ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก - บทที่ 336 จะไม่ไหวแล้ว
เมื่อเธอผลักประตูบานใหญ่ของห้องเจ้าบ่าวที่เป็นสีขาวและยังถูกแกะสลักลวดลายสวยงามเข้าไปแล้ว ก็พบเข้ากับชายสวมสูทคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แววตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเธอได้วูบลง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงผิดหวัง ” โหมวยู่ล่ะ ”
หลีซินที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เขาบรรจงแต่งตัวอย่างดี แล้วตัวเขาก็มีใบหน้าที่พร้อมจะดึงดูดคนอยู่แล้ว เป็นใบหน้าที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถละสายตาได้ เขาทำหน้างุนงงพร้อมกะพริบตาปริบๆ
” ผมเพิ่งจะมาถึง แต่ผมก็ไม่เห็นพวกพี่ใหญ่เลยนะ พวกเขามาถึงแล้วเหรอครับ ”
สีหน้าแปลกใจที่แสดงออกมาของหลีซินดูสมจริงมาก ชางหลิงจึงรู้สึกว่าหลีซินคงจะไม่ได้หลอกเธอ
แต่ขณะที่กำลังมาที่นี่ ฉู่ฉือก็บอกถงเอินไปแล้วนะว่า พวกเขาถึงแล้ว
โหมวยู่หนีไปไหนอีกล่ะ
ชางหลิงยิ่งคิดก็ยิ่งปนกันมั่วไปหมด เธอยังคงยืนอยู่ตรงประตูไม่ได้ขยับไปไหน สายตาที่ว่างเปล่ามองไปยังหลีซิน
หลีซินเห็นว่าสภาพจิตใจของชางหลิงกำลังกระวนกระวายเป็นอย่างมาก จึงเข้าไปพยุงตัวเธอให้นั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็โทรศัพท์หาฉู่ฉือ
” ฉู่ฉือ พวกนายถึงไหนกันแล้ว พี่สะใภ้รออยู่ที่ห้องพักน่ะ ”
บนชั้นที่สูงที่สุดสำหรับห้องพักในคลับnovaพวกเขาก็พยุงโหมวยู่ให้นอนลงบนเตียง ฉู่ฉือก็รับสายของหลีซิน
” โอเค ฉันฝากนายดูแลคุณชางด้วย เรียกคนมาหลายคนหน่อยให้มาคุ้มกันเธอ อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเด็ดขาด ”
” รู้แล้วครับ ”
ฉู่ฉือไม่ได้พูดถึงโหมวยู่เลยสักนิด หลีซินเหมือนรู้กันว่าเขาจะสื่ออะไร ดูเหมือนว่าพิธีแต่งงานในวันนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเสียแล้ว
” โหมวยู่อยู่ที่ไหน ” ดูเหมือนว่าในขณะที่หลีซินกำลังวางสาย ชางหลิงก็รีบเอ่ยปากถามทันที
” ฉู่ฉือก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ใหญ่ไปไหน ไม่งั้นคุณลองโทรไปถามพี่ใหญ่เองสิ ”
หลีซินพูดแถไปเรื่อย และไม่กล้าที่จะมองหน้าชางหลิง เขากลัวว่าสิ่งที่ตัวเองโกหกออกไปโง่ๆ จะถูกเปิดเผย
ชางหลิงจ้องไปยังหลีซินที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธออย่างดุดัน เขารู้ดีว่าการที่จะแยกเธอกับโหมวยู่จากกันเป็นเรื่องที่ยาก ทั้งสองฝ่ายไม่ควรถูกทำเช่นนั้น ชางหลิงเองก็พยายามโทรหาโหมวยู่อย่างบ้าคลั่ง
เธอพยายามโทรแล้วโทรเล่าถึงสามค่ะ แต่ปลายสายก็ไม่มีคนรับ
โหมวยู่เอนกายพิงหัวเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพูด เขาพยายามฝืนตัวเองเพื่อตอบกลับข้อความชางหลิงว่า ” มีอะไร ”
เป็นสองคำสั้นๆ โทรศัพท์ในมือของโหมวยู่เปียกเหงื่อของเขาจนชุ่มไปหมด
” พิธีแต่งงานวันนี้จะจัดไหม โหมวยู่ ฉันให้โอกาสคุณแค่หนึ่งครั้ง ถ้าวันนี้คุณไม่มาสู่ขอฉัน ทั้งชีวิตนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้แต่งกันเลย ”
