ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1023 ทำให้เขาทึ่ง
ผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า อย่างน้อยก็ต้องเป็นกองกำลังระดับสองครึ่งถึงจะมีผู้แข็งแกร่งขั้นนี้
ทั่วทั้งทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่แห่งนี้ไม่มีกองกำลังใดที่เป็นกองกำลังระดับสองครึ่งเลย
อีกอย่าง ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ก็คงจะไม่เห็นแผ่นดินทุ่งรกร้างนี้อยู่ในสายตา
ทว่า ในตอนนี้กลับมียอดฝีมือเช่นนี้ปรากฏขึ้นแล้ว และเมื่อปรากฏขึ้นก็ปรากฏถึงสองคน!
“นายท่าน!”
“ท่านผู้นำตระกูล!”
อู๋ตี้กับเสี่ยวหง อีกทั้งมู่อีและพวก เมื่อเห็นแสงสีฟ้าเปล่งประกายห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้เช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนไป
มู่เฉียนซีที่ถูกห่อหุ้มร่างด้วยแสงสีฟ้าในตอนนี้ปลอดภัยทุกประการ นางมองไปที่ชายชราชุดเทาที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นตรงหน้าผู้นี้
เจ้าสำนักขวางโซ่วหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดนายท่านก็ปรากฏตัวออกมาช่วยเขาแล้ว
เผชิญหน้ากับยอดฝีมือเช่นนี้ มู่เฉียนซีจึงรีบตัดสินใจกลืนเม็ดยาโชคลาภตี้หลินลงไปทันทีเพื่อให้พลังวิญญาณของตนเองถึงขั้นมหาจักรพรรดิ
ที่แท้สาเหตุที่เจ้าสำนักขวางโซ่วหนีไปในคราก่อน ก็เป็นเพราะรู้ถึงความแข็งแกร่งของกู้ไป๋อีนี่เอง และครานี้เขาก็ได้หาคนมาช่วยแล้ว
ดวงตาที่ขุ่นมัวของชายชราชุดเทาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “นึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยเช่นเจ้าจะมีอาวุธวิญญาณเป็นเกราะป้องกันด้วย ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ ผู้ที่มอบอาวุธวิญญาณนี้ให้กับเจ้า ก็คงจะเป็นท่านผู้นั้นกระมัง!”
“รอให้ข้าจัดการกับเจ้าเสียก่อน แล้วข้าค่อยร่วมมือกับพี่ใหญ่จัดการกับท่านผู้นั้น” ชายชราชุดเทากล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด
ถึงแม้พลังความแข็งแกร่งของท่านผู้นั้นจะตกลงมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะดูถูกความแข็งแกร่งนั้นแม้แต่น้อย
แต่หากพวกเขาร่วมมือกันก็สามารถรับมือกับท่านผู้นั้นได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะเรียกว่าสำเร็จงานใหญ่เลยก็ว่าได้!
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเจ้าต้องการคนร่วมมือเพื่อที่จะรับมือกับเสี่ยวไป๋ ก็ต้องผ่านด่านนี้ของข้าซะไปก่อน มิเช่นนั้น เจ้าก็ฝันไปเถอะ!”
“เสี่ยวไป๋!” เมื่อได้ยินคำเรียกสองคำนี้เข้า ใบหน้าของชายชราที่เหี่ยวย่นนี้ก็แข็งทื่อไปทันที
“สาวน้อยช่างมีความกล้ามากจริง ๆ! นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเรียกขานท่านผู้นั้นเช่นนี้ ดูท่า เจ้าคงจะเป็นคนพิเศษสำหรับเขามากน่ะสิ!”
ชายชราผู้นี้ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พลางพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
เขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่สาวน้อยผู้นี้กินยาวิญญาณเข้าไป พลังก็พลันเปลี่ยนถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งแล้ว ทว่า ตัวเขานั้นกลับเป็นถึงมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า
จัดการกับสาวน้อยเพียงคนเดียว มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายเพียงแค่ปลายเล็บเท่านั้น
เว้นเสียจากว่าอาวุธวิญญาณที่เป็นเกราะป้องกันชิ้นนั้นจะสามารถปกป้องนางได้ตลอดทุกครั้งไป
ทว่า ไม่มีอาวุธวิญญาณเกราะป้องกันใดที่จะสามารถปกป้องไปได้ตลอดทุกครั้งหรอก
เมื่อเผชิญหน้ากับเงื้อมมืออำมหิตเหี่ยวย่นที่พุ่งมาเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็เคลื่อนไหวหลบหลีกอย่างรวดเร็วดุจดั่งสายลมทันที
ตาเฒ่าผู้นี้คิดจะทำสำเร็จในครั้งนี้ มันไม่ได้ง่ายเหมือนครั้งที่แล้วหรอกนะ
ปัง! การโจมตีของชายชราชุดเทาล้มเหลวลง
สีหน้าของเขาแข็งทื่อขึ้น “สาวน้อย ทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้าไม่เลวเลย! แต่อาศัยเพียงแค่ทักษะการเคลื่อนไหวที่เก่งกาจ มันยังไม่พอหรอกนะ อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็ต้องตายอยู่ดี!”
