ท่านประธานที่รัก - บทที่ 441 ขอบคุณอดีต
ไม่เกร็งแล้วจริงๆ
มองเห็นเงาที่ทอดยาวของหลินจวิน คิ้วที่ขมวดเล็กน้อยแฝงไปด้วยความลำบากใจ
เฉินเฉียวยิ้มให้ กับสายตาที่ไม่เข้าใจของหลินจวิน เธอจึงพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย
“ยังจำคำพูดที่ฉันบอกนายได้ไหม? ฉันบอกว่ารอฉันใจเย็นก่อน ถ้าจะบอกคำตอบนาย ความจริงตอนนั้นฉันจงใจ ตั้งแต่แรก ฉันไม่ได้โกรธนายจริงๆ เพราะมันไม่จำเป็น เรื่องตอนนั้นเราสองคนเป็นผู้ถูกกระทำ ตอนที่เราไม่รู้จักกัน แต่กลับโดนคนอื่นมัดไว้ด้วยกัน พอมาคิดตอนนี้ ฉันอาจจะต้องขอบคุณคนพวกนั้น”
พูดถึงเรื่องพวกนั้น เลยทำให้นึกย้อนกลับไป
ตอนนั้นถึงแม้เธอจะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่เรื่องความรู้สึกยังเด็กอยู่ ไม่เข้าใจว่าบนโลกนี้มีเรื่องของโชคชะตา
เสียงหยุดลงตรงประเด็นที่หลินจวินอยากฟัง ในแววตาของคนใจเย็นกลับลนลาน เฉินเฉียวแอบขำในใจ ใบหน้าก็ยังยิ้มเหมือนเดิม ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยพูดต่อ
“ถ้าไม่มีพวกคนที่อยากทำร้ายนายกับฉัน ถ้าพ่อนายไม่มัดมือชก โยว่อีอาจจะไม่ได้เกิดมา ฉันอาจจะยังลังเลอยู่ในชีวิตที่น่ารังเกียจแบบนั้นแล้วถอนตัวออกไม่ได้”
“แล้วนายก็จะไม่เจอฉันด้วย”
เธอทอดมองไปที่เขา ใช้แววตาที่จริงใจไร้เดียงสา นี่เลยทำให้ใจซังหลินจวินรุ่มร้อนทันที
แต่หางตาก็เหลือบเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปมา เลยหักห้ามความรู้สึกไว้
ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะ
ไม่มีอะไรที่ชัดเจนกว่าความคิดเขาในตอนนี้แล้ว
“เฉียวเฉียว ขอบคุณนะ” เขายื่นมือไปดึงเธอเข้ามากอด เขาไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันหนึ่งที่เขาจะแสบจมูกเพราะคำตอบของเธอ
นี่ไม่ใช่เธอที่ความจำเสื่อม แต่เป็นเธอที่มีความทรงจำกับความรู้สึก
เขาดีใจมาก วินาทีนี้เขาอยากดึงเธอไปพัวพันด้วยซ้ำ แต่ความจริงกลับทำให้เขาได้สติ
เฉินเฉียวที่โดนกอดไว้แน่นทำตัวไม่ถูก อยากผลักเขาออกแต่ก็กลัวทำลายศักดิ์ศรีเขา
แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เขาที่ได้รับคำสารภาพรักจากเธอไม่ต้องการศักดิ์ศรีอะไรแล้ว
แล้วเสียงเปิดประตูข้างหลังทำให้เฉินเฉียวตกใจ
เซิ่งชิงที่ตาแดง เพิ่งร้องไห้ในห้องพักฟื้นไม่คิดเลยว่าเธอจะเจออะไรที่อึดอัดแบบนี้
เห็นทั้งสองคนใกล้ชิดกันขนาดนั้น เลยทำให้เธอคิดถึงเรื่องระหว่างเธอกับซูเยี่ยน ในใจเลยเศร้าจากนั้นก็วิ่งหนีไป
ซังหลินจวินกับเฉินเฉียวทำหน้างง
พอดึงสติกลับมา ไม่เห็นเงาของคนที่วิ่งหนีไปแล้ว
เฉินเฉียวรีบผลักเขาแล้วพูดว่า “เรารีบไปตามสิ ดึงขนาดนี้แล้ว เสี่ยวชิงยังเด็กขนาดนั้น ถ้าเกิดเรื่องจะทำยังไง”
เฉินเฉียวยิ่งคิดยิ่งเป็นห่วง สุดท้ายเลยไม่สนใจซังหลินจวิน แล้ววิ่งไปทางที่เธอวิ่งหายไป
ซังหลินจวินที่ยังนั่งอยู่คนเดียวเหลือบมองไปที่เอว เพราะปฏิกิริยาเมื่อกี้ทำอะไรไม่ได้
ช่วงนี้เฉินเฉียวออกกำลังบ่อย วิ่งแล้วหน้าไม่แดงไม่หอบ ยิ่งวิ่งยิ่งเร็วขึ้น
