ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1213 เร็วขึ้นหนึ่งก้าว
เมืองนี้ว่างเปล่าไม่มีคน และกล่าวได้ว่าเป็นเมืองงานศิลปะที่งดงาม
อาคารทุกหลังในเมืองถูกแกะสลักอย่างประณีตมาก แม้แต่ที่มุมถนนก็ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย
นี่คือผลงานที่สวยงามที่สร้างขึ้นโดยนักหลอมอาวุธระดับสูงสุดผู้หนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มีบางคนเป็นคนแรกที่เปิดประตู นั่นหมายความว่ามีคนมาก่อนแล้ว รีบตามหาคนผู้นั้นเสียก่อน”
มู่เฉียนซีให้อู๋ตี้และเสี่ยวหงออกมาช่วยค้นหา แต่ในเมืองที่มีความงดงามแห่งนี้กลับหาใครไม่พบเลย
กู้ไป๋อีส่ายหัว “ซีเอ๋อร์ ไม่มีใครอยู่ที่นี่ คาดว่าหากต้องการที่จะเข้าสู่สถานที่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ จะต้องหากลไกเปิดมันให้ได้ มีคนพบมันและนำหน้าเราไปหนึ่งก้าวแล้ว แต่พวกเรากลับยังไม่รู้อะไรเลย”
“เช่นนั้นคงทำได้เพียงค้นหาแล้ว”
มีวิธีที่รวดเร็วกว่านั้น นั่นก็คือให้กระบี่มังกรเพลิงหา แต่น่าเสียดายที่มันเสี่ยงเกินไป
นางมีแผนที่ถึงได้รวดเร็วขนาดนี้ ตามหลักนอกจากเฟิงอวิ๋นซิวแล้ว ท่านอารองและพวกไม่มีทางมาถึงเร็วขนาดนั้น
มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีค้นหาแล้วครึ่งค่อนวัน ทันใดนั้นเงาร่างสีขาวก็ลงมาอยู่ข้าง ๆ มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ มีคนเข้ามาในเมืองอีกแล้ว”
“พวกเราซ่อนตัวก่อนเถอะและรอดูว่าเกิดอะไรขึ้น!”
“อืม!”
มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีซ่อนตัวอยู่ในตึกสูงข้าง ๆ กำแพงเมืองนี้ และทันทีที่คนเข้ามาใกล้ พวกเขาก็รู้ชัดทันทีว่าเป็นใคร?
ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนแต่งกายด้วยชุดสีขาวนั่นก็คือเจ้าตำหนักตงจี๋ ไป๋อู๋ห่าย
ไป๋อู๋ห่ายหยุดฝีเท้าพลางยิ้มและกล่าวว่า “คราวนี้ต้องขอบคุณแผนที่ของอวิ๋นซิว ที่ทำให้พวกเราสามารถมาถึงที่นี่ได้อย่างราบรื่น”
“นายน้อยอวิ๋นซิวมีแผนที่พวกเราจึงมาถึงที่นี่ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ เป็นใครกันกลับมาถึงได้เร็วกว่าพวกเรา? หรือว่าอีกฝ่ายก็มีแผนที่ด้วยหรือ?”
เฟิงอวิ๋นซิวตะลึงงัน มีเพียงเขาและเฉียนซีเท่านั้นที่มีแผนที่ หรือว่าเฉียนซีจะมาแล้ว
เขากล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ไม่ว่าใครจะมาถึงที่นี่ก่อนหน้าเรา แต่เราก็จะต้องนำกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ได้”
“ใช่!”
มู่เฉียนซีที่ซ่อนตัวอยู่ก็ตกตะลึงเช่นกัน “ผู้ที่มาถึงที่นี่ก่อนเรากลับไม่ใช่อวิ๋นซิว! เช่นนั้นเป็นใครกัน?”
กู้ไป๋อีกระซิบกล่าว “อวิ๋นซิว!”
ความรู้สึกที่คุ้นเคยในน้ำเสียงของเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่กู้ไป๋อีจะไม่รู้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าได้ร่วมมือกับอวิ๋นซิวเพื่อหาเบาะแสของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เมื่อไม่นานมานี้เราได้พบแผนที่ที่สมบูรณ์แล้ว ซึ่งคาดว่ามีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีใครที่เร็วไปกว่าพวกเราหนึ่งก้าว!”
