ท่านประธานที่รัก - บทที่453 คนเคียงหมอน
“เราจะไปที่ไหน?” เฉินเฉียวรู้สึกว่าพวกเขาออกจากบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ถึงที่หมายอีก ถ้าไม่รู้นิสัยของซังหลินจวิน เธออาจจะคิดว่าเขาพาเธอหนีซะอีก
ซังหลินจวินที่ขับรถอยู่มองเธอผ่านกระจก จากนั้นก็ยิ้มอย่างลึกลับ “รอเธอถึงแล้ว เธอก็จะรู้เอง”
เขาไม่ยอมบอก ทำตัวลึกลับแบบนั้น เฉินเฉียวเลยแอบบ่นในใจไม่สนใจเขาอีก
พอรถจอด ถึงสนามบินในเมื่อเป่ยเฉิงแล้ว
วันนี้อากาศเย็นเล็กน้อย มีลมหนาวพัดมา เฉินเฉียวเลยตัวสั่นรู้สึกว่าหนาว
ซังหลินจวินที่จอดรถกลับมาเห็นพอดี พอเงยหน้ามองท้องฟ้า จึงไม่สบอารมณ์มาก
เอาแต่คิดว่าเธอเห็นฉยงฉยงต้องดีใจแน่ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าอากาศจะเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้ ตอนออกมาฟ้ายังไม่มืด เดินข้างนอกก็ไม่รู้สึกหนาว
ตอนนี้กลับมีลมหนาวพัดมาโดนตั้งตัว
เขามองไปรอบๆ เห็นซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ
“เฉียวเฉียว ฉันไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตก่อน จะรีบกลับมา” ซังหลินจวินบอกเธอก่อน เฉินเฉียวพยักหน้าให้แล้วค่อยวิ่งไป
ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขา ถึงจะวิ่งเร็วแบบนั้น แต่ก็น่าหลงใหลอยู่ดี
เธอมองไม่กะพริบไปสักพัก
จากนั้นข้างหลังก็มีเสียงที่เหมือนไม่รู้จัก แต่กลับคุ้นเคยมาก
“เฉียวเฉียว ฉันคิดถึงแกมาก” พอออกมาจากสนามบิน เห็นเฉียวเฉียวที่ยืนอยู่หน้าประตู เจียงฉยงฉยงดีใจจนต้องรีบวิ่งไปหาเธอ
“ฉยงฉยง” เฉินเฉียวกะพริบตา ยังไม่ค่อยได้สติ
จากนั้นทั้งสองคนก็แสบตาแล้วกอดกัน ไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างเลย
รอซังหลินจวินถือชานมอุ่นๆเดินมาหา เลยเห็นเฉียวเฉียวโดนฉยงฉยงกอดไว้แล้ว
ทั้งสองกำลังดีใจ ไม่สนใจคนอื่น มองชานมในมือ ซังหลินจวินเลยรู้สึกว่าเขากับชานมโดนทอดทิ้ง
“ไม่เจอกันนานจริงๆ” เจียงอี้ฟานที่อุ้มเด็กอยู่เดินมา ท่าทางดูแปลกๆ ซังหลินจวินดูแล้วขัดตามาก จากนั้นก็อุ้มอีกคนที่ใส่เสื้อสีฟ้ามาปลอบ
แล้วปากก็ตอบว่า “ก็นานจริง ปีกว่าแล้วมั้ง”
ตอนที่อยู่อิตาลี คนที่มาเป็นลูกน้องของอี้ฟาน ไม่ได้เจอเขาตัวเป็นๆมาเป็นปีแล้ว
“คงไม่มีเวลาไปดื่มกับพวกแก รอจัดการทุกอย่างแล้วค่อยไปกินข้าวด้วยกัน”
ซังหลินจวินพยักหน้า ถือว่าเห็นด้วยกับเขา
รอเฉินเฉียวกับฉยงฉยงที่กอดกันแยกจากกันแล้ว สัมภาระของพวกเขาอยู่หลังรถ เฉินเฉียวกับฉยงฉยงนั่งข้างหลัง เฉินเฉียวอุ้มเด็กไว้หนึ่งคน ส่วนอีกคนเจียงอี้ฟานอุ้มไว้
เฉินเฉียวเลยรู้สึกผิดปกติ ทำไมตอนที่เธออุ้มเด็กมาแล้วจะให้ฉยงฉยง แต่เจียงอี้ฟานห้มาเธอไว้
เธอจึงแอบเหลือบมองฉยงฉยง เลยเห็นว่าแววตาเธอยังเหมือนเดิม แต่แฝงไปด้วยความเศร้าโศก
ในใจเลยมีลางสังหรณ์ไม่ดี
ตอนที่ผู้ชายสองคนข้างหน้ากำลังคุยกัน อยู่ๆเฉินเฉียวก็เอ่ยว่า