พลังธาตุวารีที่มู่เฉียนซีคุ้นเคยก็เริ่มปิดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัวนาง
“น้ำแข็งคุมขัง!”
มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา “ผนึกมังกรวารี!”
ปัง ปัง ปัง!
มังกรวารีพุ่งทะยานออกไป แต่ก็ทำได้เพียงแค่ให้เกิดรอยแตกร้าวบริเวณรอบกำแพงน้ำแข็งเท่านั้น
ชายชราชุดเทากล่าวว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารีด้วย”
เขากล่าวต่อว่า “อายุยังน้อย แต่ฝึกบำเพ็ญเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารีขั้นมหาจักรพรรดิระดับหนึ่งได้ เมื่อเทียบกับพรสวรรค์ของท่านผู้นั้นแล้ว นับว่าเจ้าเหนือกว่ามาก”
“หากเจ้าไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อกับท่านผู้นั้น ข้าก็คงจะรับเจ้าเป็นศิษย์ของข้าแล้วล่ะ แต่ช่างน่าเสียดาย…”
น่าเสียดายที่อัจฉริยะเช่นนี้ได้ถูกกำหนดให้ต้องดับสูญไป
ไม่น่ามีความสัมพันธ์กับท่านผู้นั้นเลย ในตอนนี้พลังความแข็งแกร่งของท่านผู้นั้นได้ถดถอยลง และเขาก็ไม่สามารถปกป้องสาวน้อยผู้นี้ได้
พลังวิญญาณได้โคจรขึ้น และชายชราก็ลงมือกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง
“คลื่นวารีสังหาร!”
มู่เฉียนซีรู้สึกเหมือนกับว่าในอากาศมีคลื่นน้ำอยู่ คลื่นน้ำนี้ก็ยิ่งเชี่ยวขึ้นเรื่อย ๆ และโจมตีมาที่นางราวกับคมมีดก็มิปาน
มู่เฉียนซีรีบหลบหลีก การตอบสนองต่อพลังธาตุวารีของนางนั้นว่องไวมาก อาศัยความรวดเร็วของย่างเท้าเงาเทวาก็สามารถหลบหลีกการโจมตีของชายชราผู้นี้ได้
ชายชรายิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้น “การตอบสนองต่อพลังธาตุวารีว่องไวถึงเพียงนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
หากความรู้สึกในการรับรู้พลังธาตุวารีของนางผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อยแล้วละก็ การโจมตีของเขาในเมื่อครู่นั้นสามารถคร่าชีวิตนางได้เลย ต่อให้ทักษะการเคลื่อนไหวของนางจะรวดเร็วเพียงใดก็ตาม
ทว่า นางหลบหลีกได้แล้วทุกการโจมตี!
มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “มังกรวารีพิฆาต!”
บรรยากาศบริเวณรอบ ๆ เย็นลง และมังกรวารีตัวนั้นก็พุ่งไปที่หน้าอกของชายชราชุดเทาผู้นั้น
ชายชราชุดเทาเคลื่อนไหวออกไป หลบหลีกการโจมตีนี้ของมู่เฉียนซีได้
จากนั้นเขาก็ลงมืออีกครั้ง!
เขาเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารีผู้หนึ่ง และได้ฝึกฝนพลังธาตุวารีมานับพันปีแล้ว
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสาวน้อยผู้ที่สามารถควบคุมพลังธาตุวารีได้อย่างวิปริตมากเช่นนี้เข้า นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ไร้กำลังเช่นนี้
ได้โจมตีกันไปมาหลายต่อหลายกระบวนท่าแล้ว นางก็สามารถหลบหลีกการโจมตีของเขาได้ทุกครั้ง
เขารู้สึกว่าหากใช้ทักษะวิญญาณของพลังธาตุวารีโจมตีนางต่อไป เวลาครึ่งชั่วยามเขาก็ไม่สามารถจัดการกับสาวน้อยผู้นี้ได้แน่นอน แต่จะทำเช่นไรได้ ก็สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือทักษะวิญญาณของพลังธาตุวารีนี่!
เขาไม่เชื่อในความโชคร้ายนี้หรอก!
