ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 947
บทที่ 947 ภูเขาตงอู
ได้ยินเฉินเกอพูดเช่นนี้กับเจินจี
เจินจีได้ยิน ตอนแรกหยุดชะงักไปชั่ววูบ จากนั้นจึงตอบรับโดยไม่ค่อยประหลาดใจสักเท่าไหร่
เมื่อได้ยินเฉินเกอพูดในลักษณะเช่นนี้ ทำให้เล๋ยเล่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เล๋ยเล่คิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะพูดเข้าข้างตน ซึ่งไม่ใช่การฟ้องการกระทำของตน
“คุณพี่เฉิน…..”
เล๋ยเล่มองเฉินเกอพลางพูดอย่างระมัดระวัง
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ในเมื่อมาแล้วก็ทำใจสบายๆ เถอะ ไปถึงตรงนั้นแล้วอย่าเถลไถลและพูดจาส่งเดชเชียวล่ะ ให้ฟังผมทุกอย่างนะ!”
เฉินเกอพูดแทรกคำพูดของเล๋ยเล่ทันที จากนั้นก็เตือนและออกคำสั่งกับเล๋ยเล่หนึ่งประโยค
“อืมอืม คุณพี่เฉิน วางใจได้ ผมจะเชื่อฟังดีๆ เลย!”
เล๋ยเล่ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจทันที
“คุณพี่เฉิน ลูกศิษย์คุณไม่เลวเลยนะ ยังรู้จักเป็นห่วงคุณด้วย สมัครใจไปด้วยกันกับคุณ!”
บัดนี้หวางหยุ่นที่นั่งขับรถอยู่ด้านข้างก็พูดกับเฉินเกออย่างยิ้มแย้ม อีกทั้งยังเป็นการกล่าวคำชื่นชมเล๋ยเล่อีกด้วย
“คิกคิก ไอ้เด็กนี้ทำตัวให้ต้องเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาเลย!”
เฉินเกอตอบหนึ่งประโยคอย่างเรียบเฉยพลางหัวเราะ
ได้ยินเฉินเกอพูดเช่นนี้ เล๋ยเล่ก็เกาศีรษะด้านหลังของตนอย่างรู้สึกเขินอาย
พูดความจริงเล๋ยเล่หวังว่า แทนที่จะให้ตนเรียนรู้ทฤษฎีอยู่ที่สำนักงาน ไม่สู้ให้ตนออกไปผจญภัยกับเฉินเกอ จะได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น
ถึงแม้จะต้องพบเจอกับภัยอันตรายต่างๆ มากมาย เล๋ยเล่ก็จะไม่ย่อท้อและยินดีที่จะไปเสี่ยงและเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันมีค่าด้วยตัวเอง
“เล๋ยเล่ เขาก็คือหวางหยุ่น คุณเรียกเขาว่าพี่หวางหรือพี่หยุ่นก็ได้”
บัดนี้เฉินเกอมองเล๋ยเล่พลางแนะนำให้รู้จักกัน
“ฮ่าๆ สวัสดีครับพี่หยุ่น ผมชื่อเล๋ยเล่ เรียกผมว่าเสี่ยวเล๋ยก็ได้!”
เล๋ยเล่ก็กล่าวคำทักทายกับหวางหยุ่นอย่างยิ้มแย้ม
“คิกคิก ได้!”
หวางหยุ่นก็ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท
“ใช่แล้ว หวางหยุ่น พวกเราต้องใช้เวลาเดินทางไปภูเขาตงอูนานเท่าไหร่เหรอ?”
