ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1135 พลังมังกรของเผ่าราชา
ประโยชน์ของมังกรเหลืองอย่างท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นตัวนี้ก็เพียงแค่ทำให้มู่เฉียนซีได้ยืดเส้นยืดสายฝึกฝีมือก็เท่านั้น
แต่ในเมื่อท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นต้องการจะปฏิบัติต่อมู่เฉียนซีอย่างสังเวช องค์ชายจิ่วเยี่ยทนได้ก็แปลกแล้ว
การที่ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นได้กลายเป็นโครงกระดูกขาวนั้นมันยังไม่จบ!
โครงกระดูกมังกรขนาดใหญ่นี้ ในตอนนี้ได้ถูกจิ่วเยี่ยควบคุมเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
มันได้แข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากพลังที่จิ่วเยี่ยได้มอบให้ จากนั้นท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นก็พุ่งไปทางมังกรเหล่านั้น
“ท่านเจ้าเมือง ท่าน…”
“ท่านเจ้าเมืองมาฆ่าพวกเราด้วยเหตุใด!”
“มันไม่ใช่ท่านเจ้าเมืองแล้ว ถูกปีศาจชุดดำผู้นั้นควบคุมเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว”
“พวกเราต้องฆ่ามัน! เร็วเข้า! มิเช่นนั้นพวกเราต้องตายกันหมดแน่”
เดิมที่ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นในฐานะที่เป็นท่านเจ้าเมืองนั้น พลังของเขาก็แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
ในตอนนี้เขายิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีก และมังกรในเมืองฝูอวิ๋นเหล่านี้ก็ยิ่งไม่อาจขวางเขาได้
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ยอดฝีมือแห่งเมืองฝูอวิ๋นถูกท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นผู้ที่กลายเป็นกระดูกมังกรผู้นี้โจมตีจนล้มตายและได้รับบาดเจ็บไปอย่างสาหัส!
มุมปากของท่านเจ้าเมืองอวิ๋นกระตุกขึ้นเล็กน้อย “นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่มีโอกาสได้ลงมือเลย”
“ท่านเจ้าเมือง นี่ท่านได้ประโยชน์แต่ก็ทำเป็นลำบากใจอย่างนั้นเหรอ มีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้มาช่วยพวกเราก็นับว่าเป็นความโชคดีของเมืองหมอกเมฆาของพวกเราแล้วนะขอรับ”
“……”
ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นได้ตายไปแล้ว ส่วนยอดฝีมือที่ไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อไปก็กำจัดได้ง่ายขึ้นแล้ว
เพียงแค่จิ่วเยี่ยโบกมือ กระดูกมังกรนั้นก็ได้อันตรธานหายสาบสูญไปแล้ว
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีและได้อันตรธานหายไปต่อหน้าพวกเขา เรื่องต่อจากนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาจัดการแล้ว
เมืองฝูอวิ๋นนั้นงดงามมาก จิ่วเยี่ยได้พบกับสถานที่ที่จะจู๋จี๋กับนางมากมาย
หากในร่างของจิ่วเยี่ยไม่มีคำสาปนั้น การพักผ่อนในที่แห่งนี้ก็คงจะผ่อนคลายและมีความสุขมาก
ภายใต้การกดขี่ข่มเหงด้วยพลังของจิ่วเยี่ย เกาะลอยฟ้าของแดนมังกรก็ได้กลายเป็นแดนที่สงบสุขดังเดิม
ในทุก ๆ วันมีมังกรมากมายนำสมุนไพรวิญญาณจำนวนมากมามอบให้ มู่เฉียนซีรู้สึกปลื้มใจไม่น้อย
ในตอนนี้ร่างกายของเฮยเย้าได้ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ร่างกายที่เดิมทีไม่สามารถฝึกบำเพ็ญได้ ในตอนนี้สามารถฝึกบำเพ็ญได้แล้ว มู่เฉียนซีได้เอาตำราการฝึกบำเพ็ญทั้งหมดในกุญแจเทพเผ่ามังกรออกมา
มู่เฉียนซีหยิบตำราฝึกบำเพ็ญเหล่านี้และกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าคิดว่าตำราฝึกบำเพ็ญใดที่เหมาะจะให้เฮยเย้าฝึกล่ะ!”
“แล้วก็ยังมีทักษะการต่อสู้ด้วย!”
จิ่วเยี่ยกล่าวถามด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “ซีต้องการให้ข้าช่วยเลือกอย่างนั้นเหรอ ?”
