ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1219 เริ่มเข่นฆ่า
มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจมาก “เหตุใดชั้นเจ็ดไม่ต้องทดสอบแล้วล่ะ?”
นางเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการทดสอบที่ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว กลับคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะง่ายดายเช่นนี้
“ก็เพราะว่าเจ้าได้ผ่านการทดสอบแล้วอย่างไรล่ะ”
“ข้าไม่เข้าใจ”
กลไกวิญญาณของหอหมื่นกระบี่เริ่มอุบเอาไว้แล้ว “เจ้าได้รู้แน่ แต่เจ้าจะไม่ลองขึ้นไปดูก่อนเหรอ?”
มู่เฉียนซีกล่าวกับเสี่ยวไป๋ว่า “เสี่ยวไป๋ เราไปกันเถอะ!”
ชั้นเจ็ดของหอหมื่นกระบี่เป็นมิติโปร่งใสมิติหนึ่ง
เมื่อเหยียบบนพื้นมิตินั้นก็เหมือนกับเหยียบอยู่บนกระจกใสก็มิปาน และเมื่อก้มมองลงไปนางก็ได้รู้ว่าหอหมื่นกระบี่นี้สูงมากเพียงใด
จากด้านบนสุดของหอหมื่นกระบี่สามารถมองเห็นเมืองด้านล่างของเมืองเหยียนทั้งหมด
เมืองด้านล่างเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของผืนดินอันเงียบสงบอีกด้วย
กลไกวิญญาณกล่าว “เมืองด้านล่างของเมืองเหยียนนี้ ยังเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเมืองจ้างเจี่ยน ที่แปลว่า ฝังกระบี่ อีกด้วย เมืองด้านบนเป็นสถานที่ที่อาศัยของมนุษย์ ส่วนเมืองด้านล่างนั้นเป็นสถานที่ที่อยู่ของอาวุธวิญญาณและจิตวิญญาณของอาวุธวิญญาณ”
“ข้าจะทำเช่นไรถึงได้กลายเป็นท่านเจ้าเมืองเมืองเหยียน ทำพันธสัญญาหรือไม่ ?”
“เสาศิลาหลักของหอหมื่นกระบี่คือแกนกลางของมัน ขอเพียงแค่เจ้าหากระบี่เล่มหลักเจอ และเป็นเล่มที่ถูกต้อง ให้เจ้าหยดเลือดของเจ้าลงไปก็นับว่าได้ทำพันธสัญญาสำเร็จแล้ว บนเสาศิลามีกระบี่เก้าหมื่นเก้าพันเล่ม เจ้าต้องเลือกให้ดีล่ะ อย่าได้เลือกผิดเชียว!”
มู่เฉียนซีเดินไปที่เสาศิลาแกนกลางของหอหมื่นกระบี่ ด้านบนสลักกระบี่เอาไว้มากมายหลายแบบ
ในขณะที่มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปที่กระบี่ทุกเล่ม สายตาของนางก็ถูกดึงดูดไปที่กระบี่เล่มหนึ่ง
มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบาว่า “มังกรเพลิง!”
รูปร่างลักษณะเหมือนมังกรเพลิง มันอยู่กับนางมานานถึงเพียงนี้ มองเพียงแวบเดียวนางก็รู้ ถึงแม้ว่ากระบี่จะมีหลายแบบจนทำให้ตาลายได้ก็ตาม
กู้ไป๋อีเองก็สังเกตเห็นถึงกระบี่เล่มนั้นแล้วเช่นกัน กระบี่เล่มนั้นไม่ใช่กระบี่ของซีเอ๋อร์หรอกเหรอ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจนตอนนี้นางจึงไม่ได้ใช้ แต่เขารู้ดีว่ากระบี่เล่มนั้นต่างหากที่เหมาะกับซีเอ๋อร์ที่สุด
ในขณะที่มู่เฉียนเอ่ยคำสามคำนั้นออกมา เจ้างูน้อยที่หลบอยู่ในแขนเสื้อของนางก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ดวงตาสีแดงฉานอันสดใสคู่นั้นเผยความประหลาดใจออกมา
เมื่อเห็นกระบี่มังกรเพลิงแล้ว มู่เฉียนซีก็กรีดนิ้วตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย เลือดสีแดงสดของนางหยดลงบนคมกระบี่มังกรเพลิงเล่มนั้น
กลไกวิญญาณกล่าวขึ้น “ทำพันธสัญญาสำเร็จ คารวะนายท่าน”
“เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ด้วย!” มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบา
กระบี่นับหมื่นเล่มเหล่านี้จะเทียบกับกับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณได้อย่างไรกันล่ะ ปรมาจารย์เหยียนก็ต้องเลือกมันอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “หมื่นกระบี่ ข้าต้องการดูสถานการณ์ทั้งหมดในเมืองเหยียน ข้าต้องการตามหาคน”
“ขอรับ!”
