ท่านประธานที่รัก - บทที่ 449 ความเป็นเพื่อน
นั่นเป็นรูปที่เขาไปหามาจากบ้านเฉิน
ตอนนั้นรู้สึกว่าตอนเด็กเธอน่ารักมาก ตอนมองเขาก็เอาแต่ทำหน้านิ่ง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแบบนั้นก็น่ารักอีกแบบ
ตอนที่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอ้อนเขา ใจปู้อี้เฉินละลายไปเลย เขารู้สึกว่าเขาจบแล้ว ทำไมเฉินเฉียวไม่แยแสเขา แต่เขายังรู้สึกกับเธออีก
เขาบอกว่าอาจจะคิดไปเอง แต่ใจที่ยังเต้นแรงนั้นบอกเขาว่า นี่เป็นเรื่องจริง
โยว่อีที่ยังไม่รู้สึกอะไรกับเขา มองเห็นสายตาเขามองเหมิงเหมิงแล้วยิ้มเอ็นดูเกินไป ในใจเลยเริ่มระแวง
“ลุงครับ ลุงไปทางนั้นไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าลุงจะส่งพวกผม ต้องไปทิศตรงข้ามนะครับ” โยว่อีจงใจชี้ไปทางที่เขามา
รอยยิ้มของปู้อี้เฉินแห้ง มีความไม่สบอารมณ์
เขาไม่คิดเลยว่าเด็กบ้านี่จะรู้
ในใจหงุดหงิด สมกับเป็นลูกชายไอ้ซังหลินจวิน น่ารำคาญเหมือนพ่อมันเลย
แต่เขาก็เก็บซ่อนความหงุดหงิดไว้ ไม่ให้เด็กมองออก
เพราะตอนนี้เด็กฉลาดมาก แค่สีหน้าบางอย่างพวกเขาก็จะหมดความเชื่อใจ
“ลุงไม่รีบ มีเวลาไปส่งพวกหนู”
เห็นผู้ชายคนนี้ยืนยัน โยว่อีก็คิดในใจ ถ้าเขาบังคับให้พวกเขาไป โอกาสที่พวกเขาจะสู้มีแค่ไหน จากนั้นก็มองสำรวจร่างกายที่แข็งแรง เห็นว่าโอกาสคงมีน้อยมาก
ทำอะไรไม่ได้ ถ้าจะให้ผู้ชายตรงหน้าถอดหน้ากาก งั้นก็ลองดูสักตั้ง ไม่แน่คนตรงหน้าอาจจะอยากทำความดีก็ได้
โยว่อียิ้มพยักหน้าให้ “งั้นรบกวนคุณลุงพาพวกผมไปด้วยนะครับ”
เห็นโยว่อีตกลง ปู้อี้เฉินกำลังจะเปิดประตูให้พวกเขา แต่โยว่อีกลับเปิดประตูหลัง จากนั้นทั้งสองคนก็รีบขึ้นไป
ใบหน้าปู้อี้เฉินบึ้งตึง แต่ก็รีบปรับอารมณ์
บนรถ เขาเอาแต่หลอกถามเรื่องพ่อแม่กับเด็กสองคน แต่ทั้งสองคนปากแข็งมาก เอาแต่อ้อนทำตัวเป็นเด็กดี แล้วรีบเปลี่ยนประเด็น พอนานไป ปู้อี้เฉินเลยมองออก จะหลอกเด็กสองคนคงไม่ง่าย
พอส่งพวกเขากลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ปู้อี้เฉินค่อยรู้ตัวว่าเขาไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย
หงุดหงิดหัวร้อน จากนั้นก็ขับรถออกไป
รอไม่เห็นคนแล้ว เหมิงเหมิงที่อุ้มน้องหมาไว้ค่อยพูดอย่างภูมิใจ “พี่คะ เมื่อกี้หนูทำได้ดีใช่ไหมคะ”
โยว่อีโชว์นิ้วโป้งให้ พูดชมเธอ “ทำได้ดีมากๆ”
พอขึ้นรถแล้ว โยว่อีก็ทำท่าทางเป็นสัญญาณกับน้องสาว นั่นพวกเขาใช้มาหลอกคนอื่นโดยเฉพาะ
พอตกดึกเฉินเฉียวกับซังหลินจวินกลับมา เหมิงเหมิงที่นั่งอยู่บนโซฟาพูดเรื่องนี้ก่อน พอเฉินเฉียวได้ยินแล้ว เลยลูบศีรษะลูกสาวแล้วพูดอย่างกังวล “เหมิงเหมิง อีกหน่อยหนูกับพี่ชายอย่าโดดเรียนอีก ถ้าจะโดดเรียนจริงๆ ต้องบอกคุณพ่อคุณแม่หรือว่าลุงฟู่ก่อน ห้ามขึ้นรถของคนแปลกหน้า ต้องรอผู้ใหญ่ไปรับนะคะ”
ใครจะรู้ พอได้ยินเด็กทั้งสองคนพูดว่าขึ้นรถของอีกฝ่ายที่ไม่รู้จัก ในใจเธอกลัวแค่ไหน
เด็กทั้งสองคนเป็นลูกที่เธอได้มาอย่างยากลำบาก ไม่ว่าใครในพวกเขาบาดเจ็บ เธอก็เหมือนมีมีดมากรีดที่ใจ
เหมิงเหมิงพยักหน้าให้ เธอตกใจกับท่าทางของคุณแม่
ซังหลินจวินพาโยว่อีไปตำหนิที่ห้องหนังสือ
เพราะเกิดเรื่องนี้ ซังหลินจวินเลยลืมบอกเฉียวเฉียวเรื่องไปสนามบินพรุ่งนี้
พอเช้าวันถัดไป ซังหลินจวินไม่ได้ตื่นเช้าเหมือนทุกวัน แต่ยังนอนอยู่บนเตียงอย่างขี้เกียจ
พอเฉินเฉียวเห็น แล้วผลักแขนเขาแรงๆ “นี่ ตอนนี้กี่โมงแล้ว ทำไมนายยังไม่ไปบริษัทอีก จะปล่อยบริษัทร้างเหรอไง”
เดือนนี้ เธอเห็นซังหลินจวินไม่ไปหลายวันแล้ว ต้องพูดว่าตั้งแต่กลับมาจากอิตาลี เขาก็ไปบริษัทน้อยลง
ซังหลินจวินดึงเธอเข้ามากอด แล้วพูดเสียงเบาว่า “เฉียวเฉียว ฉันมีเวลามาอยู่กับเธอไม่ดีเหรอ?”
