ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1034 จูบจนกว่าจะยอม
“ค่อก ค่อก ค่อก! ทำบะหมี่ฉางโซ่ว” เมื่อได้ยินเรื่องราวที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้มู่เฉียนซีก็ตกใจขึ้น
จื่อโยวบัดซบยิ่งนัก! หากเป็นความคิดอื่นก็ว่าไปอย่าง นึกไม่ถึงว่าจะเสนอความคิดนี้ให้เขา
ตกลงเขาไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่าเจ้านายของตัวเองไม่ได้เป็นเพียงแค่ราชาแห่งคุกโลหิต แต่ยังเป็นราชาแห่งอาหารดำไหม้อีกด้วย
มู่เฉียนซีโทษจื่อโยวโดยความเข้าใจผิดแล้ว จื่อโยวไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้านายของตนเองนั้นจะโหดร้ายมากเพียงนี้!
ก็แค่การต้มบะหมี่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยต้มมาก่อน แต่ก็น่าจะไม่ได้ยาก และไม่สามารถหยุดฝ่าบาทผู้ที่ฉลาดหลักแหลมของพวกเขาได้แน่นอน
ที่เขาออกความคิดเห็นเช่นนี้ก็แค่อยากเห็นเจ้านายของตัวเองได้สัมผัสกับอาหารในโลกมนุษย์ก็เท่านั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเจ้านายของเขานั้นเคยสัมผัสมันมาแล้ว ส่วนผลลัพธ์นั้น…
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องทำก็ได้บะหมี่ฉางโซ่วน่ะ เมื่อก่อนตอนที่ข้าฉลองวันเกิดข้ากินอาหารชนิดอื่น”
จิ่วเยี่ยกล่าวถาม “กินอันใด?”
“เค้ก!”
“เค้ก!” จิ่วเยี่ยไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
ถึงแม้ว่าจะไม่มีวัตถุดิบเหมือนยุคสมัยใหม่ แต่ก็มีหลาย ๆ อย่างที่สามารถแทนได้
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้จิ่วเยี่ยทำบะหมี่ฉางโซ่ว และไม่อยากทำให้เขาเสียน้ำใจ มู่เฉียนซีจึงลองทำเค้กในยุคสมัยนี้
งานเฉลิมฉลองได้มาถึงช่วงสิ้นสุดแล้ว หลังจากที่มู่เฉียนซีมอบยาลูกกลอนสร่างเมาให้กับเย่เฉินแล้ว นางก็เริ่มใช้เขาเยี่ยงทาส ให้เขาไปเตรียมวัตถุดิบในการทำเค้กมา
วันนี้เป็นวันเกิดของนายท่าน หลังจากที่ได้รับภารกิจนี้แล้ว เย่เฉินก็รีบไปจัดการในทันที
ไม่นานนักเย่เฉินก็นำวัตถุดิบทั้งหมดมาที่ห้องครัว มู่เฉียนซีเดินเข้าไปในห้องครัว และจิ่วเยี่ก็เดินตามเข้าไปด้วย
มู่เฉียนซีรีบผลักเขาไปที่ประตูและกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ต่อจากนี้ไปให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง เจ้ายืนอยู่ตรงนี้ก็พอ”
“ข้าช่วยเจ้าได้นะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่ไว้ใจเจ้า เจ้ายืนอยู่ตรงนี้หรือไม่ก็ไปรอที่อื่นก่อนก็ได้”
เนื่องจากก่อนหน้านี้อาหารที่จิ่วเยี่ยทำออกมานั้นมันทำให้นางทุกข์ทรมานมากจริง ๆ อีกทั้งยังฝึกฝนกับท่านปู่ตงหวงมาแล้วหลายวันด้วยเช่นนี้ มู่เฉียนซีไว้ใจเขาก็นับว่าแปลกแล้วล่ะ
ครั้นแล้วจิ่วเยี่ยจึงทำได้เพียงแค่ยืนดูมู่เฉียนซีอยู่ที่ประตูเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาจะย่างเท้าเดินเข้าไป มู่เฉียนซีก็หันมาถลึงตาใส่เขาอย่างรวดเร็ว
“หากเจ้ากล้าย่างเท้าเข้ามาอีกก้าวละก็ อย่าหวังว่าจะได้กิน!”