ภายในชั่วพริบตาเดียว กระจกโปร่งใสบนชั้นเจ็ดก็ปรากฏลวดลายขึ้น และมันก็แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ทั้งหมดภายในเมืองเหยียน
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ท่านปรมาจารย์เหยียนช่างเก่งกาจจริง ๆ จอภาพที่ครอบคลุมเช่นนี้เขาก็สามารถสร้างมันออกมาได้”
“ความสำเร็จในภายภาคหน้าของนายท่านก็ไม่มีทางอ่อนด้อยกว่านายท่านคนเก่าแน่นอน”
สถานที่รอบ ๆ ที่เผยให้เห็นนั้นมีหลายที่ที่ไม่มีผู้คนอยู่
ในที่สุดสถานที่แห่งหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้น ที่ตรงนั้นมีคนจำนวนนับพันคนอยู่
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึมว่า “ก็มีแต่ที่นี่แล้ว”
เมื่อจอภาพขยายใหญ่ขึ้น มู่เฉียนซีก็เห็นกับร่างที่คุ้นเคยหลายร่าง อารองกับอวิ๋นซิวก็อยู่ด้วย
พวกเขากำลังรีบมุ่งหน้าไปสถานที่หนึ่ง มู่เฉียนซีมองไปด้านข้าง ผู้ที่กลายเป็นท่านเจ้าเมืองแห่งเมืองเหยียนแน่นอนว่าต้องเข้าใจในเมืองเหยียนมาก
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม “สถานที่ที่พวกเขาจะไปก็คือแท่นบูชาฝังกระบี่”
“ในแท่นบูชาฝังกระบี่มีของล้ำค่าสิ่งใดกัน ทุกคนถึงได้รีบแห่กันไปเช่นนั้น?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
กลไกวิญญาณหมื่นกระบี่กล่าว “มันก็ไม่ได้มีอะไร ที่นั่นก็มีแค่อาวุธวิญญาณส่วนหนึ่งที่นายท่านคนเก่าหลอมไม่สำเร็จเอาไว้ก็เท่านั้น อาวุธวิญญาณที่หลอมสำเร็จอย่างแท้จริงล้วนแต่อยู่ในหอหมื่นกระบี่ทั้งสิ้น ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหล่ามนุษย์พวกนี้จะรีบไปที่นั่นกันทำไม”
มู่เฉียนซีกล่าว “รอดูต่อไปเดี๋ยวก็รู้”
ผนังทั้งหกชั้นของหอหมื่นกระบี่อันกว้างใหญ่ได้ฉายให้เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่แท่นบูชาฝังกระบี่แบบสามร้อยหกสิบองศา มันชัดเจนเสียยิ่งกว่าภาพสามมิติเสียอีก
คนกลุ่มนั้นรีบมุ่งหน้าไปที่แท่นบูชาฝังกระบี่ด้วยความรีบร้อน ที่นี่มีกระบี่นับไม่ถ้วนเสียบอยู่บนแผ่นศิลาของแท่นบูชาฝังกระบี่
ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์เหยียนได้หลอมออกมาไม่สำเร็จ แต่มันก็ยังมีคุณค่ามาก แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกเขาใจเต้นแต่อย่างใด สิ่งที่ทำให้พวกเขาใจเต้นนั้นก็คือกระบี่ที่อยู่ตรงใจกลางแท่นบูชานี้ต่างหาก
มันถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ แต่กลับแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจที่ทำให้ต้องยอมจำนน
เปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกว่ากำลังจะถูกแผดเผาดวงวิญญาณให้ดับสลายไปก็มิปาน
พวกเขาเห็นกระบี่อันยิ่งใหญ่เล่มนี้แล้ว มีคนหนึ่งอุทานขึ้นว่า “นี่คือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ!”
