ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1084 ใช้สมุนไพรที่มีอยู่ในพื้นที่
มู่เฉียนซีใช้ความเร็วอย่างรวดเร็วที่สุดไปถึงที่ที่ปลอดภัย
นางเอ่ยปากกล่าวกับนักปรุงยาที่ยืนหยัดต่อสู้อย่างทรหดเหล่านั้นว่า “ยังมัวแต่อึ้งอันใดอยู่อีก รีบลงมือสิ!”
พวกเขาเอาห่อผงยาออกมาห่อหนึ่งและโปรยขึ้นกลางอากาศ
ระดับการปรุงยาของพวกเขานั้นถึงขั้นยอดปรมาจารย์นักปรุงยาแล้ว สามารถหลอมยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ได้ และนักปรุงยาที่สามารถมาถึงขั้นนี้ได้นั้น แน่นอนว่าต้องเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุอัคคี
หลังจากที่ผงยาเหล่านั้นถูกโปรยออกมา พวกเขาก็เริ่มใช้เปลวไฟของตัวเองเผาผงยาเหล่านั้น
สาวน้อยผู้นั้นบอกเอาไว้ว่าผงยาเหล่านี้สามารถช่วยให้พวกเขาเอาชนะสำนักหุ่นปีศาจได้
พวกเขารู้ดีว่าในผงยาเหล่านี้มีส่วนผสมของสมุนไพรวิญญาณชนิดใดอยู่บ้าง แต่นึกไม่ออกเลยว่ามันจะเกิดผลเช่นไร
“มังกรเพลิงสังหาร!” ในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีก็ลงมือแล้ว
พรวด!
เมื่อผงยาเหล่านั้นถูกไฟเผา กลิ่นจาง ๆ ก็ลอยออกมา
จากนั้น กลิ่นนี้ก็ได้ผสมเข้าด้วยกันกับอากาศพิษของเทือกเขาเมฆามืด
“สาวน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าการที่สู้กับข้า เจ้าจะนิ่งได้เช่นนี้ เจ้าอดใจรอที่จะให้ข้าฆ่าเจ้าไม่ไหวถึงเพียงนี้เลยเหรอ?”
หลังจากที่เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว โหวหมิงก็พุ่งเข้ามาโจมตีมู่เฉียนซี
เขาไม่ได้เป็นคนที่ใจอ่อนต่อสตรีแต่อย่างใด พลันนั้นฝ่ามืออันรวดเร็วและดุดันก็พุ่งไปทางมู่เฉียนซี
ปัง! ร่างของมู่เฉียนซีถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกไป
ความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วมาก ถึงแม้ว่านางจะหลบหลีกแล้ว แต่ก็ยังได้บาดเจ็บไม่น้อยเลย
มุมปากของนางปรากฏรอยเลือดขึ้น หากความเร็วของโหวหมิงเร็วกว่านี้อีกหน่อย เกรงว่านางคงต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่
โหวหมิงฉวยโอกาสในตอนที่มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บนี้เพื่อที่จะโจมตีนางต่อ แววตาของเขานั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง
เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “สาวน้อย คราวนี้ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้ายังจะหลบได้อีกหรือไม่!”
“เฉียน!”
“เฉียนซี!”
ชิงอิ่งกับเฟิงอวิ๋นซิวที่กำลังต่อสู้กับศัตรูอยู่ในตอนนี้ก็กระวนกระวายใจขึ้นแล้ว
ปัง ปัง ปัง! ชิงอิ่งรีบหลบหลีกการโจมตีของผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะพุ่งไปที่มู่เฉียนซี
ส่วนเฟิงอวิ๋นซิวที่ถูกเจียงขุยโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสก็อยากจะพุ่งเข้าไปหามู่เฉียนซีเพื่อรับมือกับโหวหมิงเช่นกัน
ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวชุดม่วงผู้งดงามอย่างไร้ที่เปรียบผู้นั้นอย่างไม่กระพริบ นั่นเป็นคนที่เขาต้องการจะปกป้องไปตลอดชีวิต นางจะต้องไม่เป็นอะไร!
ปัง! ฝ่ามือของเจียงขุยโจมตีมากระแทกหน้าอกของเฟิงอวิ๋นซิว ทำให้เฟิงอวิ๋นซิวสงบลง
นางคือเฉียนซี ไม่ใช่นาง!
