ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1009 ถอยไปในทันที
หม้อเทพไท่อีนั้นมีชื่อเสียจนมีผู้คนมากมายอยากที่จะได้มัน แต่มันกลับถูกมู่เฉียนซีโยนทิ้งไป ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงทำหนังหน้าหนาแล้วพุ่งไปทางมู่เฉียนซีอยู่ดี
ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจ พลังความสามารถของเด็กสาวผู้นั้นก็มิได้แข็งแกร่ง เหตุใดหม้อเทพไท่อีถึงยอมรับนางเป็นแม่นมั่นกันเล่า!
คนกลุ่มนี้ล้วนแต่มีความสามารถที่ไม่เลวในการทำเรื่องที่ยากเย็นให้สำเร็จได้อย่างชัดเจน
“ที่ตัวนางจะต้องมีสิ่งของที่ดึงดูดหม้อเทพไท่อีอย่างแน่นอน”
“เมื่อครู่นี้หม้อเทพไท่อีร้องตะโกนออกมาว่ามู่มู่ คงมิใช่หมายถึงหม้อเทพนิรันดร์ชิ้นที่แปด หม้อเทพปาฮวางชิงมู่หรอกกระมัง!”
“ตามไป!”
เมื่อได้ยินเสียงคนพวกนั้นกล่าวถกเถียงกัน มู่เฉียนซีก็แทบอดไม่ได้ที่จะบีบหม้อเทพไท่อีนี้ให้แหลก
“นายท่านเบาๆ หน่อย เจ็บ!” หม้อเทพไท่อีร้องออกมาอย่างน่าสงสาร มู่เฉียนซีอยากที่จะเผามันทิ้งเสียจริง ๆ
แต่ทว่าในตอนนี้การหนีเอาชีวิตรอดนั้นสำคัญยิ่งกว่า
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เมื่อต้องเผชิญกับพวกที่ไล่ตามมาอย่างไม่ลดละพวกนั้น มู่เฉียนซีจึงได้นำเอาพิษทั้งหมดที่นางปรุงในคลังสมบัติของตระกูลเย่ออกมา
แต่ไม่ว่าจะมีพิษมากมายเพียงใดก็ไม่อาจที่จะหยุดยั้งหัวใจที่คิดจะแย่งชิงของล้ำค่านั้นไปได้
“ทักษะโยวหลัว!”
“เงาจันทราคู่!”
“……”
ตูม!
ทั้งหนีและทั้งต่อสู้ไปด้วย มันช่างระทึกขวัญยิ่งนัก
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะออกไปจากเทือกเขาหนานอวิ๋น พวกเขาก็ได้ตกอยู่ในวงล้อมอีกครั้งหนึ่ง
ลมพายุอันน่ากลัวได้พัดผ่านเข้ามา “สาวน้อย ส่งหม้อเทพไท่อีมา ส่วนสิ่งของอื่น ๆ นั้นข้าก็จะเอามันด้วย”
เมื่อไม่สามารถที่จะหลบหลีกได้อีกแล้ว ในตอนนี้เองโล่สีเขียวอันหนึ่งก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นใหญ่ขึ้นและป้องกันขัดขวางที่ด้านหน้าของพวกเขาเอาไว้
บุรุษในชุดสีแดงดังเพลิงได้พุ่งออกไปแล้วกล่าวออกมาว่า “รีบไป!”
บึ้ม! อาวุธวิญญาณนั้นมิเพียงแต่ป้องกันการโจมตีนั้นต่อมู่เฉียนซี อีกทั้งยังขยายใหญ่อย่างไม่หยุดยั้งและปิดกันเส้นทางของพวกที่ตามล่ามานั้นอีกด้วย
“นี่…นี่เป็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์!”
“เด็กนั่นเป็นใครกัน? ถึงได้มีอาวุธวิญญาณเช่นนี้”
“……”
เมื่อได้เห็นโล่นั้นคนอื่น ๆ ก็ล้วนแต่ตะลึงงัน
มู่เฉียนซีได้ทิ้งระยะห่างกับคนพวกนั้นไประยะหนึ่ง มู่เฉียนซีกล่าว “เซียวโม่ เจ้ามาได้อย่างไร?”
เซียวโม่ยิ้มแล้วกล่าว “เรื่องที่น่าตื่นเต้นดั่งการที่ถูกยอดฝีมือของกองกำลังใหญ่แต่ละที่แห่งโลกทั้งสี่ทิศไล่ตามฆ่านั้นจะขาดข้าไปได้อย่างไรเล่า? เจ้านี่น่าเบื่อเกินไปแล้วกระมัง!”
