ท่านประธานที่รัก - บทที่462 ค่ำคืนที่งดงาม
ค่ำคืนยังอีกยาวไกล…
ซังอี๋ลุกขึ้นนั่งด้วยอาการปวดหัวปวดจนหัวจะระเบิดและรอยจูบอันน่าตกใจขนาดใหญ่บนผิวสีขาวๆของเธอ ทำให้เธอตกใจ
เกิดอะไรขึ้น
แต่ไม่ว่าซังอี๋จะนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เธอจำได้แค่ผู้ชายคนนั้นวางฝ่ามือที่หน้าผากหลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย
เสื้อผ้าของเธฮกระจัดกระจายอยู่บนพื้นดูเหมือนจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อวานมันบ้าคลั่งแค่ไหน
เธอเสียตัวแล้วและยังเป็นชายแปลกหน้าอีก
เธอเธอพยายามตั้งสติว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
จะบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้ไม่ได้ พวกเขาจะกังวลใจ ถึงแม้จับผู้ชายคนนั้นได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ?
ประตูถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน ท่าทางเศร้าสลดของผู้หญิงคนนั้นชู่จี้เห็นก็เจ็บหัวใจ
ราวกับกระต่ายที่หวาดกลัวซังอี๋คลุมผ้าห่มบนตัวเธอทันที ปากสั่นเป็นเวลานานก่อนจะถามว่า: ฉันกับคุณ…มีอะไรกัน?
พูดเสร็จก็หน้าแดงทันที
อื้อ ผมจะรับผิดชอบคุณเอง ชู่จี้คิดไม่ถึงว่าซังอี้ยังบริสุทธิ์อยู่ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งขว้างเธอไปยิ่งกว่านั้นเขากับเธอยังมาพบกันโดยบังเอิญ
เมื่อพูดถึงการรับผิดชอบ ซังอี๋หน้าแข็งค้างเธอไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาให้คำมั่นสัญญา เธอไม่ได้อยากก้าวเข้าสู่ชีวิตแต่งงานเร็วขนาดนั้น
ชู่จี้จ้องไปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเมื่อเห็นว่าเธอไม่เต็มใจนัก ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่คาดคิด เพราะอะไรกัน? เป็นเพราะฉันไม่ดีพอเหรอ?
ไม่ใช่แน่ๆ ซังอี๋คิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดอะไร
แม้ว่าผู้ชายต้องหน้าตาดูดี รูปร่างดีแต่ก็เป็นเพราะว่าของพวกนี้ของเขาดีเกินไปดีจนทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย ไม่แน่นอน
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ซังอี๋ก็คิดคำที่ดีสำหรับสองฝ่าย ฉันคิดว่า…ถ้าคุณอยากจะรับผิดชอบ งั้นพวกเราลองมาคบกันดูก่อน
ชู่จี้เลิกคิ้วอีกครั้ง และมองผู้หญิงคนนี้ต่างไปจากเดิมความคิดนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ลองดูก็ได้
ตอนนี้ถึงตาซังอี๋ที่จะสะดุ้ง เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะตอบตกลงกับเธอ?
เมื่อวานฉันช่วยเขา ตอนกลางคืนเขาช่วยฉัน นี้เป็นพรหรมลิขิตหรือว่า…
กำลังคิดอยู่เพลินๆ ไม่รู้ตัวว่าชู่จี้ได้เข้ามาใกล้เธอแล้วกำลังจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเขา
ไม่นานจนกระทั่งมีสัมผัสที่อบอุ่นและคุ้นเคยบนริมฝีปากของเธอ ซังอี๋ได้สติสีหน้าที่งุนงงยิ่งกระตุ้นให้ผู้ชายคนนั้นมีอารมณ์ความต้องการมากขึ้น เขากอดหลังเธอแน่นจูบแรงขึ้น ก่อนจะปล่อยซังอี๋ จูบตอนเช้าๆรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง
หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นและซังอี๋จ้องไปที่ชายผู้หล่อเหลาไร้ที่ติที่อยู่ตรงหน้าราวกับว่าเขาได้ตกหลุมรักเขาไปแล้ว
นัยน์ตาคู่นั่นมีความอบอุ่นที่อ่อนโยนที่สุด แต่ช่างลึกลับและน่าหลงใหล
ตื่นมากินข้าวเช้า ชู่จี้ลูบหัวของเธอเบา ๆ และพูดอย่างงัวเงีย
ห้องก็เงียบอีกครั้ง
ซังอี๋ลากร่างกายที่อ่อนล้าของเธอลุกขึ้นและไปหาเสื้อผ้าในตู้ ถึงแม้ว่าขนาดจะไม่พอดี แต่ก็ใส่ๆไปก่อน
ทันทีที่เธอผลักประตูออกไปก็สบกับดวงตาที่ยิ้มแย้มของชายคนนั้น
สุดยอด ชายคนนั้นแสดงความเห็นและกอดเอวซังอี๋ คุณอยากกินอะไร เดี๋ยวจะให้ป้าหลิวเตรียมของเบาๆให้ดูว่าคุณชอบหรือเปล่า
เมื่อถูกผู้ชายบังคับให้นั่งบนเก้าอี้ เดิมทีเธอไม่ได้หิวแต่พอเห็นอาหารพวกนั้นท้องก็ร้อง
ไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้มานานแล้ว
เพราะเธอยังเรียนอยู่ปีสุดท้ายจึงเช่าบ้านใกล้มหาวิทยาลัยปกติจะกลับไปหาพ่อและแม่ในวันหยุดเท่านั้น
ความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่นั้นรักกันดีมาก ซังอี๋ถอนหายใจถ้าเธอหาผู้ชายที่เหมือนกับพ่อเธอได้ก็คงจะดี
ทันทีที่คิดเรื่องนี้สายตาก็จ้องที่ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าดีพอๆกับพ่อของเธอไม่ใช่หรือ?
