ท่านประธานที่รัก - บทที่439 ช็อก
เมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่มีท่าทีที่จะออกไปจากที่นี้เลย
เซินหยูกังวลแต่เขาก็เข้าใจด้วยว่าหากการโน้มน้าวใจของเขาชัดเจนเกินไปก็จะทำให้เกิดความสงสัยจากน้องสาว เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง: “แม่ไม่ได้เจอเป็นนานแล้วนะเมื่อวันก่อนยังโทรมาบ่นกับพี่ว่าคิดถึงอยู่เลย ชิงเอ่อร์ไปอยู่เป็นเพื่อนแม่สักระยะเถอะนะไปช่วยคลายความคิดถึงหน่อย แม่ก็อายุเยอะแล้วสิ่งที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือน้องกับเสี่ยวโหรว
เชินชิงหลบตาและพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ใช่ว่าแม่เอาแต่คิดถึงพี่สาวฉันหรอ? ถ้าฉันไปฉันเกรงว่าแม่จะไม่มีความสุข ”
อาจเป็นเพราะเธออ่อนไหวง่ายตั้งแต่ยังเด็กเธอไม่ค่อยสนิทกับแม่เท่าไหร่ เธอไม่ชอบแม้แต่จะกอดเธอ เมื่อเทียบกับเธอที่อ่อนแอแล้วแม่ของเธอชอบพี่สาวเธอมากกว่า
เซินหยูพูดไม่ออก แม่ของเขาเป็นคนที่เอาใจลูกๆที่เธอชอบและไม่สนใจลูกที่เธอไม่ชอบ ดังนั้นไม่ตอนแรกเขาเลยอยากให้เชิงเอ่อร์ไปอยู่กับเขาสักระยะ
ถ้าขืนยังจะพูดอีกเกรงว่าจะทำให้น้องสาวสงสัยได้ เขานั่งสักพักและบอกเธอว่าที่บ้านยังมีเรื่องต้องจัดการเลยขอกลับก่อน
เชินชิงไม่ได้รั้งเขาไว้ พยักหน้าไปส่งพี่ชายที่ประตู
เซินหยูไม่ได้พาน้องสาวกลับบ้านรู้สึกหดหู่มาก รอให้ลูกน้องเขาไปสืบว่าใครที่เป็นคนทำซู้เหยี้ยน พอเขากลับไปที่โรงพยาบาลก็พบว่ามีคนอยู่ในห้องผู้ป่วยเพิ่มความลำบากให้เขามากขึ้น
“ที่บริษัทไม่มีธุระแล้วเหรอ? ทำไมคุณถึงว่างมาโรงพยาบาล? “เซินหยูหน้าบึ้ง มองดูก็รู้ว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ได้
เชินโหรวไม่คิดว่าจะเจอพี่ชายของเธอที่นี่ เมื่อเห็นท่าทางอารมณ์ไม่ดีของพี่ชายเธอก็ไม่กล้าจะยุ่งด้วย
เธอพึมพำ: “ซู้เหยี้ยนเป็นคนรักของน้องสาวฉัน ฉันเลยอยากมาดูอาการของเขาถ้าเขาไม่ฟื้นขึ้นมาจริงๆ น้องสาวฉันคงเสียใจตายเลย”
เซินหยูเหลือบมองเธอด้วยรอยยิ้มและพูดเยาะเย้ยว่า “แบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นก็หยุดความคิดนั้นไว้”
แววตาของเชินโหรวเต็มไปด้วยความโกรธ ทำไมพี่ชายของเธอถึงเป็นแบบนี้ตลอดอะไรๆก็คิดว่าเธอเห็นแก่ตัว กับน้องสาวไม่เห็นเป็นแบบนี้
ผู้คนมักจะลำเอียง ไม่ว่าเธอจะชอบอะไรถูกใจอะไรก็จะเอาไปให้น้องสาวก่อนเสมอแม้แต่พี่ชายเธอก็เป็น
ยังไงซะก็เป็นน้องแท้ๆ เซินหยูไม่อยากพูดจาอะไรแรงๆเลยเปลี่ยนเป็นไปพูดกับซังหลินจวินที่ทำราวกับว่าไม่มีตัวตนอยู่
“ประธานซัง คุณบอกว่าอยากจะเป็นคนเฝ้า ฉันเลยยกที่ให้แต่ทำไมคุณถึงให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาด้วยล่ะ ถ้าคนที่เข้ามาไม่หวังดีกับซู้เหยี้ยนถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว”
ใบหน้าของซังหลินจวินก็ไม่สู้ดีนัก ตอนแรกที่เขามองเชินโหรวเขานึกว่าเชินชิงพอคิดถึงความสัมพันธ์ของเชินชิงกับซู้เหยี้ยน เขาก็ไม่อยากจะขวาง
แต่พอเข้ามาแล้วปรากฎว่ามองผิด ทรงผมเชินชิงทำไมเป็นอย่างนี้ไปแล้วจากคนที่อ่อนหวานเปลี่ยนเป็นเซ็กซี่
เข้าก้าวไปข้างหน้าทันที ไม่ให้เธอเข้าใกล้ซู้เหยี้ยนตอนที่ทั้งสองกำลังจะทะเลาะกันเซินหยูก็โผล่มา
เรื่องได้พัฒนากลายเป็นฉากปัจจุบัน
