกยิงด้วยหน้าไม้ตายไปแล้ว