ต่อมาเฉินเกอก็มองหวางหยุ่นพลางถามขึ้นมา
ไม่รอให้หวางหยุ่นเปิดปากตอบ เล๋ยเล่ที่นั่งอยู่ด้านหลังก็แย่งพูดเสียก่อน
“คุณพี่เฉิน พวกคุณดูนี้ ผมได้ค้นหาเส้นทางไว้แล้ว จากตำแหน่งของเราไปยังภูเขาตงอูต้องใช้เวลาอย่างน้อยหกชั่วโมง”
เล๋ยเล่พูดพลางยื่นมือถือในมือให้เฉินเกอดู
บนจอมือถือแสดงจีพีเอสขึ้นมา ตอนที่เพิ่งขึ้นมาที่รถ เล๋ยเล่ก็ได้เปิดจีพีเอสพิมพ์คำว่าภูเขาตงอู เพื่อตรวจดูเส้นทางคร่าวๆ
“หกชั่วโมง ถ้าอย่างนั้นยังเช้าอยู่ นอนพักผ่อนก่อนได้”
เฉินเกอพยักหน้าพลางพูดเสนอแนะ
เพราะยังไงเสียก็ไม่ได้ทำอะไรบนรถอยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็นอนกันเถอะ
พูดจบ เฉินเกอก็ปรับเก้าอี้ให้เอียงไปด้านหลัง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอน
เล๋ยเล่ก็เหมือนกับเฉินเกอ นอนอยู่ที่แถวหลังรถ เนื่องจากเล๋ยเล่ต้องตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อไปหลบอยู่ที่ท้ายรถของเฉินเกอ ดังนั้นจึงรู้สึกง่วงนอนเช่นกัน
เมื่อเห็นทั้งสองคนหลับใหลกันแล้ว หวางหยุ่นก็ยิ้มอย่างขมขื่น ใครใช้ให้เขาขับรถล่ะ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ตั้งใจขับรถอยู่อย่างนั้น แต่ยังดีที่การขับรถเป็นเวลาหกชั่วโมงไม่ได้ทำให้เขาเพลียมากนัก เขายังรับมือไหวอยู่ ซึ่งเขาจะต้องขับไปจนถึงบ่ายสามโมงถึงจะถึงที่หมาย
หลังจากนั่งอยู่บนรถเป็นเวลาหกชั่วโมงแล้ว พวกเฉินเกอก็ได้เดินทางมาถึงภูเขาตงอูเสียที
ภูเขาตงอูเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่ตัวเมือง
หลังจากที่ลงจากทางด่วนก็จะเป็นทางเข้าของสถานที่ท่องเที่ยวของภูเขาตงอู
ซึ่งนี้เป็นสาเหตุว่าทำไมภูเขาตงอูถึงได้มีชื่อเสียงกว้างขวางเช่นนี้ เป็นเพราะทำเลที่ตั้งมีความพิเศษ อีกทั้งยังมีพื้นที่กว้างขวางแบบสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว
ผู้ที่มาท่องเที่ยวที่ภูเขาตงอู หากไม่พักสักสี่ห้าคืนคงจะเป็นไปไม่ได้
เพราะถ้ามาท่องเที่ยวที่ภูเขาตงอูแค่วันเดียว จะทำให้ไปไม่หมด
หลังจากที่จอดรถเสร็จแล้ว พวกเฉินเกอก็เริ่มซื้อตั๋วเข้าไปภายในเขตท่องเที่ยวของภูเขาตงอู
บัตรหนึ่งใบมีราคาสี่ร้อยหยวน แต่เป็นเพราะหลินเทียนหยวนเป็นคนออกค่าใช้จ่าย พวกเฉินเกอทั้งสามคนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องของเงิน
หลังจากที่เข้าไปภายในเขตท่องเที่ยวเสร็จแล้ว ทุกคนก็ไม่ได้รีบร้อนจะออกเดินทาง แต่เป็นการหาที่นั่งพักและกินอาหารบำรุงพลัง
“พรุ่งนี้พวกเราออกเดินทางแต่เช้า คืนนี้พักอยู่ที่นี่ก่อนหนึ่งคืน”
ได้ยินหลินเทียนหยวนแจ้งบอกทุกคน
ซึ่งไม่มีใครโต้แย้งคำพูดของหลินเทียนหยวนเลย โดยรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของเขาทุกคน
เนื่องจากฟ้าเริ่มมืดแล้ว หากออกเดินทางตอนกลางคืนก็คงจะไม่ดีเลยสักนิด ทั้งไม่ปลอดภัยและหลงทางได้ง่าย ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือเริ่มออกเดินทางแต่เช้าในวันพรุ่งนี้
พักผ่อนได้สักพัก หลินเทียนหยวนก็ได้สั่งให้คนไปจองห้องพักในแหล่งท่องเที่ยวภูเขาตงอูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การเข้าพักในเขตท่องเที่ยวภูเขาตงอูจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ห้องธรรมดาก็จะมีราคาอย่างน้อยหนึ่งพันต่อห้องต่อคืน อีกทั้งห้องพักยังสร้างอยู่กลางหุบเขา ซึ่งแตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้นเชิง
ตกดึก พวกเฉินเกอสามคนก็นอนพักอยู่ในห้องเดียวกัน
“คุณพี่เฉิน พี่หยุ่น พวกคุณสองคนนอนบนเตียงนะ ผมนอนที่โซฟาก็พอ!”