เขาไม่อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันได้ เขาชำเลืองมองด้วยสายตาขุ่นเคืองเล็กน้อย เซินโหรวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดว่า: “คุณเชิน ไหนๆก็มาแล้วงั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ สำหรับเรื่องที่ปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามา ฉันเข้าใจผิดจริงๆฉันคิดไม่ถึงว่าเชินโหรวจะมาตอนนี้”
มันแปลกที่เชินโหรวปรากฏตัวที่นี่ซังหลินจวินคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเชินชิง จนหน้าผากเป็นรอยย่น
พี่น้องคู่หนึ่งน้องสาวของคนรักไม่มาแต่ พี่สาวมาเยี่ยมน้องเขยที่ประสบอุบัติเหตุ
ถ้ามีคนมาด้วยก็คงไม่แปลก แต่นี่เธอมาคนเดียว
ผู้หญิงคนหนึ่งมาเยี่ยมผู้ชายในช่วงวิกฤตแบบนี้เพื่อะไร แน่นอนก็เพื่อความรัก
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างซู้เหยี้ยนและเชินโหรว แต่ความจริงที่เชินโหรวชอบซู้เหยี้ยนนั้นไม่อาจหักล้างได้
เรื่องแบบนี้ไม่มีอะไรเกินไปกว่าละครน้ำเน่า โชคดีตอนที่เหยียนเฟิงมามีโทรศัพท์โทรตามเขาไป ไม่อย่างนั้นถ้าเขาจะเจอเหตุการณ์แบบนี้จะยิ่งวุ่นวาย
ซังหลินจวินพูดเพียงเท่านี้ ทุกคนที่น่าจะเข้าใจก็เข้าใจกันหมด
เซินหยูไม่ได้รั้งเขาไว้ อาจจะยังโกรธอยู่ในขณะนี้
หลังจากที่ซังหลินจวินไปแล้ว มองไปที่เชินโหรวซึ่งยังคงยืนอยู่ในห้องผู้ป่วย เขาชี้ไปที่ประตูและพูด: “ออกไปเลย วันหลังอย่าให้เห็นว่ามาเยี่ยมเขาอีก ”
เธอยักไหล่แล้วพูดว่า “พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ครั้งหน้าถ้าชวนฉันก็ไม่มาแล้ว”
หลังจากที่เธอออกจากห้องผู้ป่วยเชินโหรวก็นึกถึงน้องสาวของเธอที่ไม่ได้อยู่กับซู้เหยี้ยนในเวลานี้ เธอเดาว่าพี่ชายเธอต้องกลัวว่าน้องสาวจะเศร้าเลยปิดบังเรื่องทั้งหมดเอาไว้
แต่เรื่องแบบนี้จะปิดบังได้อย่างไร ต้องให้คู่รักได้เจอกันสิถึงจะถูก
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เชินโหรวหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาแล้วโทรหาเชินชิง
โทรศัพท์ดังสามครั้งอีกฝ่ายก็รับสาย
“ฮัลโหลชิงชิง ฉันเอง วันนี้เห็นข่าวในทีวีไหม? เอ่อ ยังไม่ได้ดูเลย ไม่เป็นไรพี่คะ ฉันมีเรื่องนิดหน่อยแค่นี้ก่อนนะคะเดี๋ยวค่อยคุยกัน ”
หลังจากแกล้งทำเป็นปล่อยข่าวเรื่องนี้ สายตาเชินโหรวแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อมองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ของห้องผู้ป่วย เชินโหรวเดินหันหลังจากไปด้วยรองเท้าส้นสูง
เซินหยูยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้ที่เขาเก็บเป็นความลับถูกเชินโหรวเปิดเผย
เพราะเชินชิงชอบวาดรูป ปกติเลยไม่ได้สนใจข่าวอะไรมากนัก เขาไม่เคยคิดเลยว่าน้องสาวเขาจะได้รับข่าวที่ซู้เหยี้ยนเกิดอุบัติเหตุจากทางนั้น
เชินชิงวางสายโทรศัพท์ของพี่เธอลง เธอสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวของเธอ เสียงของพี่สาวเมื่อกี้ดูเหมือนเพิ่งร้องไห้มาและก็มีคำพูดแปลกๆอีก ยิ่งทำให้เธอสงสัย
เชินชิงหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาเปิดทีวีออนไลน์บนมือถือ จากนั้นคลิกที่รายการต่าง ๆ ไม่มีอะไรพิเศษหลังจากเปลี่ยนช่องข่าวแล้วมีชายวัยกลางคนกำลังรายงานข่าวทางทีวี