ท่านประธานที่รัก - บทที่ 255 อาลัยอาวรณ์
เฉินเฉียวไม่รู้จะตอบยังไง เสียดายที่เธอยังไม่เข้าใจเรื่องตัวเอง จะอธิบายกับเขายังไง จึงลูบศีรษะเขาแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน “รอแม่จำได้ทุกอย่างแล้ว โยว่อีจะลงโทษแม่ยังไงก็ได้”
“จริงเหรอครับ?” ในสายตาเขาเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อ
“แม่ไม่โกหกโยว่อีหรอก” สีหน้าเฉินเฉียวจริงจัง
โยว่อียิ้ม “เหอะเหอะ”
ถ้าเชื่อเธอ ก็แพ้น่ะสิ
ตอนที่ซังหลินจวินอุ้มเหมิงเหมิงที่ตื่นแล้วลงมา จึงเห็นเฉินเฉียวที่นิสัยอ่อนโยนถลกแขนเสื้อขึ้นกำลังทำอะไรไม่รู้กับโทรศัพท์โยว่อี
โยว่อีก็ทับอยู่ที่ไหล่เธอ แล้วยังได้ยินเขาพูดว่า “เร็ว เร็ว ขย่ำมันสะ อ๊ากกก มันแย่งบอสไปแล้ว รีบสั่งการให้เงินรางวัลเร็ว”
มือไม้วาดกวาดไปทั่วไม่มีภาพลักษณ์เลย
“นี่กำลังทำอะไร” ซังหลินจวินอุ้มเหมิงเหมิงนั่งลงที่โซฟา แล้วเอ่ยเสียงเข้ม เลยทำให้ทั้งสองคนที่กำลังเล่นเกมส์ดึงสติกลับมา
กับเฉินเฉียว เพราะเธอยังไม่ฟื้นคืนความจำ ซังหลินจวินเลยไม่ว่าอะไร เพราะยังไงก็ภรรยาตัวเอง ยังไงเขาก็ต้องตามใจอยู่แล้ว
แต่ว่า ไม่จำเป็นกับลูกชาย
“โยว่อี เอาโทรศัพท์เรามา”
ซังหลินจวินเอาแก้วเทนมให้เหมิงเหมิงไปด้วยแล้วเอ่ยสั่งเสียงเข้ม
โยว่อีไม่ขยับ ในใจแอบด่าว่าลำเอียง สายตาจึงมองไปทางเฉินเฉียวด้วยม่านน้ำตา เขาแบบนี้เหมือนจะร้องไห้จริงๆ
เฉินเฉียวเอ็นดูเขา ปกป้องเขาแล้วรับผิดชอบเอง “ฉันแปลกใจเกมส์ในโทรศัพท์โยว่อี เลยให้เขาสอนฉัน ถ้าคุณจะโทษ ก็โทษฉัน ไม่ใช่ความผิดของเขา”
ซังหลินจวินดูโยว่อีที่หลบอยู่หลังเฉินเฉียว จากนั้นก็หัวเราะในลำคอ
จากนั้นก็หันมาทางเฉินเฉียว มุมปากกลับเลิกขึ้น “เธอไม่รู้เรื่องเกมส์ มาถามฉันก็ได้ เขาเป็นแค่เด็ก จะรู้เรื่องอะไรล่ะ”
“คุณก็เล่นเกมส์?” เฉินเฉียวมองสำรวจเขาด้วยสายตามีเลศนัย จนซังหลินจวินต้องหรี่ตาตาม
“ทำไม ฉันเล่นเกมส์เป็นแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ?” ในสายตาเขาเขียนไว้ชัดเจน ถ้ากล้าพูดว่าใช่ คงไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่
เฉินเฉียวรีบส่ายหน้าทันที “ไม่สักหน่อย คุณชายซังเป็นคนฉลาด ก็ต้องเล่นเป็นแน่นอน”
ซังหลินจวินรับคำอวดของเธอ
เกมส์งั้นเหรอ เป็นเรื่องเมื่อสิบปีก่อนแล้ว
ของแบบนั้น ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก
ตอนดึก เพราะว่ารู้เรื่องของทั้งสองแล้ว ซังหลินจวินกับโยว่อีเลยค้างที่บ้านเฉินเฉียวอีกคืน
เธอพาเหมิงเหมิงนอน แต่เหมือนวันนี้เหมิงเหมิงไม่อยากนอน จึงหรี่ตาถาม “วันนี้เหมิงเหมิงเป็นอะไรคะ ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนอีก อยากให้คุณแม่เล่านิทานให้ฟังใช่ไหมคะ”
เหมิงเหมิงกอดแขนคุณแม่ไว้ แล้วพูดเสียงอ้อน “คุณแม่ วันนี้คุณลุงซังบอกว่าเขาเป็นพ่อหนู แม่คะ คุณลุงซังเป็นพ่อของหนูจริงหรือเปล่า?”