เจียงขุยยิ้มพลางกล่าว “นึกไม่ถึงเลยว่านายน้อยอวิ๋นซิวก็ยังเป็นบุรุษที่รักและใส่ใจสตรีเช่นนี้ด้วย เพื่อสาวน้อยผู้นั้น นึกไม่ถึงเลยว่านายน้อยอวิ๋นซิวจะไม่คำนึงถึงความเป็นความตายของตัวเองได้เช่นนี้”
“ถอยไป!” เฟิงอวิ๋นซิวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พลังธาตุวายุและพลังธาตุอัคคีก็โจมตีออกไปพร้อมกัน
พวกเขาป้องกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อไม่ให้มู่เฉียนซีเกิดอันตราย ทว่า ความเร็วของพวกเขากลับไม่เร็วเท่าโหวหมิงผู้ที่เข้าไปใกล้มู่เฉียนซีแล้ว
“นายท่าน!” เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ก็ตื่นตระหนกขึ้น แต่ความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดสองตัวที่พวกเขากำลังรับมืออยู่นั้นไม่ได้อ่อนแอเลย พวกเขาจึงไม่อาจปลีกตัวไปได้
และในขณะที่โหวหมิงกำลังจะโจมตีคร่าชีวิตมู่เฉียนซีด้วยฝ่ามือนั้น จู่ ๆ การโจมตีของเขากลับไม่เป็นผล
ระยะห่างของเป้าหมายมีความคลาดเคลื่อนมาก ความผิดพลาดเช่นนี้ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นกับยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิได้
โหวหมิงจงใจจะปล่อยมู่เฉียนซีไปอย่างนั้นเหรอ?
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น!
จากนั้น คนอื่นต่างก็ส่งเสียงตื่นตระหนกขึ้น
“หะ เหตุ เหตุใดข้าถึงมองไม่เห็นแล้ว”
“เกิดอันใดขึ้นกับดวงตาของข้า?”
“เหตุใดถึงได้มืดไปหมด ข้ามองไม่เห็นอันใดเลย?”
คนของสำนักหุ่นปีศาจเหล่านี้ทั้งหมดล้วนแต่กลายเป็นคนตาบอดอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้พวกเขานั้นมองไม่เห็นสิ่งใดเลย
เมื่อได้เห็นท่าทางที่มองไม่เห็นของโหวหมิง แสงเย็นก็วาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี การโจมตีของกระบี่ก็ได้พุ่งออกไปคราหนึ่ง
“มังกรเพลิงสังหาร!”
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญภูต ผู้ฝึกยุทธ์ ต่อให้ดวงตาจะมองไม่เห็น แต่ก็มีการรับรู้ต่ออันตรายได้
โหวหมิงรีบหลบหลีก ถึงแม้ว่าจะสามารถหลบหลีกการโจมตีนี้ได้ แต่เขาก็มองไม่เห็นอะไรเลย และแน่นอนว่าสิ่งนี้ถือเป็นการลดกำลังในการต่อสู้ของพวกเขาลง
ส่วนคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน เมื่อดวงตาไร้ซึ่งการมองไม่เห็น การควบคุมหุ่นเชิดของพวกเขาก็ไม่ได้ราบรื่นอีกต่อไป
รับมือกับกลุ่มคนตาบอดกลุ่มนี้ คนของตำหนักตงจี๋ก็ได้เปรียบขึ้นมามาก
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้พลังจิตรับรู้การโจมตีของศัตรูได้ แต่การที่มองอะไรไม่เห็นเลยเช่นนี้ทำให้เจียงขุยกลัดกลุ้มใจมาก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่พวกเจ้าทำอะไรพวกข้า?”
“นักปรุงยาไปตายห่าอยู่ที่ใดกันหมด นี่ตกลงข้าโดนพิษใดกันแน่?”
“……”
พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในเทือกเขาเมฆามืดมาโดยตลอด แม้แต่อากาศพิษในเทือกเขาเมฆามืดพวกเขาก็ไม่กลัว เช่นนั้นแล้วพวกเขาย่อมไม่กลัวพิษอย่างแน่นอน
ทว่า ในตอนนี้ พวกเขากลับโดนเล่นงานเสียแล้ว!
“ทักษะโยวหลัว!” มู่เฉียนซีไล่โจมตีโหวหมิงผู้ที่มองไม่เห็นผู้นี้อย่างไม่ยอมเลิกรา ไม่นานนักร่างของโหวหมิงก็ได้รับบาดเจ็บขึ้น
คนของสำนักหุ่นปีศาจของพวกเขาใช้อากาศพิษของเทือกเขาเมฆามืดป้องกันศัตรูภายนอก แต่ในตอนนี้อากาศพิษที่เปลี่ยนไปนี้เป็นภัยต่อพวกเขาแล้ว
“ผงยานั่น ผงยานั่นต้องมีปัญหาแน่ ๆ” โหวหมิงอุทานขึ้น
“นักปรุงยา รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า!”