เมื่อเห็นสายตาเช่นนั้นของมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยจึงทำได้เพียงถอยหลังกลับไปอย่างจนปัญญา
เขาสามารถปราบปรามเอาชนะพื้นพิภพนี้ได้ แต่กลับเอาชนะแม่ครัวตัวน้อย ๆ ผู้นี้ไม่ได้ ต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกหญิงสาวผู้เป็นที่รักเมินเฉยใส่เช่นนี้
มู่เฉียนซีทำไปด้วยความราบรื่น ไม่นานนักกลิ่นหอมหวนก็โชยออกมา จากนั้นมู่เฉียนซีก็ใช้ผลไม้ชนิดต่าง ๆ อันล้ำค่าตกแต่งหน้าเค้ก
หากจวินโม่ซีอยู่และได้เห็นเค้กก้อนนี้เขาคงจะมีความสุขมากล้นเป็นแน่ น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่ได้ลิ้มรสเค้กที่แสนอร่อยเช่นนี้
เมื่อมู่เฉียนซีตกแต่งหน้าเค้กเสร็จ นางก็กล่าวขึ้นว่า “เอาล่ะ เข้ามาได้แล้ว”
จิ่วเยี่ยเดินเข้าไป มู่เฉียนซีกล่าวกับเขาว่า “ถือเค้กก้อนนี้ตามข้าไปที่ศาลาลานนั่งเล่น!”
ถึงแม้ว่าจิ่วเยี่ยจะเป็นราชาแห่งอาหารดำไหม้ แต่การให้เขาถือเค้กนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ปลอดภัยมาก
พวกเขานั่งลงในศาลาลานนั่งเล่น เค้กได้วางลงบนโต๊ะศิลา
นางจุดเทียนอธิษฐาน เรื่องที่นางจะทำนางจะพยายามอย่างสุดความสามารถและจะทำให้สำเร็จให้ได้
มู่เฉียนซีหยิบมีดขึ้นมาตัดเค้ก เซียวโม่รู้สึกแปลกใจไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีกำลังทำสิ่งใด ดังนั้นจึงลากเย่เฉินมา
ทันใดนั้นเองพวกเขาก็ได้กลิ่นอันหอมหวาน และเมื่อได้เห็นเค้กที่หน้าตาน่าทานก้อนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายขึ้นทันที
เซียวโม่กล่าว “เย่เฉิน ดูเหมือนว่าจะมีของอร่อย ๆ กินแล้ว!”
เซียวโม่กับเย่เฉินมองดูเค้กก้อนนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นมาก แต่เมื่อได้สบเข้ากับดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกนั้นแล้ว พวกเขาก็ต้องถอยหลังไปหลายก้าว
“เค้กก้อนนี้ เป็นของข้ากับซีแค่สองคน”
“นายท่าน…” เย่เฉินเริ่มทำตัวเป็นผู้น่าสงสารต่อหน้ามู่เฉียนซี
“เฉียนซี! เพียงแค่นิดเดียว!” เซียวโม่อ้อนวอน
พวกเขาทั้งสองทำท่าทางน่าสงสารเพื่อรอให้มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าวบางอย่างออกมา แต่มู่เฉียนซีไม่ทันได้กล่าวอันใด จิ่วเยี่ยก็ฉีกมิติออกและยัดพวกเขาเข้าไปในมิตินั้น
อ๊าก! ทั้งสองส่งเสียงกรีดร้องขึ้น และได้อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย เจ้าจับพวกเขาเข้าไปเช่นนี้พวกเขาคงจะไม่เป็นอันใดกระมัง!”
จิ่วเยี่ยกล่าว “ไม่เป็นอันใดหรอก ก็แค่โยนออกไปนอกเมืองก็เท่านั้น ข้าไม่อยากให้ใครมารบกวนเราสองคน”
ถูกโยนออกไปนอกเมือง เช่นนั้นก็คงจะไม่เป็นอันใด!
ตุบ ตุบ! ร่างของเย่เฉินกับเซียวโม่ตกลงมาจากกลางอากาศด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“โหดร้ายเกินไปแล้ว พวกเราก็แค่อยากจะลองชิมสักคำก็ไม่ยอม” เซียวโม่แทบอยากร้องไห้
“ที่นี่ที่ไหน?” เซียวโม่กล่าวถาม
เย่เฉินกล่าว “ที่นี่คือนอกเมืองของเมืองเหยียน ท่านหวงจิ่วเยี่ย นึกไม่ถึงเลยว่าจะโยนพวกเรามาที่นี่ หากกลับไปตอนนี้ คงดึกสงัดกว่าจะถึง”
มู่เฉียนซีก็คิดไม่ถึงเช่นกัน จิ่วเยี่ยบอกว่าโยนพวกเขาไปที่นอกเมือง กลับไม่ใช่นอกเมืองเย่เซี่ย แต่เป็นนอกเมืองเหยียน
จิ่วเยี่ยไม่สนใจอาหารหวานประเภทนี้ แต่เมื่อเขาได้เห็นมู่เฉียนซีทำออกมาก็รู้สึกว่ารสชาติน่าจะอร่อยอย่างน่าประหลาดใจแน่ ๆ
มู่เฉียนซีก็อยากจะกินแล้ว แต่กลับถูกจิ่วเยี่ยคว้าร่างนางไปกอดเอาไว้เสียก่อน
“วันนี้เป็นวันเกิดของซี ข้าป้อน”
สุดท้ายจิ่วเยี่ยก็ป้อนนาง และเค้กก้อนใหญ่ก้อนนี้สองคนไม่มีทางกินหมดแน่นอน
จิ่วเยี่ยทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นกิน ดังนั้นเขาก็เลยหยิบกล่องหยกเย็นหมื่นปีมาบรรจุเค้กนี้เอาไว้
“ข้าจะนำกลับไปแดนนรก” เมื่อคิดถึงนางก็หยิบมันขึ้นมาชิม
หากรอให้คำสาปที่ถูกยับยั้งในเมื่อคืนกำเริบออกมาอีกครั้ง เกรงว่าคงไม่ได้เจอหน้าอีกนาน
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าทำก้อนใหม่ให้เจ้าได้นะ”
“เค้กก้อนแรกในวันเกิดที่ซีอายุครบสิบเจ็ดปี ข้าไม่อยากสิ้นเปลือง”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า!”