“ฉยงฉยง เดี๋ยวแกจะพักที่ไหน ไปพักที่จิ้งหย่วนก่อนไหม จิ้งหย่วนกว้างขนาดนั้น คนอยู่น้อยด้วย ถ้าพวกแกไป ฉันก็จะได้มีเพื่อนด้วย”
เจียงอี้ฟานที่นั่งอยู่ข้างหน้าไม่พูดอะไร แต่เจียงฉยงฉยงแค่พยักน้าให้ “ได้”
เห็นเธอพยักหน้าแล้ว เจียงอี้ฟานเลยไม่ขัด
พอเฉินเฉียวกับฉยงฉยงลงรถแล้ว เลยอุ้มเด็กเดินเข้าไปในจิ้งหย่วน เวลานี้เด็กสองคนไปเรียนแล้ว คุณหญิงซังก็กลับไปอยู่บ้านสักพักแล้ว ในบ้านเลยเหลือแค่ป้ามั่วคนเดียว
“ป้ามั่ว ดูสิคะว่าใครมา” เฉินเฉียวอุ้มเด็กเดินเข้าไปข้างใน เลยพูดกับป้ามั่วที่กำลังเช็ดแจกันอยู่
ทีแรกป้ามั่วยังแปลกใจว่าทำไมคุณหญิงกลับมาเร็วจัง แต่พอเห็นคุณหนูเจียงข้างคุณหญิงที่ไม่เจอกันนาน แล้วยังอุ้มเด็กมาด้วย เลยรีบเช็ดมือตัวเอง “คุณหญิงไปสนามบินเหรอคะ คุณหนูเจียงสวยขึ้นนะคะ”
คนแก่ก็ชอบพูดอะไรแบบนี้แหละ
เจียงฉยงฉยงแค่ยิ้มอ่อนให้
เฉินเฉียวมองไป เลยรู้สึกว่าผิดปกติกว่าเดิม
พอพาตัวไปชั้นบนแล้ว ไปที่ห้องเก่าเธอ จึงลูบหลังเด็กไปด้วยแล้วถามเธอด้วย “ฉยงฉยง แกกับเจี้ยงอี้ฟานอยู่อังกฤษเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
เจียงฉยงฉยงยิ้มอย่างขมขื่น “เฉียวเฉียว แกมองออกสินะ ฉันดูเปลี่ยนไปเยอะเลยใช่ไหม ฉันก็ไม่อยากเป็นแบบนี้ ฉันคิดว่าฉันจะไม่เป็นแบบนี้ เฉียวเฉียว”
เธอพูดอย่างลนลาน สองมือก็จับเล็บ จากนั้นก็เงยหน้าพูดว่า “เฉียวเฉียว ฉันเป็นโรคซึมเศร้า”
พอได้ยินคำนี้ ใจเฉินเฉียวเต้นเป็นเส้นตรงเลย
หลังจากที่ทั้งสองเจอกัน เฉินเฉียวก็รู้สึกได้บ้างแล้ว คนที่ยิ้มแย้มแต่กลับดูนิ่งๆ อยู่ห่างจากลูกที่เคยเฝ้ารอคอย
เรื่องพวกนี้ ได้ยินแล้วก็รู้สึกคุ้นๆ พอมาคิดดีๆ แต่ก่อนเธอก็เป็นเหมือนกัน
โรคซึมเศร้าเป็นอะไรที่เกิดได้ง่ายมากๆ
โดยเฉพาะหลังจากท้องหรือว่าคลอดลูก
เห็นท่าทางฉยงฉยงต่อต้านเด็กแบบนั้น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้าได้ยังไง
แต่ตอนนี้ที่เธอต้องทำไม่ใช่รู้ว่าเธอเป็นได้ยังไง แต่ต้องให้ฉยงฉยงกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เฉินเฉียวอุ้มเด็กแล้วนั่งอยู่ข้างๆเธอ แล้วพูดเสียงอ่อนโยนเหมือนกล่อมเด็ก “ฉยงฉยง ลูกแกน่ารักขนาดนี้ แกไม่ชอบเขา ไม่อยากอุ้มเขาเหรอ?”
ในมือเฉินเฉียวอุ้มเด็กผู้ชายไว้ อาจจะเพราะไม่อยากให้คนอื่นอุ้มลูกสาว เจียงอี้ฟานเลยอุ้มไว้ไม่ปล่อยเลย
“เด็กน่ารัก ไม่ พวกเขาวุ่นวายเกินไป” เจียงฉยงฉยงเถียงที่เฉินเฉียวพูดทันที ดูเหมือนว่าเธอมีความโกรธแค้นกับเด็กมานานแล้ว
เฉินเฉียวรู้สึกว่าฉยงฉยงในตอนนี้ ต้องออกไปหางานทำดีกว่า เหมือนเธอที่เป็นโรคซึมเศร้า พอได้งานทำแล้ว โรคซึมเศร้านี้ก็ค่อยๆหายไป
ว่าไปแล้ว อาจจะเพราะว่างเกินไป
พอนึกถึงบริษัทที่ไม่มีคนดูแลของพวกเธอ เฉินเฉียวเลยถอนหายใจ มองฉยงฉยงแล้วเอ่ยว่า “ฉยงฉยง แกจะกลับมาดูแลบริษัทไหม ฉันไม่ได้ไปดูแลนานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้บริษัทเป็นยังไง”
อาจจะเพราะพูดถึงบริษัท ตาของเจียงฉยงฉยงเลยเริ่มมีแสงสว่าง