ท่านประธานที่รัก - บทที่ 466 รสชาติของความหวาน
หวานละมุนเหมือนเกสรดอกไม้ ชู่จี้แนบชิดกับซังอี๋มากขึ้น บรรยากาศก็เริ่มคลุมเครือ ฮอร์โมนของทั้งสองก็พลุ่งพล่านไปหมด
ฝ่ามือของเขาล้วงเข้าไปในเสื้อของซังอี๋ ซังอี๋โอดเสียงเบา ดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้น สวยจนคนอื่นต้องหลงใหล
ชู่จี้กัดริมฝีปากเธอไว้แน่น จูบริมฝีปากที่แดงสวยเหมือนกลีบกุหลาบสีแดง “เด็กดี” เขายิ้มเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์
เสียงที่ทุ้มต่ำของเขา ทำให้ความรู้สึกของซังอี๋พลุ่งพล่านไปหมด
เธออดใจไม่ได้ที่อยากได้อย่างอื่นมากขึ้น ร่างกายเหมือนมีไฟมาเบาไหม้ เหมือนทะเลซัดเข้ามาตัวเองจนจะจม
“อย่า……” ครั้งนี้เป็นตอนที่ตัวเองได้สติ ซังอี๋เลยกัดปลายลิ้นเบาๆ ความเจ็บทำให้เธอได้สติ ชู่จี้ใช้จมูกตัวเองแตะกับของเธอ “อย่ากัดตัวเอง ผมเจ็บแทน”
สบตากับอีกฝ่ายอย่างไม่ทันตั้งตัว จนเธอเริ่มลนลาน เหงื่อก็ไหลเต็มมือ เธออยากผลักชู่จี้ออก แต่อีกฝ่ายกลับใช้แขนกอดตัวเองให้แน่น
“ใช่สิ เธอคุยงานอะไรกับเฉียวฟูซัน?” สายตาของชู่จี้จ้องมองไปที่เธอ
“งานโรงเรียน” ซังอี๋ขยับริมฝีปาก ริมฝีปากแดงอิ่มนั่นน่าดึงดูดมาก
ชู่จี้ไม่พูดอะไรอีก แค่ปล่อยผู้หญิงในอ้อมกอด มองขนตาเส้นยาวที่กะพริบของเธอ เหมือนเป็นเอลฟ์ในหุบเขาอย่างนั้น
โดนชู่จี้จ้องแบบนี้ เธอเลยทำตัวไม่ถูก หน้าก็เริ่มแดง ดูแล้วน่ารักมาก
ผู้หญิงตรงหน้ามีเวทมนตร์ขนาดนี้ ทำให้ความหม่นหมองของตัวเองหายไปไม่น้อย ใจของเขา โดนสะกิดให้เต้นแรงแล้ว
ซังอี๋จัดเสื้อผ้าตัวเอง ใบหน้าก็ร้อนแดง “รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ตัวเองเหมือนนักล่างั้นเหรอ? นี่เป็นครั้งแรกที่ชู่จี้โดนไล่ เขากอดอกไว้ด้วยรอยยิ้ม “เธอไม่อยากลิ้มลองความรู้สึกคืนนั้นอีกครั้งเหรอ?”
ผู้หญิงคนนี้แปลกจริงๆ เข้ากับตัวเองได้อย่างงงๆ นึกถึงค่ำคืนที่เร่าร้อนนั้น ชู่จี้เลิกขึ้นแล้วขยับเข้าใกล้ซังอี๋ ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นไปที่คอเธอ จนซังอี๋สะดุ้ง
“หึ” เสียงหัวเราะเสียงเบาลอยเข้าหูซังอี๋ จักจี้หัวใจมาก
“ผมไปก่อนละกัน ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ไปหาผมได้” ชู่จี้พูดแบบนี้ แล้วหยิบนามบัตรสีทองออกมา บนนั้นเขียนไว้ว่า : ชู่จี้
“ฉัน……” ซังอี๋จะรับก็ไม่ได้ ไม่รับก็ไม่ได้ เธอไม่เอาใจเขาเพราะชู่จี้เป็นผู้บริหารของบริษัทฮวาเจิงหรอก เธอมีหลักการของตัวเอง ถึงตัวเองจะจมมุมก็ตาม
เห็นผู้หญิงลังเล ชู่จี้ก็ไม่ได้บังคับเธอ แค่วางไว้บนโต๊ะแล้วเดินจากไป
เสียงปิดประตูทำให้ซังอี๋ดึงสติกลับมา เธอมองเห็นถ้วยที่ว่างเปล่าบนโต๊ะ อยู่ๆก็อาลัยอาวรณ์ความรู้สึกเมื่อกี้
เธอส่ายหน้า ตัวเองรีบจัดการเรื่องทดลองดีกว่า ชู่จี้……อาจจะไม่เหมาะกับตัวเอง
ตอนที่ชู่จี้เปิดประตูกำลังจะก้าวขึ้นรถ แต่กลับมีผู้หญิงเจ้าเล่ห์มาขวางเขาไว้ “นายไปเจอใครมาน่ะ?”