“อยู่นิ่ง ๆ!” นิ้วมือเรียวยาวอันเย็นยะเยือกนั้นสัมผัสลงบนแก้มของนาง
ดวงตาคู่นั้นของมู่เฉียนซีจ้องมองหน้าเขา แพรขนตาดุจดั่งปีกผีเสื้อนั้นขยับขึ้นลงเล็กน้อย
สุดท้ายจิ่วเยี่ยก็ก้มตัวจูบลงบนริมฝีปากอันแดงระเรื่อของนาง และค่อย ๆ เคลื่อนย้ายไปที่แก้มราวกับว่า…
ราวกับว่าจะช่วยเช็ดรอยเนยครีมที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าของนางก็มิปาน จากนั้นก็เลื่อนกลับมาจูบบนริมฝีปากของนางอีกครั้ง และพัวพันกับริมฝีปากนางอย่างไม่เลิกรา
เมื่อริมฝีปากของทั้งสองแยกออกจากกัน แต่จิ่วเยี่ยนั้นยังไม่หายอยาก
“ซี ช่วยข้าหน่อย…”
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย บนใบหน้าของเขาก็มีรอยเนยครีมเปรอะเปื้อนอยู่เช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าว “ใช้ผ้าเช็ดให้สะอาดก็ได้แล้ว เจ้าจะให้ข้าช่วยเช่นไร”
จิ่วเยี่ยโน้มตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะกล่าวว่า “ก็ช่วยเหมือนที่ข้าช่วยซีอย่างไรเล่า หากซีไม่ช่วย ข้าก็จะจูบซีจนถึงที่สุด ก็ดีเหมือนกัน…”
ไม่ดีเลยสักนิด!
แต่นางรู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์ เพราะจิ่วเยี่ยนั้นได้กระทำลงไปแล้ว มู่เฉียนซียื่นมือโอบหลังเขา และจูบลงไปบนใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิด
ทันทีที่จิ่วเยี่ยขยับตัว เขาก็ได้เป็นฝ่ายจูบริมฝีปากของมู่เฉียนซีอีกครั้ง
ทั้งสองพัวพันกันอยู่นานกว่าริมฝีปากจะแยกออกจากกัน มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “จิ่วเยี่ย จื่อโยวมอบของขวัญให้ข้าแล้ว แต่เจ้ายังไม่มอบให้ข้าเลย”
“ข้ามอบตัวของข้าเป็นของขวัญยังไม่พออีกเหรอ?”
“คราก่อนเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ไม่พอหรอกนะ ต่อให้เจ้าให้มาแล้วข้าก็จะคืน” เจ้าหมอนี่เอาตัวเองมาเป็นของขวัญ นางรับไม่ได้
จิ่วเยี่ยโอบแขนมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “แล้วซีต้องการสิ่งใดเล่า?”
“เอาปิ่นวิญญาณจื่อเฟิ้งที่เจ้าเอาของข้าไปวันก่อนคืนมา”
หนึ่งปีที่ผ่านมาจิ่วเยี่ยดีกับนางมาก แต่ยังไม่ได้สนิทสนมและเชื่อใจจนถึงขั้นนี้
ความจริงแล้วในตอนนั้นนางหวาดกลัวเขามาก ดังนั้นปิ่นวิญญาณจื่อเฟิ้งที่เขาเอาไปนางไม่มีวิธีที่จะแย่งชิงกลับคืนมา และไม่สามารถเอากลับมาได้ ทว่า ข้อผูกมัดของพวกเขานั้นลึกซึ้งมาก นางไม่กลัวว่าจะถูกเขาฆ่าแล้ว ดังนั้นจึงเริ่มทวงคืน!
.
.