สภาพจิตใจของชางหลิงกระเด็นกระดอนไปจนถึงคิดสุด ตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้เธอจะตัดสินใจเรื่องโหมวยู่ให้เด็ดขาด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา โหมวยู่ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอ่อนหวานโรแมนติก แต่จู่ๆ มันก็หายไป เป็นเช่นนี้อยู่สองสามครั้ง ชางหลิงรู้สึกว่าตัวเองต้องกลับไปกลับมาจนใจเริ่มเหนื่อยล้า ในบางครั้งก็รู้สึกว่าโหมวยู่จงใจที่จะทำตัวโหดร้ายกับเธอ
แต่พิธีแต่งงานวันนี้มันเกินไปแล้ว ระหว่างทางที่มางานถงเอินกับฉู่ฉือก็ติดต่อกันตลอดทำให้เธอเกิดความคาดหวังที่จะได้เจอ ตอนแรกเธอคิดว่าหากลงจากรถก็จะได้เข้าพิธีแต่งงานที่หรูหราพร้อมกับโหมวยู่ เธอไม่นึกเลยว่าโหมวยู่จะหายไปง่ายๆ แบบนี้ แล้วยังจะถามเธออีกว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า
โหมวยู่ฝืนยิ้มออกมา เธอโกรธแล้วสินะ
” ถ้างั้นหลิงเอ๋ออยากจะทำยังไงล่ะ ”
ชางหลิงอีกนิดคงขำออกมาแล้ว คำพูดพวกนี้ ทำราวกับว่าเธอกำลังโมโหด้วยไร้เหตุผลอยู่
” โหมวยู่ คุณทำมันให้ชัดเจนสิ คนที่ก่อเรื่องวันนี้ขึ้นมาก็คือคุณนะ ”
ชางหลิงคิดว่าอยากจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง แต่ข่าวคราวจากฝั่งนั้นก็เงียบหายไปแล้ว พอเธอโทรไปครั้ง เขาก็ปิดโทรศัพท์ไปแล้ว
เงียบหายไปดื้อๆ แบบนี้ โหมวยู่คุณยังมีความเป็นผู้ชายอยู่ไหม
ชางหลิงโกรธจนแทบจะพูดออกมาไม่เป็นคำ ในใจก็ได้แต่ก่นด่า จะทำอะไรก็ต้องหายไปแบบนี้ โหมวยู่เป็นคนที่น่าโมโหจริงๆ
ในขณะที่พวกเขาส่งข้อความโต้ตอบกัน หลีซินก็ได้เห็นว่าสีหน้าของชางหลิงดูแย่มาก แต่ก็ไม่ได้รู้ทั้งหมดว่าเรื่องที่เกิดระหว่างพวกเขาคืออะไร
ชางหลิงเห็นหลีซินที่กำลังตั้งใจเตรียมงานแต่งงานอยู่นั้น เธอก็เลยหาเรื่องพูดขึ้นมา ” หลีซิน ร่างกายของโหมวยู่น่ะ คงแข็งแรงต่อไปอีกไม่ได้แล้วล่ะ นายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ”
ขอโทษนะ หลีซิน ฉันอยากจะเจอโหมวยู่จริงๆ ก็เลยต้องโกหกนาย
” จะเป็นไปได้ยังไงครับ ไม่กี่วันมานี้ผมยังเจอพี่ใหญ่อยู่เลย พี่เขาก็ไม่ได้ดูต่างจากคนทั่วไปเลยนะ ไม่มีทางที่ร่างกายจะทนต่อไปไม่ได้หรอก ”
หลีซินช็อกมาก เลยพูดออกไปโดยที่ไม่อยากจะเชื่อ
” โอ้ อย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าป๋ายจื๋ออาจจะได้ยินมาผิดน่ะ ” ชางหลิงจำใจต้องโยนขี้ให้ป๋ายจื๋อ
คิ้วของหลีซินขมวดปมแน่น เกิดเรื่องใหญ่กับพี่ใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเขายังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย หลีซินเริ่มรู้สึกได้ถึงภัยอันตราย นี่เขาถูกพี่น้องตัวเองเขี่ยทิ้งแล้วหรือไง
” ป๋ายจื๋อไปได้ยินมาจากไหนเหรอ ”
” ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปได้ยินข่าวพวกนี้มาจากไหน อาจจะเป็นข่าวที่เม้าท์กันไปทั่วอินเทอร์เน็ตละมั้ง ”
หลีซินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลกับชางหลิงเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ป๋ายจื๋อก็พอดูเป็นคนใช้ได้ แต่ไม่คิดเลยว่ายิ่งอยู่จะยิ่งคิดไม่ซื่อ แม้แต่เรื่องที่เป็นความลับยังจะเอามาบอกชางหลิง