“เกี่ยวอะไรกับเธอ” ชู่จี้ยิ้มอย่างเยือกเย็น สะกดรอยตาม? ใช้ชีวิตสงบสุขนานเกินไปแล้ว? กล้ามาเล่นแบบนี้กับเขาเหรอ
ความเย็นชา ผู้ชายคนนี้เย็นชากับตัวเองตลอด ถึงตัวเองจะจริงใจกับเขามากแค่ไหนก็ตาม
หลิงเยว่กำมือแน่น “ฉันไม่ยอมให้คุณป้าตกลงนายคบกับผู้หญิงคนอื่นหรอก”
“เหรอ? แล้วไง? เขาไม่ใช่แม่แท้ๆฉันสักหน่อย”
ชู่จี้รู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้าเหมือนเป็นตัวตลก คิดว่าตัวเองเอาใจแม่เลี้ยงเขาแล้วจะได้เป็นคุณหญิงน้อยตระกูลชู่? ฝันไปเถอะ
คำพูดนี้ทำให้หลิงเยว่เป็นใบ้
“ฉันไม่ยอมให้นายคบกับผู้หญิงคนอื่นที่นอกจากฉัน” เธอโมโห แต่ความเก็บกดไม่มีที่ระบาย เธอเชื่อว่า สักวัน ชู่จี้ต้องหวั่นไหวกับตัวเองแน่นอน
“พูดจบแล้ว?” ชู่จี้มองเธออย่างเยือกเย็น ไม่รอเธอตอบ เขาก็ปิดประตูรถแล้ว
หลิงเยว่ใจร้อนอยากยื่นมือเข้าไป จนเกือบจะโดนประตูรถหนีบ “ฉันไม่ได้สะกดรอยตามนาย ฉันแค่ไม่อยากเห็นนายโดนผู้หญิงคนอื่นหลอก”
ชู่จี้พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ทั้งโลกนี้มีเธอเป็นคนดีคนเดียว? มาแสแสร้งอะไรกับฉัน?” ทนเห็นคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจแบบนี้ไม่ได้จริงๆ
“ฉันเปล่า! ฉันพูดความจริง” เธอรีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับ “พรุ่งนี้คุณลุงให้นายกลับบ้าน วันนี้ให้ฉันไปค้างที่นายก่อน”
ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเป็นเรื่องเร่งให้แต่งงาน
ชู่จี้ทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้ไล่หลิงเยว่ด้วย จากนั้นก็เหยียบคันเร่งแล่นรถออกไป
“ฉันต้มซุปให้นาย นายชิมดูสิ” หลิงเยว่หยิบกล่องเก็บความร้อนจากหลังรถมา “นายอย่ารังเกียจ แค่ชิมแค่คำเดียวได้ไหม?”
เขาไม่แม้แต่จะมองหลิงเยว่ “เอาออกไป!” น้ำเสียงไร้ความรู้สึกมาก
โดนเขาทำแบบนี้มานานจนหลิงเยว่ชินแล้ว “แค่คำเดียว ฉันสัญญาพรุ่งนี้จะเชื่อฟังนาย”
“ไม่อยากนั่งรถก็ไสหัวลงไป!” น้ำเสียงเลือดเย็นกว่าเดิม
อาจจะเพราะคนเราชอบรนหาที่อยู่แล้ว ยิ่งไม่ได้ก็ยิ่งอยากได้ แล้วตอนนี้หลิงเยว่ก็รู้สึกแบบนั้นกับชู่จี้
ตั้งแต่เด็กจนโต เธอวิ่งไล่ตามชู่จี้ตลอด เห็นเขาเป็นดั่งเทพเจ้า
ถึงชู่จี้จะให้เธอกินยาพิษ เธอก็คงคิดว่านั่นเป็นขนมหวาน
เธอเงียบไม่พูดอะไรอีก กลัวว่าชู่จี้จะไล่เธอลงไป
รถแล่นไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเกินลงไป ไม่สนใจหลิงเยว่เลยสักนิด
“รอฉันด้วย……” เธอรีบวิ่งตามไป มองผู้ชายคนนั้นอย่างหลงใหล คืนนี้ เธออยากเป็นผู้หญิงของเขา……
พอขึ้นไปชั้นบน ชู่จี้ก็โยนกุญแจให้เธอ “ห้องที่สองฝั่งซ้าย ตื่นแล้วก็รีบไสหัวออกไป”
“นายยังโกรธฉันอยู่เหรอ?” เธอกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา อยากขอความเห็นใจจากเขา
ชู่จี้ไม่ตอบ แค่หันหลังเดินไป
แสงจันทร์ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ซังอี๋นอนยังไงก็นอนไม่หลับ เอาแต่พลิกตัวไปมา ในหัวเอาแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย รู้สึกว่าเหมือนจะมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น
อยู่ๆก็มีการแจ้งเตือนวีแชท : ชู่จี้ยื่นคำขอเป็นเพื่อน
คาดหวัง? มีความสุข?
อยู่ๆก็รู้สึกอบอุ่นใจ
ซังอี๋กดตกลง จากนั้นก็ดูวีแชทเขา
อาจจะเพราะเป็นบัญชีส่วนตัว เลยไม่ค่อยโพสต์อะไรมาก แค่ไลก์กับคอมเมนต์ยังน้อยเลย