ไม่ว่าโหวหมิงและเจียงขุยจะตะโกนเช่นไร นักปรุงยาของสำนักหุ่นปีศาจเหล่านั้นก็ไม่สามารถศึกษาพิษและหลอมยาแก้พิษออกมาให้พวกเขาได้ เพราะพวกเขาเองก็โดนยาพิษมองไม่เห็นเหมือนกัน
เมื่อมองไม่เห็นก็ควบคุมหุ่นเชิดได้ยาก สำนักหุ่นปีศาจอดทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว
โหวหมิงถูกมู่เฉียนซีต้อนจนจนมุมแล้ว ในตอนนี้เหงื่อเย็นได้เปียกโชกไปทั่วทั้งแผ่นหลังของเขาแล้ว
เขาตะโกนขึ้นว่า “อย่าฆ่าข้า ขะ ข้ายอมจำนน ข้า…”
มู่เฉียนซีกล่าว “การจำนนของคนเช่นเจ้า ข้ารับไม่ได้ บางทีวันหนึ่งเจ้าอาจจะกลับมาแว้งกัดข้าก็ได้ ทำให้เจ้าหายไปจากโลกใบนี้ข้ายังรู้สึกปลอดภัยกว่า”
ฉึก! กระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีแทงทะลุหัวใจโหวหมิง
เขาพยายามจะดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ทว่า เขากลับรู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลังถูกพลังอันแข็งแกร่งพลังหนึ่งกลืนกิน ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนเช่นไรก็ไร้ประโยชน์
ตุบ!
ทันทีที่โหวหมิงสิ้นใจไปแล้ว หุ่นเชิดของเขาเหล่านั้นก็ได้สูญเสียการควบคุม และล้มลงไปกับพื้นตาม ๆ กัน
แกร่ก! หุ่นเชิดตรงหน้าถูกชิงอิ่งโจมตีจนร่างแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมยาวสีขาวก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
เจียงขุยกล่าว “เลวทรามต่ำช้า! นึกไม่ถึงเลยว่ากองกำลังอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันออกอย่างตำหนักตงจี๋จะใช้วิธีการสกปรกโสมมวางยาพิษรับมือกับสำนักเล็ก ๆ อย่างสำนักหุ่นปีศาจของข้าเช่นนี้ ช่างต่ำช้ายิ่งนัก”
มู่เฉียนซีกล่าว “พิษที่ทำให้ตาของพวกเจ้าบอด ข้าก็ได้สมุนไพรที่เก็บมาได้จากที่นี่ด้วยกันทั้งสิ้น หากไม่ใช่เพราะว่าอากาศพิษของเทือกเขาเมฆามืดแห่งนี้ร้ายกาจมากพอ ผลลัพธ์ก็คงจะไม่ออกมาได้ดีถึงเพียงนี้”
นักปรุงยาของตำหนักตงจี๋เหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น เป็นสมุนไพรที่เก็บมาได้จากที่แห่งนี้ พิษนี้ทำออกมาอย่างลวก ๆ! สาวน้อยผู้นี้ต้องเป็นอัจฉริยะนักพิษแน่นอน ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ต่อให้เป็นท่านหัวหน้านักปรุงยาก็ไม่มีความสามารถถึงขั้นนี้ พวกเขาตัดสินใจยอมที่จะล่วงเกินท่านหัวหน้านักปรุงยา แต่ไม่ยอมล่วงเกินสาวน้อยผู้น่ากลัวผู้นี้เป็นอันขาด
เจียงขุยเองก็ไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปไม่ได้!”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าสำนักเจียง ขอแค่สำนักหุ่นปีศาจของพวกเจ้ายอมจำนนในตอนนี้ และยอมเข้าสวามิภักดิ์ต่อตำหนักตงจี๋ ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการทำลายสำนักได้ มิเช่นนั้นแล้วก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”
หากกล่าวถึงวิชาหุ่นเชิด ในแดนตะวันออกไม่มีผู้ใดสามารถเทียบสำนักหุ่นปีศาจได้ หากสามารถควบคุมสำนักหุ่นปีศาจได้ ก็เท่ากับมีกองกำลังเสริมที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
เจียงขุยยังไม่ทันได้เปล่งเสียงตอบแต่อย่างใด เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เด็กน้อย ช่างกล่าววาจาเสียใหญ่โตยิ่งนัก อยากจะควบคุมสำนักหุ่นปีศาจของข้า ความสามารถเพียงเล็กน้อยแค่นี้ของเจ้า มันยังไม่พอ!”
.