ในห้องพัก เล๋ยเล่พูดเสนอด้วยตัวเอง
“ไม่เป็นไร คุณนอนบนเตียงเลย”
เฉินเกอมองเล๋ยเล่พลางพูดเสนอแนะ
“คุณพี่เฉิน…..”
“ตามนี้เลย คุณนอนบนเตียงเถอะ!”
เล๋ยเล่ยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่ถูกเฉินเกอตัดบท
ได้ยินเฉินเกอพูดเช่นนี้ เล๋ยเล่ก็ไม่มีทางเลือก จึงได้แต่รับปากอย่างเชื่อฟัง
แต่ในใจของเขารู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นใจมากๆ เขารู้สึกว่าเฉินเกอดีกับตนมากเลย
จนถึงกลางดึก พวกเฉินเกอสามคนจึงได้ค่อยๆ เข้านอน
“จิ๊บๆๆ !”
เช้าวันรุ่งขึ้น จากเสียงนกร้องอย่างไพเราะทำให้รู้ว่าได้เข้าสู่วันใหม่แล้ว
พวกเฉินเกอสามคนตื่นขึ้นมาแต่เช้า
และเห็นพวกหลินเทียนหยวนรออยู่ที่ตึกชั้นล่างก่อนแล้ว
“คุณเฉิน เมื่อคืนพวกคุณนอนสบายกันไหมครับ?”
เมื่อเห็นเฉินเกอเดินลงมา หลินเทียนหยวนก็ถามเฉินเกออย่างยิ้มแย้ม
“ขอบคุณท่านหลินที่เป็นห่วงครับ พวกเรานอนหลับกันดี!”
เฉินเกอก็ตอบหลินเทียนหยวนอย่างสุภาพหนึ่งประโยค
จากนั้นหลินเทียนหยวนก็เอาแผนที่ออกมา
“ตอนนี้พวกเราอยู่ที่นี่ อันดับแรกพวกเราต้องไปที่แท่นขุนนางกันก่อน ซึ่งห่างจากที่นี่ห้ากิโลเมตร ฉะนั้นขั้นแรกพวกเราจะต้องไปที่แท่นขุนนางกัน”
หลินเทียนหยวนชี้บนแผนที่พลางพูดกับทุกคน
สำหรับข้อเสนอของหลินเทียนหยวนนี้ ทุกคนก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
เพราะแผนที่เป็นของเขา เฉินเกอจึงไม่ได้ขัดแย้งแต่อย่างใด ลองเดินไปดูตามทางที่หลินเทียนหยวนบอกก่อนก็แล้วกัน
พูดจบ พวกเฉินเกอก็เริ่มเก็บสัมภาระของตนแล้วเริ่มออกเดินทาง
ระหว่างทาง เล๋ยเล่ได้เอามือถือออกมาถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ไม่หยุด
เห็นท่าทีของเล๋ยเล่ เฉินเกอกับหวางหยุ่นก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
กำลังคิดอยู่ว่าเล๋ยเล่มาผจญภัยหรือมาท่องเที่ยวกันแน่
“เล๋ยเล่ ไอ้เด็กบ้าเงียบๆ หน่อยได้ไหม!”
บัดนี้เฉินเกอมองเล๋ยเล่พลางกล่าวแจ้งเตือน
“ฮ่าๆ คุณพี่เฉิน ไม่ใช่ได้มาที่ภูเขาตงอูง่ายๆ นะ จะไม่ให้ถ่ายรูปกลับไปได้ยังไง ยังน้อยก็ได้พิสูจน์สักหน่อยว่าเคยมาแล้วไง”
ทันใดนั้นเล๋ยเล่ก็อธิบายกับเฉินเกออย่างชื่นบาน