ท่านประธานที่รัก - บทที่ 319 ฉันจะลงโทษเธอหนักๆ
พอค่ำคืนที่พัวพันผ่านไปแล้ว เฉินเฉียวก็นวดเอวที่ปวดแล้วตื่น
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงแหบที่เข้มขรึมทำให้ตื่นทันที
เฉินเฉียวเอียงหน้าถามอย่างสงสัย “วันนี้นายไม่ไปบริษัทเหรอ?”
“ไปสิ” ซังหลินจวินตอบแล้วเอาผมเฉินเฉียวทัดหู
“งั้นทำไมนายยังไม่ลุกอีกล่ะ” เฉินเฉียวหยิบโทรศัพท์มาดู นี่สิบโมงกว่าแล้ว เลยถามอย่างตกใจ
ซังหลินจวินทำตัวใจเย็นแล้วหยิบเสื้อขึ้นมาใส่
เมื่อคืนทั้งสองปล่อยให้เป็นไปตามความรู้สึก แต่ซังหลินจวินก็ยังรู้ว่านี่อยู่บ้าน
เพราะฉะนั้นพอเฉินเฉียวหลับไปแล้ว เขาเลยเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ห้องโถงมาไว้ในห้องน้ำห้องนอน
ก่อนเฉินเฉียวตื่น เขาก็เตรียมเสื้อผ้าของทั้งสองคนไว้แล้ว เป็นพ่อบ้านที่ดีจริงๆ
ความอบอุ่นละเอียดแบบนี้ของเขาเธอไม่ได้เห็นบ่อย เธอรู้สึกว่าเมื่อคืนทั้งสองก้าวข้ามระยะห่างอะไรบางอย่าง
พอมาคิดดีๆ กลับไม่รู้ว่าคืออะไร
พอซังหลินจวินใส่เสื้อคลุมเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้เดินไปที่ห้องน้ำ กลับหยิบเสื้อผ้าของเฉินเฉียวเดินไปข้างเตียง เปิดผ้าห่มเธอ แล้วใส่ชุดชั้นในลูกไม้สีเหลืองอ่อนให้เธอ
เฉินเฉียวอายจนหน้าแดงรีบห้ามไว้ ถึงตอนกลางคืนต่างคนจะช่วยถอดเสื้อให้กัน แต่นั่นก็เพื่อเล้าโลม แต่นี่กลางวันแสกๆ เห็นเขาหยิบชุดชั้นในไว้ ในใจเฉินเฉียวเลยลนลาน
“อายทำไม ฉันเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว” ซังหลินจวินเลิกคิ้ว มองเธอพร้อมยิ้มมุมปาก
“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้” เฉินเฉียวส่ายหน้าปฏิเสธ กอดหน้าอกไว้ทั้งสองข้างไม่ยอมปล่อยมือ
พอเห็นแบบนี้ ซังหลินจวินเลยจะบังคับไม่ได้ จึงยกมือยอมแพ้
“เธอใส่เองก็ได้ แต่ต้องเร็วหน่อยนะ วันนี้เราต้องไปบริษัทพร้อมกัน”
ทีแรกเฉินเฉียวยังเกร็งที่จะใส่เสื้อต่อหน้าซังหลินจวิน แต่พอได้ยินเขาเร่ง แล้ววันนี้ที่เธอต้องไปบริษัท เลยหยิบเสื้อผ้าข้างๆขึ้นมาใส่แล้วถาม “หลินจวิน ทำไมฉันต้องไปด้วย ไหนบอกว่าอีกหน่อยให้ฉันอยู่ที่บ้านก็พอ”
“แต่ว่า ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ” ซังหลินจวินพูดอย่างจริงจัง
เฉิยเฉียวอึ้ง เธอไม่คิดว่าซังหลินจวินจะดูออก
กี่วันนี้อยู่บ้านคนเดียวไม่มีอะไรทำ เธอรู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่ามาก บางครั้งอยู่บ้านคนเดียว ความเงียบแบบนี้ทำให้ใจเธอลนลาน
พอเหมิงเหมิงเจออาอวินในบ้าน ก็เอาแต่บอกว่าจะไปหาเขา เพราะฉะนั้นเลยไม่ค่อยอยู่บ้าน
เฉินเฉียวเห็นอาอวินพาเหมิงเหมิงกลับมาอย่างยิ้มแย้มทุกวัน กลางคืนก็เอาแต่หาว ทุกคืนเห็นเธอเหนื่อยจนหลับแบบนั้น เฉินเฉียวก็ไม่อยากรบกวนเธอ
ปีนี้โยว่อีก็ไปโรงเรียนแล้ว ทุกวันกลับมากินข้าวแล้วนอน ไม่ค่อยเห็นตัวเขาเลย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนเช้าก็ไม่มีใครอยู่เลย