” ป๋ายจื๋อคงจะยังเด็กเกินไป เขาจะไปเชื่อข่าวพวกนี้ได้ยังไงกันล่ะ เดี๋ยวหลังจากนี้ผมจะหาคุณป้าที่พอคุยกันรู้เรื่องให้คุณนะ วันหลังดูแลลูกจะได้สะดวกสบายขึ้นมาหน่อย ”
เมื่อเห็นท้องน้อยที่นูนออกมาของชางหลิง หลีซินก็เริ่มรู้สึกร้อนใจแทนเธอ จึงถามเธอว่า ” พวกของกินของใช้ลูก เธอได้เตรียมไว้หรือยัง ให้ผมหาคนไปช่วยคุณจัดเตรียมไหม ”
หัวข้อสนทนาถูกเปลี่ยนไปโดยที่ไม่ทันตั้งตัว แต่ชางหลิงก็พูดออกมาด้วยความรีบร้อนว่า ” หลีซิน ฉันหิวนิดหน่อยน่ะ ขอออกไปหาอะไรกินหน่อยนะ คุณก็เตรียมตัวให้ดีล่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น ”
เธอรีบหาข้ออ้างที่จะจากไป ในตอนนี้เธอแค่อยากจะหาตัวโหมวยู่ให้เจอ แล้วพูดต่อหน้ากันให้รู้เรื่อง
ชางหลิงออกไปข้างนอกก็เจอเข้ากับป๋ายจื๋อที่กำลังเฝ้าข้างนอกอยู่ ” ก่อนหน้าที่สัญญาณโทรศัพท์ของโหมวยู่จะหายไปมันไม่ได้อยู่ที่คลับNovaตลอดหรอกเหรอ ”
ป๋ายจื๋อพยักหน้า วันนี้ชางหลิงจดจ้องตำแหน่งที่ตั้งของโหมวยู่เป็นพิเศษ เธอค่อนข้างระมัดระวัง จากที่ดูโหมวยู่ออกมาจากบ้านตระกูลโหมว แล้วก็ตรงมายังคลับNovaเลยทันที จนกระทั่งก่อนสัญญาณหายไป ก็ไม่ได้ออกไปจากงานเสียด้วยซ้ำ
” คุณหาห้องพักชั้นนี้หรือยัง ”
” หาแล้วครับ ไม่มีใครเลย ”
ชางหลิงพยักหน้า แล้วพาป๋ายจื๋อขึ้นลิฟต์ไปด้วย แล้วตรงดิ่งไปยังห้องพักของโหมวยู่ในชั้นบนสุด
ลิฟต์หยุดลงที่ชั้นสูงสุดของตึก ลิฟต์เปิดออกช้าๆ เมื่อเห็นประตูบานที่คุ้นเคย ภายในนั้นเป็นห้องพักของโหมวยู่ในคลับNova
เธอจัดการสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วใช้ลายนิ้วมือสแกนลงไปเพื่อปลดล็อก
มีเสียงดังขึ้นมา ” ติ๊ง! ” แล้วประตูก็เปิดออกช้าๆ
เมื่อผ่านเข้าไปในห้องรับแขกที่ว่างเปล่า ชางหลิงได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้าวเดิน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ห้องนอนมากเท่าไหร่ เมื่อเข้าไปใกล้ห้องนอนมากขึ้นเท่าไหร่ การสาวเท้าเดินก็หนักอึ้งมากเท่านั้น เหมือนกับว่าทุกครั้งที่เดินไปในแต่ละก้าวเธอจะสูญเสียพลังงานเป็นอย่างมาก
จากห้องรับแขกไปยังประตูห้องนอน เธอรู้สึกเหมือนใช้เวลานานมาก นิ้วมือของเธอสัมผัสลงไปที่ลูกบิดประตูอันเย็นเฉียบ ชางหลิงชักมือกลับภายในเสี้ยววิแล้วถอยออกมา
ในตอนที่เธอไม่สามารถเจอหน้าโหมวยู่ได้ เธอก็ได้แต่ภาวนาที่จะได้พบเจอเขา มีคำถามมากมายนับไม่ถ้วนพี่อยากจะถามเขา แต่ในเวลานี้เธอรับรู้ได้ว่าโหมวยู่อยู่ข้างในนั้นอย่างแน่นอน เพียงแค่เปิดประตูที่อยู่ตรงหน้าเธอแล้วเธอก็จะได้พบกับผู้ชายที่เธอเฝ้ารอมาเนิ่นนาน แต่เธอก็ไม่กล้าเปิดไม่ออกเสียดื้อๆ
” เธอกลัวหรือไง ”
ชางหลิงหันไปมองดวงตาที่ดูใสซื่อของป๋ายจื๋อ แล้วบอกให้เขาไปนั่งรอตรงโน้น
เธอใช้สายตามองป๋ายจื๋อที่เดินไปนั่งบนโซฟาของห้องรับแขก ชางหลิงไม่สามารถหาข้ออ้างที่จะถอยกลับได้แล้ว จึงจับลูกบิดประตูไว้แน่นแล้วเปิดประตูออก จากนั้นก็สาวเท้าทีละก้าวเข้าไปในห้อง