ท่านประธานที่รัก - บทที่ 470 อภิสิทธิ์ของภรรยาบอส
อยู่ๆเขาก็จุมพิตริมฝีปากเธอ ค่อยกลืนกินเหมือนกับของที่ล้ำค่า ตั้งแต่ฟันจนถึงปลายลิ้น ไม่ปล่อยให้หลุดรอดเลย ที่ที่โดนจุมพิต กำลังเร่าร้อนเหมือนโดดเผาไหม้
ฝ่ามือก็ล้วงเข้าไปในเสื้อของผู้หญิง แล้วเอาแต่บีบอย่างถนอมมือ ซังอี๋โอดครวญเสียงเบา ยิ่งทำให้ฮอร์โมนผู้ชายพลุ่งพล่านมากกว่าเดิม
อยู่ๆเขาก็กัดไหปลาร้าที่โค้งสวยของเธอ จนกระทั่งมีรอยช้ำสีแดงเขาค่อยปล่อย “อื้อ อยู่ห่างๆจากผู้หญิงคนอื่น”
เขาเหมือนกำลังสั่งมากกว่า
หรือว่านี่เป็นความรู้สึกของการมีแฟน?
ซังอี๋แค่ขยี้ผมของเขา ไม่ได้พูดอะไร
เขาปล่อยเธอ เห็นแววตาที่ใสสะอาดของเธอแล้วถามว่า “แหวนอยู่หรือเปล่า?”
ซังอี๋นึกถึงแหวนที่แสนจะธรรมดา เขาเป็นคนให้เธอตอนที่เจอกันครั้งแรก “อื้อ ฉันเก็บไว้อยู่” เธอเก็บแหวนไว้ในกล่องไม้ เธอคิดว่า แหวนวงนั้น ต้องสำคัญกับชู่จี้มากแน่ๆ
สีหน้าของชู่จี้เปลี่ยนไป ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ย “นั่นเป็นแหวนแต่งงานของพ่อแม่ฉัน แม่ฉันหวงมาก แต่เขาไม่สนใจเลย”
คำพูดพวกนี้ ปกติเขาจะไม่พูดเด็ดขาด แต่ตอนอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ เขากลับพูดออกมาเอง
ชู่จี้ดูล้ามาก “ความฝันฉันอยากเป็นหมอ แต่กลับไม่ได้รับอนุญาต แต่ว่า โรคของเธอ ฉันจะหาวิธีรักษาให้หาย”
เขาชอบรักษาคน แล้วชอบการแสดงด้วย อาจจะเพราะการแสดงทำให้เขาปล่อยวางทุกอย่าง แล้วเข้าถึงตัวละครนั้นได้
ซังอี๋ฟังที่ขาเล่า มือก็จับมือของเขาไว้แน่น อยากจะให้ความอบอุ่นกับเขา
นอกรถ ฝนตกหนักมาก
น้ำฝนที่ตกลงมาปนไปกับเสียงฟ้าผ่า ซัดทุกอย่างบนพื้นให้หายไป
หลิงเยว่กางร่มเดินออกมา เห็นว่าชู่จี้ยังไม่ไป เลยเดินไปเคาะประตูรถเขา
กระจกรถลดลงมา
หลิงเยว่เห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ข้างคนขับ ความอิจฉาเลยเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง
“ชู่จี้ นายคิดดูดีๆก่อน เพราะไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือหุ่น ฉันก็ไม่แพ้เธอ” เธออยากรื้อฟื้นความรู้สึกระหว่างเธอกับชู่จี้ แต่ชู่จี้ไม่อยากกลับมา เธอเลยจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง
เขาหันมาอย่างเย็นชา “พูดจบหรือยัง?”
เขาพูดคำนี้ตลอด เหมือนอยากจะให้ตัวเองหายไปจากตรงหน้าเขาอย่างนั้น
หลิงเยว่กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้ามือ แล้วจ้องซังอี๋อ่างคาดแค้น “ขอให้มีความสุข!”
อยู่ๆรถก็สตาร์ท น้ำฝนกระเด็นใส่หลิงเยว่ แม้แต่บนหน้าก็เป็นน้ำฝนที่สกปรก แล้วดูทุลักทุเลมาก
เธอเหมือนเป็นตัวตลก ไม่เห็นค่า ไม่มีใครแคร์ ในใจมีแต่ความโกรธแค้น ซังอี๋งั้นเหรอ? ก็แค่คนธรรมดา จะสู้กับเธอได้ยังไง
ชู่จี้ส่งซังอี๋กลับไป รอทัดผมที่หูเธอแล้วจูบที่หน้าผากเธอ “ฝันดีครับ”
ซังอี๋อยู่ในห้องทดลองติดๆกันหลายวัน กี่วันนี้งานหนัก เธอทุ่มเททุกอย่างกับงานทดลอง ยังดีที่ผู้ชายคนนั้น กี่วันนี้ก็ไม่ได้ติดต่อเธอ
แต่ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“เสี่ยวอี๋ ศาสตราจารย์เรียกเธอ”
ซังอี๋วางงานในมือ แล้วรีบไปที่ห้องทำงานศาสตราจารย์
“งานทดลองใกล้จะเสร็จแล้ว อีกสองวัน เธอก็ไปทำงานที่ฮวาเจิงได้แล้ว ไปเป็นผู้ช่วยผู้บริหาร” ศาสตราจารย์ซ่งขยับแว่นตา ยื่นเอกสารให้ซังอี๋
ผู้ช่วยผู้บริหาร?