เฉินเฉียวผลักเขาออกทันที แล้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ตอนนี้ในบริษัทมีแค่นายคนเดียว ผู้ช่วยอวี้ไม่ได้อยู่ช่วยนาย นายน่าจะยุ่งทุกวันจนไม่มีเวลากลับบ้าน ไม่ใช่วันๆเอาแต่หยุดแบบนี้ นายยังอยากดูแลบริษัทดีๆหรือเปล่า”
เขาโดนผลักออก ซังหลินจวินเลยอารมณ์ไม่ดี เขาจึงกัดฟันแน่นแล้วพูดว่า “ลุกแล้ว ลุกเดี๋ยวนี้เลย ลุกพร้อมกันด้วย”
ซังหลินจวินดึงผ้าห่มเฉินเฉียวออกด้วย
เฉินเฉียวที่ใส่ชุดนอนสายเดี่ยวรู้สึกเย็นตัว เธอเลยรู้ว่าผ้าห่มโดนดึงออกแล้ว
จากนั้นจึงโมโหกว่าเดิม
“ถอยไปเลย ฉันลุกเองได้” เธอหยิบเสื้อมาใส่ เดินไปโดยที่ไม่สนใจเขาเลย
ตอนที่กินข้าวเช้า ยิ่งไม่ตักอาหารให้เขาเหมือนปกติ
บรรยากาศที่อึดอัดทำให้เหมิงเหมิงกับโยว่อีรู้สึกได้
“แม่คะ หนูกับพี่ชายไปโรงเรียนก่อนนะคะ” เหมิงเหมิงที่โดนสะกิดแขนรีบพูดเสียงดัง
“ผมก็กินเสร็จแล้วครับ” พอสะกิดน้องสาวเสร็จ โยว่อีก็รีบพูดหน้าตาเฉย
“เดี๋ยวแม่ส่งพวกหนูไปโรงเรียน” เฉินเฉียววางถ้วย จะออกไปพร้อมพวกเขา
เห็นสายตาของคุณพ่อ โยว่อีก็รีบพูดว่า “ไม่ต้องครับแม่ ลุงฟู่ส่งพวกผมไป แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
พูดจบ ก็รีบจูงมือน้องสาวออกไป
เห็นเด็กทั้งสองคนออกไปแล้ว เฉินเฉียวเลยจะเดินกลับห้อง
แต่ซังหลินจวินรีบดึงมือเธอไว้ก่อน
“เฉียวเฉียว วันนี้ฉันมีเซอร์ไพรส์จะให้เธอ เดี๋ยวเราออกไปด้วยกัน”
“เซอร์ไพรส์?” เฉินเฉียวแค่รู้สึกว่าเช้านี้โมโหกับเขามากแล้ว จะมีอารมณ์สนใจเซอร์ไพรส์ได้ยังไง
แต่เสียดายแรงซังหลินจวินเยอะ เธอเลยต้องปล่อยให้เขาดึงไป
แต่เฉินเฉียวก็ไม่ปฏิเสธ เธอก็สงสัยเหมือนกันว่าเป็นเซอร์ไพรส์อะไรที่ทำให้เขายอมทิ้งงาน
พอขึ้นรถแล้ว เพราะนอนไม่อิ่ม เฉินเฉียวเลยนอนหลับบนรถ
ซังหลินจวินถอดเสื้อคลุมแล้วคลุมให้เธอ จากนั้นก็ขับรถไปทางสนามบิน
ตอนที่เฉินเฉียวตื่น เห็นว่าพวกเขาอยู่บนทางด่วน เห็นเสื้อคลุมบนตัว ความโมโหตอนเช้าหายไปหมดเลย
จากนั้นก็แตะริมฝีปาก เห็นว่าไม่เปียก เธอค่อยโล่งอกไปที
ตอนที่นอนหลับในรถ อาจจะทำอะไรที่ดูไม่ดี เฉินเฉียวเลยรู้สึกโชคดีที่เธอนอนแล้วน้ำลายไม่ไหล