เพราะฉะนั้นซังหลินจวินให้เธอกลับไปที่บริษัท เธอก็พยักหน้าตกลงอย่างไม่ลังเลเลย
พอกลับไปหยวนเซิ่งแล้ว เห็นห้องทำงานที่เหมือนเดิม เฉินเฉียวจับโต๊ะทำงานแล้วแซวซังหลินจวิน “หลินจวิน ตอนฉันไม่อยู่ นายเอาแต่มองของพวกนี้แล้วคิดถึงฉันสินะ”
ซังหลินจวินไม่รู้จริงๆว่าเฉินเฉียวคิดได้ยังไง
แต่ว่า ของที่วางไว้เขาก็คิดแบบนั้นแหละ ตอนที่เฉินเฉียวไม่อยู่หยวนเซิ่ง เขาไม่ชิน ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันไม่นาน แต่เหมือนอยู่กับเธอทุกวินาที ตอนที่เธอไม่อยู่ ก็เอาแต่คิดว่าเธอทำอะไรอยู่ คุยกับใคร ยิ้มแย้มกับใครหรือเปล่า ออกไปเดินเล่นหรือเปล่า
ทุกครั้งที่คิดแบบนี้ เขาก็ชอบเหม่อ เวลานานเข้า สติเลยไม่ดีเท่าตอนที่เธออยู่
เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเฉินเฉียว ซังหลินจวินก็รู้สึกว่า ให้เธอทำงานข้างตัวเขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย แถมยังทำให้เขาขยันด้วย
เพราะทุกครั้งที่เธอไม่เคลียร์ เขาก็จะอ่านอีกรอบ เลยทำให้ความเร็วในการอ่านเอกสารเร็วขึ้น
“เฉียวเฉียวฉันได้ยินซังอวินบอกว่าเธอจะออกแบบงานให้บริษัทเขา ช่วงนี้เธอไม่ต้องช่วยฉันดูเอกสาร ไปวาดแบบแล้วกัน” ซังหลินจวินนึกขึ้นได้
เขาหยิบเอกสารบนโต๊ะออกมาแล้ววางบนโต๊ะเฉินเฉียว
เฉินเฉียวหยิบมาดูเลยเห็นว่าเป็นงานดีไซน์ตัวละครเกมส์เก้าเทพวิมานใหม่ แต่เธอรับงานจากอาอวินอยู่แล้ว ตอนนี้มารับอีก งั้นก็ได้เงินเดือนสองเท่าสิ
เฉินเฉียวเป็นหนึ่งในคนดีไซน์เกมส์เทพเก้าวิมานไม่ค่อยมีใครรู้ เพราะตัวละครตอนแรกในเกมส์ ซังอวินแค่ให้เธอลองดู แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เฉินเฉียวจะมีพรสวรรค์ด้านนี้
แค่ฟังเขาพูดถึงตัวละคร ก็สามารถวาดออกมาให้เขาพอใจได้
เพราะแบบนี้ ตัวละครหลังจากนั้นเธอก็เป็นคนวาดตลอด แต่แผนที่หรือภาพวิวเธอไม่ใช่คนวาด เพราะนั่นเป็นงานที่เหนื่อยมาก ถ้าให้เฉินเฉียววาดคนเดียว วาดจนตายก็วาดไม่เสร็จหรอก
เฉินเฉียวคิด ยังไงอาอวินกับหลินจวินก็ร่วมงานกันอยู่แล้ว งั้นเธอก็คงไม่ต้องปิดบังอะไรอีก
เธอยื่นมือแล้วเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างภูมิใจ “หลินจวิน ฉันลืมบอกนาย ความจริงฉันเป็นดีไซเนอร์ของเกมส์นี้ ฉันคือซืออี๋”
ตอนที่เฉินเฉียววาดแบบให้เกมส์ ไม่ได้ใช้ชื่อจริง แต่กลับเป็นนามปากกาแทน
ชื่อนี่ไม่ใช่แค่ใช้ในงานนี้ ยังใช้กับงานที่เธอวาดภาพไปประมูลด้วย
ซังหลินจวินขมวดคิ้ว ตอนที่ได้ยินชื่อซืออี๋ ในหัวเขาเหมือนมีอะไรแว็บเข้ามาแล้วหายไป
แต่เขาก็รีบดึงสติกลับมา แล้วจับมือเฉินเฉียวไว้ จงใจทำหน้าเข้มแกล้งโมโห “เฉียวเฉียวเธอปิดบังขนาดนี้ คืนนี้ฉันจะลงโทษเธอหนักๆแน่”
เขาพูดเสียงเบา แต่กลับเอาแต่วนเวียนอยู่ในใจที่ลนลานของเธอ
อยากขยี้หูไม่ให้มันร้อน แต่เขากลับยิ้มแล้วเอาแต่จ้อง จนเธอทำอะไรไม่ถูก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ค่อยรวบรวมความกล้าเอ่ยว่า “เอาสิ ใครกลัวล่ะ”
งั้นก็รอดูว่าใครจะยอมแพ้ก่อน