“บางทีอาจมีคนมาที่นี่โดยไม่ได้อาศัยแผนที่ แต่ใช้วิธีอื่น”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ เกรงว่าคนผู้นั้นคงไม่ง่ายที่รับมือ!”
มู่เฉียนซีก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีคนข้างนอกจงใจปล่อยสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ ออกมาเพื่อให้พวกเขาต่อสู้และชะลอเวลาไปได้ หรือคนที่ควบคุมทุกอย่างอยู่เบื้องหลังจะเป็นคนเดียวกันกับคนแรกที่เข้ามาในเมืองเหยียนนี้
กู้ไป๋อีถามว่า “ซีเอ๋อร์จะบอกว่ามาเสี่ยงที่นี่เพราะเป็นห่วงคนอื่น และคนนั้นคือเฟิงอวิ๋นซิว!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อวิ๋นซิวเป็นหนึ่งในนั้น และข้าไม่ต้องการให้เขามาทิ้งชีวิตของเขาไว้ที่นี่”
“เฟิงอวิ๋นซิวเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแดนตะวันออก และเขาไม่ค่อยยึดติดกับสิ่งใด แต่คราวนี้เขาตั้งใจจะเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ให้ได้ เจ้าวางแผนจะหยุดเขาอย่างไร?”
มู่เฉียนซีโบกมือและกล่าวว่า “ยังจะทำอะไรได้อีก? เมื่อคนของข้ามาถึง ก็จะทำให้หมดสติและพาออกไป!”
มุมปากของกู้ไป๋อีดึงรอยยิ้มจาง ๆ “นี่มันตรงกับนิสัยของเจ้ามาก”
ผู้คนของตำหนักตงจี๋เองก็ค้นหาในเมืองนี้อยู่เป็นเวลานาน แต่พวกเขากลับไม่พบอะไรเลย
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ที่ไหนกันแน่?”
“เมืองนี้มีข้อจำกัดอะไรกันแน่ถึงได้ซ่อนกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เอาไว้”
“ค้นหา! ค้นหาต่อไป!”
เมื่อเทียบกับการทำงานที่เร่งรีบและวุ่นวายของคนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋ มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีนั้นกลับผ่อนคลายมากขึ้น
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง จับตาดูพวกเขาไว้ให้ข้า”
มู่เฉียนซีโบกมือและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ หนึ่งชั่วยามครึ่งแล้วพวกเขาก็ยังหาไม่เจอ พวกเราหาสถานที่พักผ่อนและปล่อยให้พวกเขาวุ่นวายกันไปเถอะ!”
อวิ๋นซิวเพิ่งมาตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่อารองจะเร็วกว่าพวกเขา และในเมื่อพวกเขาต่างไม่ได้เข้าใกล้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ มู่เฉียนซีก็ไม่ต้องกังวลไปในตอนนี้
“อืม!”
คนกลุ่มนั้นของตำหนักตงจี๋ค้นหาไปเป็นเวลาสามวันแล้ว แต่กลับไม่พบสิ่งใด
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่มีเงื่อนงำใด ๆ ปรมาจารย์เหยียนผู้นั้นซ่อนสมบัติไว้มิดชิดเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!”
จากนั้นกองกำลังสำนักนิกายใหญ่อื่น ๆ ก็ได้พบเส้นทางของพวกเขาและหลั่งไหลกันเข้ามาในเมืองเหยียนนี้
กองกำลังสำนักนิกายใหญ่ทั้งหมดในแดนตะวันออกและแดนเหนือได้รวมตัวกันและทุกคนที่สามารถมาที่นี่ได้ ความแข็งแกร่งย่อมไม่อ่อนแออย่างแน่นอน
“นายท่าน คนของตำหนักเป่ยหานมาถึงแล้ว” อู๋ตี้วิ่งเข้ามาและกล่าว
เมื่อเห็นเงาร่างในกลุ่มของตำหนักเป่ยหานนั้น อารองต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่
เพียงแต่ว่าหลิงในตอนนี้ขาดสติไปมาก เขาพยายามมองไปรอบ ๆ เหมือนกำลังมองหาอะไรอยู่?
แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ขมวดคิ้ว หลิงดูเหมือนจะกังวลเกี่ยวกับสาวน้อยผู้นั้น
แต่นี่มันเป็นไปไม่ได้!
นับตั้งแต่คนของตำหนักเป่ยหานมา สตรีที่อยู่ข้าง ๆ ก็ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของตำหนักเป่ยหาน ทำให้กู้ไป๋อีต้องขมวดคิ้ว
เขาถามว่า “ซีเอ๋อร์อีกคนที่ต้องปกป้อง อยู่ในตำหนักเป่ยหาน?”
มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกัน นางพยักหน้าและกล่าวว่า “อืม เป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักเป่ยหาน หลิง”
ในตอนแรกเพื่อความปลอดภัยของอารอง นางจึงไม่ได้บอกเสี่ยวไป๋ก่อนที่เขาจะจากไป
ตอนนี้เสี่ยวไป๋ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าตำหนักเป่ยหานเพื่อที่จะแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ให้นาง และนางก็ไม่อยากที่จะปิดบังเขา อีกทั้งเสี่ยวไป๋ก็ไม่ใช่คนที่มีปากมาก
“หลิง!” กู้ไป๋อีอึ้งไปเล็กน้อย
ในตอนแรกที่ได้ยินข่าวลือเหล่านั้นของซีเอ๋อร์ เดิมทีเขาคิดว่าซีเอ๋อร์มาหาเขา แต่ไม่คิดเลยว่าเป้าหมายของนางคือหลิง
เขามองไปที่ร่างสีแดงเข้มนั่น เขาเคยได้ยินบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับคนผู้นี้ ซึ่งไม่ใช่คนที่มีความรู้สึกเลย
ซีเอ๋อร์ห่วงใยเขามากเช่นนี้ เกรงว่าในที่สุดมันจะทำให้นางเสียใจ
มู่เฉียนซีกล่าวกับกู้ไป๋อีว่า “แต่ข้ารู้เรื่องของหลิง เสี่ยวไป๋เจ้าต้องไม่ให้ใครรู้ โดยเฉพาะผู้อาวุโสผู้สูงสุดและเจ้าตำหนักของตำหนักเป่ยหาน ไม่งั้นเขาคงตกอยู่ในอันตราย”
ใบหน้าของกู้ไป๋อีแข็งทื่อ เขารู้ว่านอกจากเขาและหลิงแล้วซีเอ๋อร์ดูเหมือนจะเป็นศัตรูและระมัดระวังผู้คนของตำหนักเป่ยหานมาก แต่…
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ายังไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ แต่เมื่อข้าพร้อมสำหรับทุกสิ่ง ข้าจะบอกให้เจ้าเข้าใจ”
กู้ไป๋อีพยักหน้า “ตกลง!”
ผู้คนมารวมตัวกันในเมืองนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน้อยก็พันคน พวกเขาแทบจะขุดเมืองนี้ลงไปในพื้นดินสามฟุต แต่พวกเขากลับไม่พบอะไรเลย
ในเวลากลางคืน ร่างสีขาวกระโดดออกมายังโรงเตี๊ยมของกองทัพตำหนักเป่ยหาน
เขาปรากฏตัวต่อหน้าผู้อาวุโสสูงสุดดั่งเทพพระเจ้าแห่งสวรรค์ทั้งเก้า และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “จงยอมแพ้ต่อการแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ และพวกเจ้าจงรีบไปจากที่นี่ซะ”
ผู้อาวุโสสูงสุดตกตะลึงและกล่าวว่า “นี่…”
“นี่เป็นคำสั่ง!” ร่างของกู้ไป๋อี แข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง
“น้อมรับคำสั่ง!” ผู้อาวุโสสูงสุดก้มหัวให้
ผู้อาวุโสสูงสุดมองไปที่ชายที่อยู่ตรงหน้านี้และถามว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้า…”