ท่านประธานที่รัก - บทที่411 ช่วยคนที่พบ
เฉินเฉียวมองไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นอะไร
เมื่อเธอทนความอยากรู้อยากเห็นในใจไม่ได้และอยากจะออกไปดูใกล้ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากนอกห้อง
คุณหญิงซังขมวดคิ้วพลางพูดว่า: “เฉียวเฉียว จริงๆวันนี้พาคุณมาดื่มชาตอนบ่าย คิดไม่ถึงเลยว่า สภาพแวดล้อมที่นี้จะเปลี่ยนไปมาก”
ได้ยินเสียงความวุ่นวายข้างนอกค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ คุณหญิงซังยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เฉินเฉียวรู้ดีว่าตอนนี้คุณหญิงร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ไม่อยากได้ยินเสียงดังรบกวน
การไม่นั่งในห้องโถงก็เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงเสียงดัง
เฉินเฉียวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกในเวลานี้เธอเปิดประตูและออกไปก็ได้ยินเสียงดุด่าพนักงานเสิร์ฟ
“ ร้านอะไรของแก ให้ชงชาเอง แล้วราคายังจะแพงขนาดนี้อีก แกคิดว่านายกเป็นเจ้าของร้านหรอไง? บอกไว้ก่อนนะ คิดราคาให้ดีนะ ไม่งั้นฉันจะไปแจ้งความ ”
เสียงทุ้มๆฟังดูคุ้นเคย
เฉินเฉียวพบว่าเธอได้พบกับคน ๆ นั้นจริงๆแม้ว่าจะผ่านมาสักพักแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยลืมท่าทางที่เป็นอันตรายและคำพูดของอีกฝ่าย
เดิมทีเฉินเฉียวต้องการแค่ดูเฉยๆ แต่เมื่อพนักงานเสิร์ฟถูกดุจนใบหน้าซีดเซียว เฉินเฉียวก็เดินมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คุณคะ ร้านนี้มีชื่อเสียงมาจากการได้ลงมือชงชาเอง ป้ายกระดาษสีแดงตัวอักษรสีดำเขียนติดไว้อยู่ตรงนี้”
เฉินเฉียวชี้นิ้วออกไปที่ป้ายเตือนที่อยู่ไม่ไกล
ใจของเฉินเฉียวสงบลงหลังจากเห็นหญิงวัยกลางคนที่ดื้อรั้นสงบลงเธอเห็นได้ชัดว่าแม่เลี้ยงของเธอมีเจตนาโกงร้านนี้อย่างชัดเจน
“คุณบอกว่ามันเป็นร้านผิดกฎหมายแต่วัตถุดิบสำหรับชานั้นถูกคัดสรรมาอย่างดีราคาไม่ได้สูงมาก แต่ทุกคนก็ยอมรับได้”
พอพูดจบ คนก็ต่างหันมามองเพราะได้ยินเสียงดังโวยวาย ทุกๆคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย: “คุณคนนี้พูดถูกนะ ร้านเขาเปิดมาสิบกว่าปีแล้ว ถึงแม้จะต้อนรับลูกค้าด้วยวิธีแปลกๆ แต่วัตถุดิบชาก็ดีมากเลยนะ ใบชาของที่นี้ถึงแม้จะไม่ใช่ถูกแต่ก็คุ้มค่า ไม่ได้แพงมากขนาดนั้น ฉันก็มาดื่มที่นี้ทุกวันวันละกา”
เสียงของชายผู้เอ่ยขึ้นเป็นคนแรกผู้หญิงอีกคนที่สวมเสื้อแบรนด์เนมเต็มตัวและแว่นกันแดดก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ร้านนี้มีชื่อเสียงดีมาก เพื่อนฉันแนะนำมา ไม่ผิดหวังเลยนะ”
ผู้หญิงคนนี้ยังสาวและเสียงของเธอก็ชัดเจนกว่า
ในขณะที่ทุกคนพูดถึงโรงน้ำชาลู่ลี่ลี่ก็ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวโดยดวงตาของเธอแอบจ้องไปที่ เฉินเฉียวที่พูดถึงโรงน้ำชาก่อน
เธอโดน “แม่เลี้ยง” จ้อง เฉินเฉียวพูดอย่างสุภาพ: “คุณคะ เรื่องนี้ทุกคนเห็นๆกันอยู่ ร้านนี้ไม่ได้โกงคุณแน่ๆ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองโทรหาตำรวจสิ แต่ฉันเชื่อว่า ถึงแม้ตำรวจจะมาแล้วเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรแน่ๆ ”