แต่กลับเป็นเซิ่งชิง อาจจะเพราะแต่ก่อนไม่เคยวิ่งไกลขนาดนี้ วิ่งไปสักพัก เลยหอบแล้วหยุดวิ่ง
เฉินเฉียวตามหลังเธอแล้วพูดว่า “เสี่ยวชิง ตอนนี้ดึกแล้ว เดี๋ยวเราส่งเธอกลับบ้านก่อนดีกว่า”
เซิ่งชิงที่ตาบวมมองเฉินเฉียวที่วิ่งมาแล้วส่ายหน้า “ฉันไม่อยากกลับบ้าน ในบ้านมีฉันคนเดียว ว่างเปล่าเกินไป ฉันอยากอยู่กับอาซู”
แต่ก่อนที่อยู่ด้วยกันสองคนยังไม่รู้สึก พอซูเยี่ยนไม่อยู่แค่วันเดียว ไม่ว่าเซิ่งชิงจะนั่งโซฟาที่เคยนั่งด้วยกัน หรือโต๊ะอาหาร หรือที่ต่างๆที่คุ้นเคยก็จะเกิดภาพหลอน แต่มันไม่ใช่ความจริง แค่เธอดึงสติกลับมาก็จะรู้สึกเศร้ามาก
ความรู้สึกแบบนี้ ถึงเธอจะไม่พูด เฉินเฉียวก็เห็นจากสายตาเธอ
แล้วสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแต่ก่อนหรือตอนนี้เธอก็คุ้นเคยมาก
อยู่ๆเฉินเฉียวก็รู้สึกว่าเธอไม่มีเหตุผลที่จะปลอบใจเธอให้กลับบ้าน
รอตอนที่ซังหลินจวินวิ่งมา ทีแรกเฉินเฉียวที่จะส่งเธอกลับบ้านกลับย้ำกับเซิ่งชิงว่าต้องระวังอะไรบ้างในห้องพักฟื้น
เกิดอะไรขึ้น ซังหลินจวินงงมาก
จนกระทั่งส่งตัวเธอกลับห้องพักฟื้น เฉินเฉียวกับซังหลินจวินยืนอยู่หน้าประตู ไม่ได้เดินเข้าไป
เธอที่เป็นเพื่อน ตอนนี้ทำได้แค่นี้แหละ ทำเยอะไปอาจจะล้ำเส้น
ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่ช่วยได้แค่เรื่องที่ช่วยได้
ระหว่างทางที่ซังหลินจวินกับเฉินเฉียวกลับบ้าน
นึกถึงหลินจวินบอกว่าที่เกิดเรื่องกับซูเยี่ยนเพราะเขาช่วยสืบเรื่องให้ เฉินเฉียวเลยถามหน้าเข้ม “นายรู้อะไรหรือเปล่า แล้วไม่ยอมบอกฉัน”
ซังหลินจวินเป็นใบ้ไปครู่หนึ่งค่อยพูดว่า “เรื่องนั้นฉันไม่รู้ว่าควรบอกเธอหรือเปล่า แต่พอคิดตอนนี้เกิดเรื่องกับซูเยี่ยน ถ้าตอนนี้ยังไม่บอกเธออีก เธอก็จะไม่ระวังตัวแล้วจะอันตรายกว่าเดิม”
“ความจริง เฉินอินออกมาจากคุกแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าใครช่วย ซูเยี่ยนอาจจะรู้ว่าตัวการคือใคร อยากจะบอกฉัน แต่ฉันไม่ได้รับสายเขา”
“พอมาคิดตอนนี้ เรื่องวันนั้นที่พ่อโดนลักพาตัวไปก็แปลกๆ เหมือนวางแผนไว้เป็นอย่างดี แล้วให้เราเดินลงหลุม”
เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาด แต่กี่ปีนี้เอาแต่เกิดเรื่องที่เขาทำอะไรไม่ได้ บางทีก็เหนื่อย แต่เขาเข้าใจดี ถ้าเขาหยุดพัก แล้วยอมแต่โดยดี เรื่องคงแย่ไปกว่านี้
เขาทำได้แค่พยายาม ถึงจะต้องทุ่มเทมากก็ตาม
“เฉินอิน?” ถึงจะเจอกันครั้งก่อน แต่เฉินเฉียวกลับรู้สึกว่าห่างกันเป็นชาติ
อาจจะเพราะครั้งก่อนที่เจอเฉินอิน เธอยังความจำเสื่อมอยู่ อาจจะพูดว่าเธอจำได้แค่เรื่องของหลินจวินคนเดียว
เฉินเฉียวปรับอารมณ์แล้วเอ่ย “แล้วนายให้คนไปสืบหรือยังว่าตอนนี้รอบๆตัวเธอมีใครเกี่ยวข้องบ้าง?”
ซังหลินจวินส่ายหน้า “สั่งไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่เหมือนแต่ก่อน เธอไหวพริบดี เหมือนรู้ว่ามีคนตาม จากนั้นก็สลัดคนพวกนั้นทิ้ง ไม่รู้ว่าที่ส่งเธอเข้าคุก เป็นเรื่องที่ถูกหรือผิด”