ท่านประธานที่รัก - บทที่ 484 ไม่เคยรู้สึกดีกับเธอ
ซังอี๋ปรับจังหวะหายใจ จากนั้นแค่พูดว่า “งั้นฉันกลับไปรอนายที่ห้อง นายอย่าทำงานนักเกินไปนะ”
เธอสงสัยมากกว่าเดิม เธอมองเห็นความต้องการของเขา แต่สุดท้าย เขากลับเลือกที่จะหยุด
ชู่จี้รีบไปอาบน้ำเย็น ค่อยทำให้ใจเขาสงบลง ควันปลายนิ้วทำให้เกิดแสงสว่างที่ริบหรี่ นี่เลยมำให้เขาดูโดดเดี่ยวกว่าเดิม
“นายไปสืบดูว่าช่วงนี้รีสทำอะไรบ้าง” ชู่จี้ดับบุหรี่แล้วพ่นควันสีเทาออกมา มองเห็นโครงหน้าไม่ชัดเพราะความมืด
อวี้เฟิงได้รับคำสั่ง “ครับ บอส”
ชู่จี้กับรีสทีแรกไม่ได้เป็นเหมือนน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้ ทั้งสองรู้จักกัน
จนกระทั่งชู่จี้รู้ว่าเรื่องของคุณแม่เกี่ยวกับคนตระกูลรีส เขาจึงเริ่มวางแผน แค่ธุรกิจที่เกี่ยวกับตระกูลรีส เขาก็จะแย่งมาให้หมด
ค่ำคืนที่เย็นเหมือนน้ำ
ชู่จี้มองออกไปนอกหน้าต่าง ถ้าซังอี๋เป็นพวกเดียวกับรีสจริงๆ เขาควรจะทำยังไงกับเธอ
เขาไม่เคยหวั่นไหว แต่กลับพลาดเพราะผู้หญิงคนนี้ ทำอะไรก็เริ่มลังเล
ภาพบาดตาเอาแต่ลอยเข้ามาในหัว จนชู่จี้ไม่มีอารมณ์ทำงานต่อ เขากำลังหนี ไม่อยากจะใกล้ชิดกับซังอี๋มากนัก ผู้หญิงคนนั้น จะทำให้ติดเหมือนยาเสพติด
ซังอี๋ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทันใดนั้น เหมือนมีใครมาบีบคอเธอ เธอเลยรีบลุกขึ้นจากเตียง แล้วหายใจเสียงดัง
อีกฝั่งของเตียงเย็นมาก เธอเศร้าเล็กน้อย เธอลงจากเตียงเท้าเปล่า มองลอดผ่านช่องประตูเห็นว่าไฟอีกห้องยังสว่างอยู่
เธอเปิดประตูอย่างระมัดระวัง ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนโซฟา ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าทำให้ซังอี๋เป็นห่วง
เธอเอาผ้าห่มมาห่มให้เขา เธอเบามือมาก พอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็นั่งมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา แล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉันไม่รู้ว่าฉันชอบนายได้ยังไง อยากจะอะไรหลายๆอย่างเพื่อนาย อย่างน้อยถ้าเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ ฉันยอมหมด”
เธอรักผู้ชายคนนี้
มือของเธอประสานกับมือชู่จี้ จากนั้นก็ซบชู่จี้นอนหลับไป
เขาพยายามลืมตาขึ้น สายตากลับเห็นใบหน้าของผู้หญิง ชู่จี้คิดไปมา จากนั้นก็ให้เธอแนบชิดกับเขามากขึ้น
ค่ำคืนที่ฝันหวานผ่านไป
“อรุณสวัสดี” เรือนร่างของชู่จี้อยู่ที่หน้าประตู เห็นรอยยิ้มในแววตาเขา
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ซังอี๋ใจสั่น เธอเห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้อง เลยเข้าใจทันที
“นายอยากกินอะไร?” เธอหลับไปได้ยังไงเนี่ย ปกติเธอต้องเตรียมอาหารเช้าให้ชู่จี้
กลิ่นหอมๆบนตัวผู้ชายลอยเข้าจมูกเธอ ท่าทางที่ใกล้ชิดของทั้งสองทำให้ซังอี๋หน้าแดง
“ฉันเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว ตอนบ่ายฉันอาจจะต้องไปดูงานกับอวี้เฟิง เธออยู่บ้านดีๆนะ” มือของชู่จี้ลูบผมของเธอแล้วยิ้มเอ่ย
ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน แล้วกินอาหารเช้าเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรเลย
“ใช่สิ เธออยากเข้าวงการบันเทิงหรือเปล่า?” ชู่จี้วางตะเกียบแล้วเอ่ยถาม
“แสดงละคร?” ซังอี๋เบิกตากว้าง “แต่ฉันแสดงไม่เป็นสักหน่อย”
“ไม่ต้องรีบ ถ้าเธออยากเข้าวงการ ฉันจะหาครูมาสอนให้เธอ เธอจะเป็นนางเอกภาพยนตร์เรื่องหน้า” เขากำลังหั่นแซนด์วิชบนโต๊ะอย่างเป็นผู้ดี
จากนั้นเขาก็พูดเสริมว่า “เพราะภาพลักษณ์เธอเหมาะสมมาก”
ซังอี๋ดูเป็นผู้หญิงสวยๆหน้าย้อนยุค ปนไปด้วยความเศร้า ความเป็นผู้ดี ความนิ่งเฉย นี่คนทั่วไปลอกเลียนแบบไม่ได้ ถึงจะเป็นดาราดังในตอนนี้ก็เทียบไม่ติด
“แสดงเรื่องเดียวกับนายเหรอ?” ซังอี๋เริ่มคาดหวัง ไม่ได้คาดหวังที่ตัวเองจะได้แสดง แต่อยากจะอยู่หน้าจอเดียวกับชู่จี้ต่างหาก
ชู่จี้บีบแก้มของเธออย่างเอ็นดู “ใช่ เนื้อเรื่องสนุกมาก อีกสองเดือนจะเปิดกล้อง ในสองเดือนนี้ เธอก็เตรียมตัวละกัน ฉันเชื่อว่าเธอฉลาดขนาดนี้ การแสดงก็ต้องเก่งแน่นอน”
เหมือนได้กำลังใจจากชู่จี้ ซังอี๋จึงยิ้มหวาน “งั้นฉันก็ต้องตั้งแต่เรียนสิ ใช่ไหมคะ? คุณสามี”
แววตาของเขาทั้งอ่อนโยนทั้งเย็นชา “อื้อ เธอทำได้แน่นอน”
เธอไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของชู่จี้ ซังอี๋กินมื้อเช้าอย่างอารมณ์ดี จากนั้นจึงไปบริษัทพร้อมชู่จี้
กี่วันนี้ที่หลิงเยว่มา ถึงจะโดนกดขี่กดดัน แต่เธอก็รอดมาได้ แม้แต่อวี้เฟิงก็คิดไม่ถึงว่าทำไมผู้หญิงอดทนเก่งขนาดนี้ ถ้าเธอไม่ใช่ศัตรูของบอส เขาก็คงจะชื่นชมเธอมาก
“ไปจัดเตรียมการประชุม” อวี้เฟิงรู้สึกว่าได้สั่งคุณหนูแบบนี้ สะใจมาก
หลิงเยว่หยิบเอกสารการประชุมออกมาอย่างโมโห ในใจก็เอาแต่ด่าอวี้เฟิง
ตอนออกไป เห็นซังอี๋คล้องแขนชู่จี้เดินมาพอดี
หลิงเยว่เกลียดผู้หญิงคนนั้นมาก รอวันนี้ชู่จี้ไปดูงานที่อื่น เธอต้องสั่งสอนเธอให้หลาบจำแน่ๆ
“บอสชู่” หลิงเยว่เดินไปหาทั้งสองคน
ความเปลี่ยนแปลงของเธอทำให้ชู่จี้ทึ่ง
“เธอมาทำไม?” น้ำเสียงเขาเย็นชา หลิงเยว่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นเลย
“ฉันแค่มาทักทายบอสกับคุณหนูซังค่ะ” หลิงเยว่ก้มหน้า ท่าทางที่น่าสงสัยทำให้ผู้ชายรู้สึกเอ็นดูมาก
แต่ชู่จี้กลับไปแยแสวิธีแบบนี้
“ไปเถอะ” เขาจูงมือซังอี๋ เมินเฉยผู้หญิงคนนี้ เขากับหลิงเยว่ ไม่เคยรู้สึกดีด้วย มีแต่ความรังเกียจ
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องทำงานผู้บริหารพร้อมกัน สายตาขอหลิงเว่มีแต่ความคาดแค้น “สักวัน ฉันต้องสมหวังแน่!”
ซังอี๋ เป็นผู้หญิงมีแค่หน้าตาไร้สมอง เธอหลิงเยว่สิ ที่คู่ควรกับชู่จี้!
ตอนที่รีสเห็นรูปถ่ายช่วงนี้ของซังอี๋ แม้แต่น้ำชาสุดโปรดของเขาก็วางลง “ไม่คิดเลยว่าจะดูสนิทสนมขนาดนี้”
ท่าทางที่ใกล้ชิดของพวกเขารีสรู้สึกแสบตา “ไม่คิดเลยว่ามันจะทนได้ขนาดนี้ หรือว่าเป็นรักแท้?”
เขายิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น
“คุณชายครับ ควรกลับประเทศแล้วครับ เราอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วครับ” พ่อบ้านเอ่ย