ชู่จี้เคี้ยวขนมปังช้าๆ และสังเกตเห็นการจ้องมองของซังอี๋ เขาเงยหน้าขึ้นและทั้งสองก็มองหน้ากัน มีอะไรหรือเปล่า? อาหารไม่อร่อยเหรอ? ให้ผมสั่งให้ทำใหม่อีกชุดไหม?
ซังอี๋ส่ายหัว เปล่า มันอร่อยมากอร่อยจนทำให้ฉันคิดถึงบ้าน
ปีสุดท้ายยุ่งมากถ้าไม่ใช่ช่วงเวลาสำคัญของรายงานซังอี๋ก็อยากจะกลับบ้านและให้แม่ทำอาหารมื้อใหญ่ให้เธอ
ถ้าชอบก็มากินได้ตลอดเวลา
ประโยคนี้ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน
แต่ซังอี๋ยังคงขอบคุณเขาสำหรับความใจดีของเขา อย่างไรก็ตามเขามีจิตใจดีขนาดนี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว
คุณชายชู่ คุณเหมิ่งมาแล้ว ป้าหลิวพูดเบาๆ
อืม ชู่จี้ไม่ได้พูดอะไรมากแต่ยังคงกินอาหารในจานต่อไปเงยหน้าขึ้นมองซังอี๋เป็นครั้งคราว
ซังอี๋ใช่ไหม? เขาทำลายความเงียบของโต๊ะอาหาร
เธอพยักหน้าสงสัยว่าเขารู้ชื่อเธอได้ยังไง? เธอหลุดพูดออกมาหรือว่าเขาสืบเรื่องเธอ?
ชู่จี้ยิ้มไม่พูดอะไร
กินข้าวเสร็จผมจะส่งคุณไปมหาลัย ส่วนเพื่อนของคุณผมส่งคนไปดูแลแล้ว ผมเชื่อว่าเธอกลับไปมหาลัยแล้ว
ขอบคุณ เธอเชื่อว่าเขาเป็นคนดีและแน่นอนว่าเธอสามารถวางใจได้ทุกอย่างที่เขาทำ
ลาก่อนค่ะ ซังอี๋ลงจากรถและโบกมือให้ชู่จี้
ว้าว อี๋เพื่อนรัก นี่ใครเหรอ? รวยจังเลยนะ นึกไม่ถึงว่าจะขับแลมโบกินี่! แถมยังเป็นรุ่นลิมิเต็ดด้วย หลี่เจียซินกอดคอของซังอี๋และถามด้วยความสงสัย
ฉัน…ฉันไม่รู้ ซังอี๋ไม่รู้จริงๆเธอไม่เคยถามชื่อเขาเลย ผู้ชายคนนั้นน่าจะนามสกุลชู่ล่ะมั้ง
หน้าตาเป็นยังไง? คงจะไม่ได้อ้วนเตี้ยใช่ไหม บอกไว้ก่อนนะอย่าไปโดนไอ้คนรวยพวกนั้นหลอกนะ หลี่เจียซินกล่าวอย่างกังวล
ซังอี๋ไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ เธอรีบตอบ:ขอบใจ ฉันรู้แล้วคุณหลี่จอมจุ้น พวกเราควรจะรีบไปเข้าเรียนได้แล้ว”
“เออ ใช่”หลี่เจียซินหายจากความโศกเศร้าเมื่อวานนี้แล้ว และจูงซังอี๋ไปเรียน
ชู่จี้ตั้งภาพที่หลับใหลของหญิงสาวเป็นหน้าจอโทรศัพท์ ลูบนิ้วเป็นเวลานานแล้วหัวเราะเบาๆ “ซังอี๋ น่าสนใจจริงๆ”
สายตานั้นเผยให้เห็นความรู้สึกที่สนใจจริงๆ
มุมปากรอยยิ้มค่อยๆกว้างขึ้น
“ซังอี๋” อาจารย์ที่อยู่ด้านหน้าเช็คชื่อ
“มาค่ะ”ซังอี๋ยืนขึ้น
“มาที่ห้องทำงานของฉันหลังเลิกเรียน”
ซังอี๋ฟุ้งซ่านบ่อยครั้งระหว่างเรียนและใช่แล้วเธออดคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้
“เธอเป็นอะไรไป”พอเลิกเรียน หลี่เจียซินก็ดึงแขนซังอี๋ “ตั้งแต่เรียนมา เป็นครั้งแรกที่เธอฟุ้งซ่านนะ”
เธอพยักหน้า “อาจจะเพราะเมื่อคืนฉันอาจจะไม่ได้พักผ่อน”