“ข้าเชื่อในสายตาของเจ้า เจ้าก็อย่าได้ตระหนี่ถี่เหนียวนักเลย”
“ต้องการให้ข้าช่วย ซีก็ต้องมีความบริสุทธิ์ใจสักหน่อยถึงจะถูก!”
มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว “เจ้าตะกละจวินบอกว่าข้าเป็นแม่ค้าหน้าเลือด ข้าว่าเจ้าต่างหากล่ะที่เป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่แท้จริง!”
จิ่วเยี่ยโอบกอดเอวอันเพรียวบางของมู่เฉียนซี และกล่าวว่า “ก็เพราะว่าข้าละโมบโลภทุกอย่างของซี หากไม่กระทำเรื่องที่มันน่าเลือดสักหน่อยก็คงจะไม่ได้ประโยชน์ใด ก็ใครใช้ให้เจ้า…เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเช่นนี้กันเล่า”
มู่เฉียนซีเขย่งเท้าขึ้นเอาริมฝีปากอันแดงระเรื่อนั้นจูบลงบนแก้มของจิ่วเยี่ย นางจูบอย่างลึกซึ้งจนกว่าเขาจะพอใจ
สิ่งที่ผู้อาวุโสมังกรดำทิ้งเอาไว้ให้นั้นล้วนแต่ไม่เลวเลย จิ่วเยี่ยดูจากสถานการณ์ของเฮยเย้าและเลือกตำราการฝึกบำเพ็ญและการฝึกทักษะวิญญาณออกมา
มู่เฉียนซีเอาของเหล่านี้มอบให้ตรงหน้าเฮยเย้า เฮยเย้าไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เขากล่าว “ท่านมังกรวารี นี่ท่านมอบให้ข้าอย่างนั้นเหรอขอรับ ข้า…”
ถึงแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อยและเคยเห็นของล้ำค่ามาไม่มากนัก แต่สัญชาตญาณสายเลือดมังกรเขาย่อมรู้ดีว่าของเหล่านี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ามีตำราการฝึกบำเพ็ญอยู่แล้ว ของเหล่านี้ข้าใช้ไม่ได้ ฉะนั้นก็เลยเอามาให้เจ้า พยายามฝึกฝนเข้าล่ะ แล้วอย่าให้ใครมารังแกเจ้าได้อีก”
เฮยเย้าพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”
“หากมีส่วนไหนที่เจ้าไม่เข้าใจก็มาถามท่านผู้นี้ได้” มู่เฉียนซีกล่าวพลางหันชี้ไปที่จิ่วเยี่ย
ทว่า เมื่อเฮยเย้าเห็นดวงตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นของจิ่วเยี่ยแล้วเขาก็ตกใจจนสะดุ้งขึ้น แต่ก็ยังคงพยักหน้าตอบรับอย่างเชื่อฟัง “ขอรับ!”
ทันทีที่มู่เฉียนซีออกไป เฮยเย้าก็หยิบตำราเหล่านั้นมาอ่านทันที
มู่เฉียนซีกำลังคิดมากเกินไปแล้ว เฮยเย้าหยิบตำราเหล่านั้นขึ้นมาอ่านโดยไร้ท่าทีที่ไม่เข้าใจเลย ราวกับว่าเข้าใจมาตั้งแต่กำเนิดก็มิปาน นั่นเป็นความรู้สึกคุ้นเคยที่มาจากสายเลือดของเขา
เนื่องจากความรู้สึกนี้ทำให้การฝึกบำเพ็ญของเฮยเย้าสำเร็จไปอย่างราบรื่น
ร่างกายของเขาได้รับการรักษาจากมู่เฉียนซีจนฟื้นฟูกลับมาดีมาก และเขาที่ร่างกายกลับมาเป็นปกติก็มีพรสวรรค์ในการฝึกบำเพ็ญ จนกระทั่งเวลาเพียงแค่ครึ่งคืนเขาก็ฝึกสำเร็จถึงขั้นแรกแล้ว
เพียงแค่ฝึกฝนถึงขั้นแรกก็ทำให้เฮยเย้าได้ลอกคราบใหม่ ตอนนี้เขาก็นับว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งแล้ว และไม่ใช่สัตว์วิญญาณระดับหนึ่งอีกต่อไป
โดยรวมแล้วการก้าวข้ามขั้นใหญ่ไปถึงหนึ่งขั้นเช่นนี้เป็นการก้าวกระโดดของคุณสมบัติ
ทว่า ในตอนที่เขาฝึกบำเพ็ญสำเร็จในขั้นที่หนึ่งนี้ ท้องฟ้าก็วิปริตแปรปรวนขึ้น
จู่ ๆ พลังการกดขี่ข่มเหงของเผ่าราชาก็พัดกระโชกไปทั่วทั้งเกาะลอยฟ้าอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จนกระทั่งลุกลามไปยังเกาะมังกรอื่นอีกด้วย
ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นและพวกต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “พลังมังกรของเผ่าราชา เกาะลอยฟ้าของพวกเรามีพลังมังกรของเผ่าราชาตั้งแต่เมื่อใดกันแล้ว”
“เกาะราชามังกรถูกปิดผนึกไปแล้วไม่ใช่หรอกเหรอ แล้วสายเลือดราชามังกรก็หมดสิ้นลงแล้วไม่ใช่หรอกเหรอ เหตุใดถึงได้ปรากฏขึ้นในเกาะลอยฟ้าได้”
“……”
เผชิญกับพลังมังกรอันแข็งแกร่งเช่นนี้ เผ่ามังกรทุกเผ่าต่างก็สวามิภักดิ์มาจากสายเลือด
แต่มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยกลับไม่ได้มีความรู้สึกนั้น เพียงแต่พวกเขาแค่พบถึงความแปลกประหลาดของเกาะลอยฟ้า
ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นรีบมาหานาง “ท่านมังกรวารี นี่เป็นพลังมังกรของเผ่าราชา หรือว่ามีสายเลือดของเผ่าราชาอยู่ที่เกาะลอยฟ้าของพวกเรา”
“พลังนั่นมาจากที่ใด”
สถานที่เกิดพลังมังกรของเผ่าราชานี้อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาเลย นั่นก็คืออยู่ในจวนท่านเจ้าเมืองนั่นเอง
ฟ้าร้องคำราม และสายฟ้าฟาดไปทั่วท้องฟ้า ท้องฟ้าสว่างวาบทั้งคืน
เมื่อพวกเขามาถึงเรือนหลังนั้น ทุกคนก็ไม่อยากจะเชื่อ!
“นี่ นี่มันเกิดความผิดพลาดใดขึ้นหรือไม่ ที่นี่เป็นที่อยู่ของมังกรดำน้อยนี่นา”
“เจ้าของพลังมังกรเผ่าราชานั่นก็คือมังกรดำน้อยนั่นน่ะหรือ!”
“เป็นไปไม่ได้! มังกรดำจะกลายเป็นเผ่าราชาได้อย่างไรกัน พวกมันคือเผ่ากระทำกรรมชั่ว!”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้ารอข้างนอก”
“ขอรับ! ท่านมังกรวารี”
มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยเดินเข้าไปก็พบว่าเฮยเย้ากำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ ไม่ได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่อยู่ด้านนอกเลย
และมู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้รบกวนเขา แต่นางกลับมั่นใจได้อย่างชัดเจนว่าพลังมังกรของเผ่าราชานั้นได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเด็กผู้นี้จริง ๆ
เฮยเย้าออกมาจากการฝึกบำเพ็ญ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ได้เห็นกับร่างร่างหนึ่งที่คุ้นเคยเขาก็ตกใจสะดุ้งเล็กน้อย
“ท่านมังกรวารี ดึกดื่นเช่นนี้แล้วท่านมาได้อย่างไร?”
และมู่เฉียนซีกลับพบว่า เมื่อเฮยเย้าลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีดำขลับของเขาคู่นั้นได้เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามแล้ว เป็นสีทองอร่ามที่บริสุทธิ์ไร้ซึ่งร่องรอยความสับสนใด ๆ
“ท่านมังกรวารี หน้าข้ามีสิ่งใดติดอยู่อย่างนั้นเหรอขอรับ?”
มู่เฉียนซีจ้องมองเขาเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย!
“เจ้าก็ดูเองสิ!” กระจกวารีบานหนึ่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
เมื่อเฮยเย้าได้เห็นดวงตาสีทองของเขาคู่นี้แล้ว เขาก็ตกตะลึงขึ้น “นี่มันไม่ใช่ดวงตาของข้า!”
“ตาของข้า เหตุใดถึงได้เปลี่ยนเป็นสีทองเช่นนี้ได้”
“ดวงตาสีทอง ไม่ใช่เพียงแค่เผ่ามังกรทองของสายเลือดราชามังกรเผ่าเดียวหรอกเหรอที่มีได้ ขะ ข้า…” เขาเป็นมังกรดำเผ่ากระทำกรรมชั่ว มันช่างแตกต่างกับมังกรทองราวฟ้ากับดิน