ถึงแม้เหมิงเหมิงอายุยังน้อย แต่ก็เริ่มคิดเป็นแล้ว
เหมือนแต่ก่อนที่ออกไปเล่น มองเห็นเด็กที่โตพอๆกับเธอ ก็มาพร้อมกับพ่อแม่ทั้งนั้น
แต่เธอกลับมีคุณแม่กับคุณลุงซัง
ตอนนั้นเธอคิดว่าคุณลุงซังเป็นพ่อของเธอสักอีก
เพราะว่าแต่ก่อนคุณลุงซังอยู่กับเธอตลอด
ตอนนี้มีคุณลุงซังเพิ่มมาอีกคน ยังบอกว่าเป็นพ่อเธออีก
เหมิงเหมิงเลยไม่ค่อยเข้าใจ เธอคิดว่าเธอควรถามคุณแม่ ใครกันแน่ที่เป็นพ่อเธอ เลยอัดอั้นมาตั้งนานสุดท้ายค่อยถาม
พอเฉินเฉียวได้ยินแล้วก็ทั้งรู้สึกตลกทั้งเสียใจด้วย
เด็กบ้านไหนกันล่ะ อายุเท่าเหมิงเหมิงจะเอาแต่คิดว่าใครเป็นพ่อ
ทั้งหมดนี้ก็ต้องโทษเธอ แล้วคนที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ด้วย
ถ้าเรื่องทั้งหมดไม่เกิดขึ้น เหมิงเหมิงของเธอก็ต้องมีครอบครัวที่มีความสุขอยู่แล้ว
วินาทีนั้นในใจเธอ เกลียดคนที่ทำร้ายเธอมาก
เธอลูบผมเหมิงเหมิงไปด้วย แล้วอธิบายกับเธอด้วย “เหมิงเหมิงเป็นลูกรักของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ความรักที่คุณพ่อคุณแม่มีให้เหมิงเหมิงจะไม่เปลี่ยน เหมิงเหมิงแค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ เหมิงเหมิงควรจะนอนแล้ว”
“รับทราบค่ะ” เหมิงเหมิงทำท่าทำความเคารพ จากนั้นก็หลับตาลง
ถึงแม้ซังหลินจวินคิดว่าจะอยู่กับเฉินเฉียวจนกว่าเธอจะจำได้ค่อยกลับประเทศ แต่น่าเสียดาย มีเรื่องตลอด
ซังหลินจวินได้รับโทรศัพท์กลางดึก พอได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายแล้วจึงขมวดคิ้ว “หนานยวี่ นายควบคุมสถานการณ์ตรงนั้นก่อน เรื่องทั้งหมด รอฉันกลับประเทศค่อยว่ากัน”
พอตัดสายแล้ว มองห้องที่มืดสนิท ความรู้สึกของเขาก็ตึงเครียดมาก
ซังหลินจวินหยิบเสื้อมาสวมใส่ ไม่หยิบอะไรทั้งนั้น แล้วรีบเดินออกไปเลย
พอไปถึงหน้าประตูห้องเฉินเฉียว เขาจึงเคาะประตูเบาๆ
ทีแรกเฉินเฉียวที่กำลังจะหลับเลยตื่น เธอหยิบเสื้อมาคลุม แล้วไปเปิดประตู ตอนที่เห็นซังหลินจวิน ในใจก็แอบโล่งอก แต่พอเห็นเขาแต่งตัวแบบนั้นจึงขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถาม “คุณแต่งตัวแบบนี้ จะกลับไปเหรอ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ซังหลินจวินก็ไม่ปิดบังเธอแล้วเอ่ย “เกิดเรื่องกับเพื่อนฉันนิดหน่อย ฉันเลยจะกลับประเทศตอนนี้ วันหยุดของโยว่อียังไม่หมด เธอก็อยู่ที่นี่ด้วย งั้นให้เขาอยู่กับเธอแล้วกัน”
“แล้วคุณจะกลับมาเมื่อไหร่?” เธอไม่รู้ว่าเรื่องหนักหนาสาหัสหรือเปล่า แต่ในใจก็เป็นห่วงเขา
ซังหลินจวินมองออก เขายื่นมือไปจับข้อมือเธอ แค่ดึงเบาๆ เฉินเฉียวก็ถูกดึงออกมานอกประตูแล้ว
เขากดเธอไว้ที่ผนัง แล้วใช้ร่างสูงก้มมองเธอ ตอนที่เฉินเฉียวกำลังกระวนกระวาย อยู่ๆเขาก็ก้มหน้าลงมา
พอจูบปลายจมูกเฉินเฉียวเบาๆแล้ว จึงดึงตัวเข้ามากอดไว้แน่น
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ฉันจะดูแลตัวเองดีๆ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะทิ้งเธอด้วย ยังไงก็มีตัวประกันอยู่ที่เธอ แต่ว่าที่สำคัญคือ ตอนที่ฉันไม่อยู่ เธอต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าเกิดว่า เธอกลับประเทศได้ ฉัน……”
เหมือนนึกอะไรได้ เขาเลยเปลี่ยนประเด็น “รอฉันกลับมา”
จากนั้นก็รีบจากไป เหลือไว้แค่แผ่นหลังของเขาที่หายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
เฉินเฉียวแตะปลายจมูกที่ร้อนระอุ ในมือมีแต่เหงื่อ เหม่อมองไปทางประตูอยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งมีลมหนาวพัดเข้ามาจากหน้าต่าง เธอค่อยดึงสติกลับมา แล้วเดินกลับห้องตัวเอง