“เย่เฉินกล่าวทวน “น่าเบื่อไป? ตอนนี้เจ้ากำลังรนหาที่ตายชัด ๆ”
“วางใจเถอะ! ข้านั้นดวงแข็งเป็นอย่างมาก ข้าจะไม่ตายอย่างง่ายดายเช่นนั้นแน่นอน”
นายน้อยเซียวได้นำอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ออกมาและยื้อเวลาให้พวกเขาไปไม่น้อย อีกทั้งตลอดทางมานี้มู่เฉียนซียังได้ซุ่มกับดักเอาไว้อีกไม่น้อย พอเห็นว่าใกล้ที่จะออกจากเทือกเขาหนานอวิ๋นแล้ว ก็สามารถหนีออกไปได้อย่างสบาย ๆ แล้ว
แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าทางด้านหน้านั้นจะมีเงาร่างอยู่จำนวนหนึ่งพุ่งผ่านไป พลังความสามารถนั้นล้วนแต่เป็นระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อมองไปยังผู้ที่สวมชุดคลุมนั้นสีหน้าของนายน้อยเซียวก็ยิ่งแย่ลงไปอีก
เขาพึมพำขึ้น “คงไม่บังเอิญขนาดนั้นกระมัง!”
ผู้มาเยือนเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของคนทางนี้ อีกทั้งไม่สามารถที่จะเก็บซ่อนกลิ่นของหม้อเทพไท่อีได้ทัน
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! พวกเขาได้ขวางกั้นทางของมู่เฉียนซีเอาไว้ เมื่อมองเห็นมู่เฉียนซีพวกเขาก็ได้ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “ที่แท้ก็เป็นแม่นางมู่นี่เอง! แม่นางมู่เป็นมิตรสหายกับนายน้อยของพวกเรา นายน้อยของพวกเราอยากเชิญแม่นางมู่ไปเป็นแขกที่ตำหนักตงจี๋ แม่นางมู่จงไปกับพวกเราสักครั้งนึงเถิด!”
คนกลุ่มแรกของตำหนักตงจี๋ได้กลับไปพร้อมกับความตาย มีเพียงแต่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวเท่านั้นที่หนีไปได้ นึกไม่ถึงเลยว่าคนกลุ่มที่สองจะตามมาติดๆ
มู่เฉียนซีกล่าว “หากจะเชิญไปเป็นแขก ถึงแม้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะไม่ได้มาด้วยตัวเองแต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นซวนอีที่เป็นผู้มาเชิญกระมัง! พวกหมูสุนัขแมวเช่นพวกเจ้ามาเชิญ ข้าไม่ไปหรอก”
“ช่างว่ากล่าวใหญ่โตเสียจริง!”
“ไม่ต้องไร้สาระกับนางแล้ว จับตัวนางเสีย”
“……”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนของตำหนักตงจี๋ก็ยากอย่างมากที่จะรับมือได้แล้ว นึกไม่ถึงว่าด้านหลังนั้นจะยังมีคนอีกกลุ่มตามมาอีก
ข้างหน้ามีหมาป่าด้านหลังมีพยัคฆ์ ตอนนี้ถึงต่อให้เหินฟ้าดำดินได้ก็หนีไม่รอดเสียแล้ว
ในตอนที่อยู่เมืองเฮยตูนั้น เพื่อที่จะทำลายกระจกแห่งมิติจึงทำให้อาถิงยังหลับใหลไม่ตื่นขึ้นมา จึงไม่สามารถที่จะใช้ความสามารถในการหยุดเวลาได้!
“คนของตำหนักตงจี๋!” คนที่ตามมาเหล่านั้นก็สังเกตเห็นผู้แข็งแกร่งเหล่านี้เข้าแล้ว
คนของตำหนักตงจี๋กล่าวขึ้น “พวกเราต้องการแค่ตัวแม่นางมู่ หม้อเทพไท่อีนั้นสามารถให้พวกเจ้าไปได้ เช่นนั้นแล้วร่วมมือกับพวกเราเสียเป็นเช่นไร?”
เซียวโม่ถอนหายใจแล้วกล่าว “สวรรค์จะดับสิ้นข้าแล้วจริง ๆ! ครานี้แย่แน่!”
“ใครมอบความกล้านั้นให้แก่พวกเจ้า!”
เสียงที่เย็นชาและเยือกเย็นนี้ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน ทันทีที่ลำแสงสีฟ้าได้สาดออกมา บุรุษชุดดำก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีมองไปยังเงาร่างที่สูงเพรียวนั้นด้วยความตะลึงงัน จิ่วเยี่ยมาแล้ว!
พลังอันไร้รูปร่างได้ปกคลุมไปทั่วทั้งเทือกเขาหนานอวิ๋นทำให้คนเหล่านั้นอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ถอย! ถอยออกไปอีก!
คนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋มองบุรุษชุดคลุมสีดำที่ใส่หน้ากากตรงเบื้องหน้าของพวกเขา เขาทั้งลึกลับและแข็งแกร่ง
พวกเขากล่าวขึ้น “ท่านเป็นผู้ใดกัน? พวกเราแค่อยากจะเชิญแม่นางมู่ไปตำหนักตงจี๋เท่านั้น และมิได้จะทำร้ายแม่นางมู่ ของให้ท่านจงอย่าทำให้พวกเราลำบากเลย!”
“ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบาก แต่จะส่งพวกเจ้าลงนรก”
ดวงตาสีฟ้านั้นเย็นยะเยือกราวกับมิใช่มนุษย์
พลังแปลกประหลาดที่ดำมืดถาโถมเข้าใส่พวกเขา
พวกเขามองไม่ออกเลยว่าเงาร่างสีดำนั้นปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาเมื่อไร มีดที่คมกริบได้พุ่งผ่านด้านหน้าพวกเขาไป มันไร้ซึ่งโลหิตที่สาดออกมา…
แต่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากมันนั้นได้มอดไหม้ไปพลันและไม่เหลือแม้แต่ซากศพ
ด้วยการห้ามปรามเอาไว้ของโลกทั้งสี่ทิศ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นได้เพียงมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เก้าเท่านั้น แต่เขาสามารถที่จะพิฆาตฆ่าคนระดับเดียวกันไปได้อย่างสบาย ๆ
เหล่ากลุ่มกองกำลังสำนักนิกายระดับสองและสองครึ่งเหล่านั้นหวาดกลัวเข้าเสียแล้วและได้ถอยหลังออกไปอย่างรีบเร่ง
บุรุษที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารราวกับเทพมารผู้นี้ ดูเป็นเหมือนดั่งผู้แข็งแกร่งที่ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์แม้แต่น้อย พวกเขานั้นไม่สามารถที่จะไปล่วงเกินได้
ดวงตาสีฟ้าที่ไร้ความปราณีคู่นั้นได้มองกวาดผ่านคนเหล่านั้นไปแล้วกล่าวขึ้น “พวกเจ้ากล้าที่จะแย่งชิงสิ่งของจากผู้หญิงของข้าหรือ?”
พวกเขาส่ายหน้าอย่างรีบร้อนแล้วกล่าว “หม้อเทพไท่อีนั้นคอยตามติดแม่นางผู้นี้มาโดยตลอด มันจะต้องยอมรับแม่นางผู้นี้เป็นนายแล้วแน่ พวกเราจะไม่แย่งชิงของรักของหวงของผู้อื่น”
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถที่จะพบเจอได้แต่ไม่สามารถที่จะให้ได้มาซึ่งมันได้ พวกเราได้แย่งชิงมานานเช่นนี้แล้วแต่หม้อเทพไท่อีกลับมิได้ยอมรับพวกเรา พวกเราเองก็จะไม่ฝืนเพื่อให้ได้มา”
“เมื่อครู่ข้าล่วงเกินท่านไปมาก ดังนั้นท่านและแม่นางอย่าได้ถือสาเลย! พวกเรา…”
“ไสหัวไป!” จิ่วเยี่ยกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
คนเหล่านี้ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อประหนึ่งเสมือนวิหคกลัวคันศร จึงได้หนีไปด้วยความเร็วดั่งหมายใจจะไปมุดครรภ์เกิดใหม่
“นี่ก็แข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง!” เซียวโม่พึมพำ
ด้วยพลังของเขาเพียงตัวคนเดียว มิเพียงแต่ได้จัดการยอดฝีมือเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋ไปในชั่วพริบตา อีกทั้งยังทำให้ยอดฝีมือของกลุ่มกองกำลังอื่น ๆ หวาดกลัวจนหนีหายไปด้วย
ดวงตาของกู้ไป๋อีหม่นหมองลง เขามองไปยังบุรุษผู้อันตรายสุดขีดที่เต็มไปด้วยพลังอันชั่วร้ายนั้น
ในตอนนี้เขานั้นอยากที่จะฟื้นฟูพลังความสามารถขึ้นมาเป็นพิเศษ อีกทั้งยังอยากที่จะแข็งแกร่งมากขึ้นไปกว่าเดิม
จิ่วเยี่ยเดินไปที่ข้างกายของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้น “ซี ในครั้งนี้ข้าคาดการณ์พลาดไปแล้ว”
เขามิได้เข้ามาช่วยโดยบังเอิญ แต่เขาได้ยินข่าวจากจื่อโยวก็เลยรีบมาในทันที
เขาเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าในโลกทั้งสี่ทิศเล็ก ๆ แห่งนี้จะมีผู้ที่คุ้นเคยกับเขาอยู่ อีกทั้งยังเป็นศัตรูตั้งแต่เมื่อกาลก่อน
จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นอีกประโยค!
“หมิงจี ข้าจะจัดการกับเจ้าให้เร็วที่สุด!”
.