ผู้บริหารก็……ชู่จี้ไม่ใช่เหรอ?
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ซังอี๋รีบเปิดเอกสารดู แล้วตาก็กระตุก “ทำงานตามคำถามผู้บริหารยี่สิบสี่ชั่วโมง?”
นี่เป็นเงื่อนไขที่ให้เธอโดยเฉพาะ? ซังอี๋เงยหน้าขึ้นถาม “ยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่หลับไม่นอนเหรอคะ?”
“เปล่า แค่ช่วงเวลาที่ต้องการ ถึงจะนอนอยู่ก็ต้องลุกขึ้นมาทำงาน” ข้างหลังมีเสียงผู้ชายดังขึ้น
ซังอี๋หันกลับไป เห็นใบหน้าที่แปลกหน้า ในหัวเอาแต่นึกย้อน แต่ก็นึกคนคนนี้ไม่ออก
“คุณหนูซัง สวัสดีครับ ผมชื่ออวี้เฟิง” เขายื่นมือมา “ผู้ช่วยส่วนตัวของบอสชู่ครับ”
ซังอี๋อึ้งเล็กน้อยแล้วจับมือกับเขา “สวัสดีค่ะ คุณอวี้”
“ผมได้รับคำสั่งจากบอส ให้มาดูความคืบหน้าของรายงานที่นี่ แล้ว มาถามไถ่คุณหนูซัง แทนบอสด้วยครับ”
อย่ามองว่าอวี้เฟิงเป็นคนจริงจังเอาการเอางาน แต่ความจริงขี้เล่นมาก แต่ตอนที่ทำงานกลับเด็ดขาด รวดเร็วมากด้วย
นี่เลยเป็นเหตุผลที่ชู่จี้เปลี่ยนผู้ช่วยมาสองร้อยสี่สิบเก้าคน แล้วคนที่สองร้อยห้าสิบเป็นอวี้เฟิง แล้วเป็นมาจนถึงตอนนี้
“ฉันสบายดีค่ะ” ซังอี๋ตอบอย่างมีมารยาท
“บอกให้คุณเริ่มทำงานพรุ่งนี้ งั้นวันนี้ตอนบ่ายคุณมาก่อนแล้วกันครับ ผมจะพาคุณไปเยี่ยมชมบริษัท” อวี้เฟิงพูดอย่างเป็นทางการ ในใจกลับ : ฮ่าฮ่าฮ่า เจอภรรยาบอสสักที สายตาบอสดีจริงๆ ตัวเองต้องช่วยบอสให้ได้
เพราะถึงตอนนี้ บอสไม่เคยมีแฟนเลย อวี้เฟิงกลัวว่าบอสตัวเองจะไม่มีประสบการณ์ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นหนีไป
ใบหน้าที่เย็นชาแบบนั้น ใครเห็นแล้วอยากเข้าใกล้ล่ะ
ซังอี๋ไม่รู้ว่าอวี้เฟิงคิดอะไรอยู่ ไม่งั้นเธอต้องทึ่งแน่ๆ บอสมาดเข้มกับผู้ช่วยทะเล้นแบบนี้ เป็นคู่ที่ดูแปลกมากๆ
การทดลองของตอนบ่ายก็จะเสร็จแล้ว ที่เหลือให้คนอื่นรับมือต่อก็ได้ อวี้เฟิงขับรถมารับซังอี๋ไปส่งที่บริษัท เพราะนี้เป็นอภิสิทธิ์ของภรรยาบอส ต้องแตกต่างจากคนอื่นแน่นอน
“ว้าว รีบดูสิ เด็กฝึกงานใหม่สวยมาก” พนักงานหญิงยืนซุบซิบกัน
สายตาพนักงานชายต่างก็เป็นประกาย แล้วเอาแต่จ้องซังอี๋
“นี่ใครเนี่ย? ทำไมได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ ผู้ช่วยอวี้ต้องเดินนำทางให้”
“ฉันว่า ต้องเป็นผู้หญิงมีแค่หน้าตาแน่ๆ”
คำชม คำว่าร้ายผสมปนกันไป นี่ต้องไม่ใช่วันที่สงบสุขแน่
ซังอี๋ไม่ได้ยินอะไรพวกนี้อยู่แล้ว อวี้เฟิงพาเธอไปที่ห้องทำงานผู้บริหาร “คุณหนูซังครับ งานหลักของคุณคือรอคำสั่งจากผู้บริหารครับ”
ชู่จี้ไม่อยู่ที่ห้องทำงาน ซังอี๋รู้สึกว่าโชคดีปนไปกับผิดหวัง ไม่เจอเขานานขนาดนี้ เลยทำตัวไม่ค่อยถูก
“บอสออกไปดูงาน อาจจะกลับมาประมาณหกโมงเย็นครับ งั้นคุณหนูซังนั่งอ่านหนังสือก่อนไหมครับ?” อวี้เฟิงสังเกตสีหน้าเก่ง ไม่งั้นคงไม่ได้เป็นผู้ช่วยผู้บริหารหรอก
ซังอี๋พยักหน้า “ขอบคุณนะคะ ไว้วันหลังไปทานข้าวด้วยกันนะคะ”