ความมั่นใจในตัวเองในคำพูดของเฉินเฉียวทำให้การแสดงออกของลู่ลี่ลี่เปลี่ยนไปหลายครั้งเธอกลัวและพูดว่า: “พวกแกมันหมาหมู่ ฉันไม่กลัวหรอก ฉันจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อพูดอย่างนั้นก็เอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าแล้วโทรหาตำรวจ
เฉินเฉียวขมวดคิ้วและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้น
“ผมได้ยินมาว่าจะมีคนโทรแจ้งตำรวจผมไม่รู้ว่าร้านของผมทำอะไรผิด”
สุภาพบุรุษในชุดเสื้อคลุมสีดำเดินออกมาจากฝูงชน
เฉินเฉียวมองเขาด้วยความประหลาดใจและถามว่า “คุณหลินมาที่นี่ได้ยังไง”
หลินหย่วนฟังคนเรียกนามสกุลเขาหันไปสบตาเขาก็พบว่าเธอเป็นคนรู้จัก เขายิ้มและพูดว่า “บังเอิญจังเลยนะ พี่สะใภ้ ไม่เจอกันนานเลย ”
ลู่ลี่ลี่รู้สึกไม่ปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของร้ายโผล่มาเห็นว่าเขารู้จักกับผู้หญิงคนนี้ เธอเลยตะโกนไปรอบๆ :“ดูสิๆ พวกเขาเป็นญาติกันชัดๆ ไม่น่าละถึงพูดเข้าข้างร้านนี้
ตอนแรกเฉินเฉียวที่มีความสุขกับการได้เจอคนรู้จักของเธอ ลึก ๆใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
เดินออกมาจากห้องหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋า ถามพนักงานข้างๆที่กำลังตะลึง: “คุณค่ะ คุณผู้หญิงข้างคุณๆเมื่อสักครู่สั่งอะไรไปบอกฉันได้ไหมคะ”
แม้ว่าพนักงานเสิร์ฟสาวจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เธอก็รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอกำลังต่อสู้เพื่อร้านที่พวกเธอกำลังทำงานอยู่เธอจึงรีบพูดสิ่งที่ลู่ลี่ลี่สั่ง
“ จริงๆแล้วคุณผู้หญิงคนนั้นสั่งชาปี้หลัวชุน”
เฉินเฉียวรู้ดีว่า “แม่เลี้ยง” สั่งแต่ชาปี้หลัวชุนเท่านั้นเธอเลยไม่ได้แปลกใจ ยังไงซะเธอก็ดูออก ที่”แม่เลี้ยง”ทำแบบนี้เพราะเงินขาดบัญชี
ตอนนี้เธอต้องลำบากมากแน่ ๆ
เฉินเฉียวไม่สามารถรังแกเธอทั้งๆที่ลำบากอย่างนั้นได้ แต่เธอกลับรู้สึกสงสาร
เธอถือบิลและเดินไปหา “แม่เลี้ยง”พูดว่า “คุณผู้หญิงคะไหนๆก็สั่งชาปี้หลัวชุนแล้ว งั้นก็คิดราคาง่ายๆนะคะ ราคาในร้านออนไลน์ 100กรัมประมาณ150ถึง500หยวน ร้านนี้ทุกๆครั้งจัดไว้ให้100กรัมในทุกๆห้อง ฉันคิดว่าในส่วนของคุณคงไม่ขาดนะคะ ”
เมื่อพูดเช่นนั้นเฉินเฉียวจึงถามพนักงานอย่างสุภาพเพื่อแสดงความเป็นธรรม: “ขอโทษนะคะ คุณผู้หญิงคนนั้นนั่งที่ห้องไหนคะ”
บริกรชี้ไปที่ห้องด้านหลังเธอและเฉินเฉียวก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเป็นห้องที่อยู่ข้างๆพวกเธอไม่น่าแปลกใจที่พวกเธอได้ยินตอนที่พวกเขาเถียงกันอย่างใกล้ๆและคิดว่าเป็นตอนเช็คบิลก็เริ่มเถียงกัน .
เฉินเฉียวเดินไปที่ห้อง “แม่เลี้ยง” และหยิบใบชาที่เหลือในถ้วยแก้วออกมา
มีที่วัดมิลลิตรข้างๆที่แก้วใสๆพอดี
ใบชาเต็มแก้วเหลือเพียงครึ่งเดียว
เฉินเฉียวถามพนักงานอีกครั้ง: “ค่าใช้จ่ายของคุณผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่คะ”
พนักงานมองออกว่าคนใจดีตรงหน้าเธอต้องการจะทำอะไร
เธอกล่าวว่า: “ปกติทั้งการาคา 360หยวน แต่เหมือนจะดื่มไปแล้วเกินครึ่งปัดขึ้นเป็น 150หยวนค่ะ”
พูดตามจริง150หยวนสำหรับคนที่ชอบมาดื่มชา ไม่นับว่าแพงมาก
ร้านนี้ไม่ใช่โรงน้ำชาธรรมดาถ้าแค่อยากดื่มชาราคา10กว่าหยวนก็ไม่ควรเข้ามาร้านนี้ตั้งแต่แรก เฉินเฉียวเชื่อว่า คนที่มาร้านนี้ควรจะพร้อมรับกับราคาที่สูงขนาดนี้