ครั้นแล้วการโจมตีของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงและรวดเร็วมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้ ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะชื่นชอบการโจมตีของเขามาก
ถูกต้อง มู่เฉียนซีชื่นชอบมาก เพราะนางพบว่าการรับรู้ต่อพลังธาตุวารีของนางนั้นยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
แหวนมังกรเทพวารีได้มอบพลังธาตุวารีให้กับนาง แต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเหมือนดั่งอาถิง
มันก็แค่ให้ทักษะวิญญาณในการต่อสู้กับนาง ไม่ได้เตือนเรื่องราวใดใดกับนางเหมือนดั่งอาถิง มันทำได้เพียงแค่ให้นางได้ฝึกฝนด้วยตัวเองเท่านั้น
ยากนักกว่าจะได้เจอกับผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารีเช่นนี้ ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามหมายปองจะเอาชีวิตนาง แต่นี่ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีโอกาสหนึ่งสำหรับการฝึกฝน
มู่เฉียนซีกำลังตั้งใจฝึกฝนอย่างใจจดใจจ่อ ทว่า สีหน้าของชายชราชุดเทาผู้นั้นกลับยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ แล้ว
ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้น “เสียงมังกรทำลาย!”
พลังธาตุวารีในอากาศพลันเปลี่ยนเป็นเส้นไหมราวกับสายของกู่ฉิน แต่เส้นไหมทุกเส้นกลับมิได้อ่อนนุ่มแต่คมกริบเปรียบเสมือนดั่งคมมีดก็มิปาน
มันได้ก่อตัวขึ้นเป็นตาข่ายรอบ ๆ บริเวณและพุ่งออกไปทางชายชราชุดเทาผู้นั้น
ชายชราชุดเทาตัวแข็งทื่อขึ้น นะ นี่ นี่มัน…
เหตุใดถึงได้เหมือนกับทักษะวิญญาณของเขาถึงเพียงนี้!
สาวน้อยผู้นี้มีทักษะวิญญาณที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ แต่เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่ใช้โจมตีล่ะ เหตุใดถึงมาใช้เอาตอนนี้!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทักษะวิญญาณที่เหมือนกับของตัวเองมากเช่นนี้ แต่ชายชราผู้นี้นั้นไม่ได้มีความรู้สึกในการรับรู้ของพลังธาตุวารีได้ดีเหมือนดั่งมู่เฉียนซี ดังนั้นเขาจึงหลบหลีกการโจมตีด้วยความยากลำบาก
และเสี่ยวหงกับอู๋ตี้ก็ได้ใช้กลยุทธ์ของเจ้านายตัวเองที่ว่า ฉวยโอกาสในตอนที่ศัตรูตกอยู่ในที่นั่งลำบากคร่าชีวิตศัตรูด้วยการโจมตีซ้ำ พวกมันจึงลงมือโจมตีชายชราอย่างดุเดือด!
ตูม ผั๊วะ ผั๊วะ!
คิดว่ามีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าแล้วจะเจ๋งอย่างนั้นเหรอ กล้ามาลงมือกับนายท่านข้า รนหาที่ตาย!
พรวด พรวด!
เผชิญหน้ากับการโจมตีของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนี้เข้า ชั่วครู่หนึ่งชายชราชุดเทาก็ไม่สามารถรวบรวมพลังจิตได้ และโดนโจมตีเข้าแล้ว
“โคจรพลังสิ!” เขาคำรามขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว
ทว่า กว่าเขาจะโคจรพลังวิญญาณได้ ชุดคลุมยาวสีเทาของเขานั้นก็ได้หลุดลุ่ยฉีกขาดราวกับผ้าขี้ริ้วไปแล้ว บนร่างกายของเขาปรากฏรอยเลือดขึ้นหลายแผล
การโจมตีได้ผล แต่ก็ไม่ได้รุนแรงถึงกับคร่าชีวิตเขาได้!
“สาวน้อย เจ้าทำให้ข้าทึ่งจริง ๆ” ชายชราจ้องมองมู่เฉียนซีอย่างโหดเหี้ยม
นึกไม่ถึงเลยว่ามหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งตัวเล็ก ๆ คนเดียวจะสามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจนเลือดตกยางออกได้ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “อย่าเพิ่งทึ่งไปก่อนสิ เพราะเรื่องที่จะทำให้เจ้าทึ่งจริง ๆ นั้นมันยังมาไม่ถึงเลย!”
ในตอนนี้ใบหน้าของชายชราที่กำลังต่อสู้อยู่กับกู้ไป๋อีกลางอากาศผู้นั้นก็บิดเบี้ยวขึ้นเช่นกัน!
เขาคิดเอาไว้แล้วว่าถึงแม้พลังของท่านผู้นี้จะถดถอยลงมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่งก็ยากที่จะรับมือได้ อย่างไรเสียเขาก็เคยเป็นคนในดินแดนนั้น
แม้ว่าเขาไม่อาจสู้ได้ แต่ด้วยพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าของเขานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้มหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่งสูญเสียพลังไปได้ เพียงแต่ว่า เหตุใดมาจนถึงตอนนี้แล้ว ผู้ที่สูญเสียพลังไปกลับกลายเป็นตัวเขาเองได้เล่า