“ต้องใช่แน่ ๆ!”
ตัวกระบี่ซ่อนอยู่ในเปลวไฟ พวกเขามองไม่เห็นรูปลักษณ์ แต่พลังเช่นนี้นอกจากกระบี่ศักดิสิทธิ์นิรันดร์แล้ว ยังมีกระบี่อื่นอีกเหรอ
ทันใดนั้นเอง เสียงตัดผ่านอากาศนับไม่ถ้วนก็ดังขึ้น คนจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตัวไปที่กระบี่เล่มนั้นอย่างบ้าคลั่ง
แววตาของไป๋อู๋ห่ายเปล่งประกายความดุร้ายออกมา “กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี้ต้องเป็นของตำหนักตงจี๋ของพวกข้า หากพวกเจ้าไม่ยอมรามือ ข้าก็จะไม่ยั้งมือไว้ไมตรีกับพวกเจ้า!”
เปลวไฟนั้นแผดเผาอย่างแรงกล้า และทำให้ดวงตาของพวกเขาร้อนแผดเผาขึ้นเช่นกัน ความละโมบโลภมากนั้นไม่สามารถควบคุมได้จริง ๆ
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ผู้ที่มีโชควาสนาเท่านั้นถึงจะได้ไปครอบครอง! ถึงแม้ว่าตำหยักตงจี๋ของพวกเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ก็ใช่ว่าจะมีโชควาสนา เพราะฉะนั้นพวกข้าไม่มีทางยอมแพ้เป็นอันขาด!”
“ใช่! พวกเราไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”
หากเป็นปกติทั่วไป ไป๋อู๋ห่ายยังสามารถใช้พลังข่มขู่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้เห็นกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ จึงได้บ้าคลั่งไปเช่นนี้
ตราบใดที่ได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาครอบครอง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวตำหนักตงจี๋อีกต่อไปแล้ว
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักเป่ยหานก็ได้ออกคำสั่งแล้วเช่นกัน “หลิง! ข้าต้องการให้พวกเจ้าทุ่มเทอย่างสุดกำลังความสามารถ แย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ได้ หากมันผู้ใดกล้าคิดจะแย่งชิงกับพวกเรา มันผู้นั้นต้องตาย!”
นอกจากเปลวไฟที่แผดเผาแล้ว ยังรู้สึกได้ถึงเจตนาการสังหารที่กระทบไปที่ทุกคนอีกด้วย
หลิงได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้น เมื่อนึกถึงเรื่องทุกอย่างที่ซีเอ๋อร์พูด เขาก็รู้ทันทีว่าการปรากฏตัวของกระบี่เล่มนี้มันไม่ธรรมดาแน่นอน
ทว่า คำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุด หากขัดขืน เกรงว่าเขาจะถูกผู้อาวุโสสูงสุดฆ่าตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงจำต้องลงมือตามคำสั่ง!
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! จากการที่พวกเขาต่อสู้ เข่นฆ่า แย่งชิงกัน แท่นบูชาฝังกระบี่ก็ตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอย่างรุนแรง
กลิ่นอายของการเข่นฆ่าสังหารนี้ทำให้พวกเขาติดเชื้อ จากนั้นก็ยิ่งทำให้พวกเขาเข่นฆ่าสังหารจนสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้ว
เลือดสีแดงสดได้สาดกระเซ็นไปทั่วทั้งแท่นบูชาฝังกระบี่ สถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งน่าสลดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อมองดูกระบี่ที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟนั้นแล้ว มู่เฉียนซีก็พึมพำเสียงต่ำว่า “กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แน่นอน เหตุใดปรมาจารย์เหยียนถึงได้เอากระบี่เล่มนั้นวางไว้ตรงนั้น”
กลไกลวิญญาณตอบ “ไม่ถูก! นายท่านไม่หลอมกระบี่ที่มีกลิ่นอายการสังหารอันน่ากลัวเช่นนี้แน่นอน และต่อให้นายท่านต้องการจะหลอมก็ไม่สามารถหลอมออกมาได้ แล้วมันจะมาปรากฏอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นมันก็คือวิญญาณของกระบี่! มันอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย มันจงใจปรากฏตัวขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน แล้วให้ทุกคนเข่นฆ่าสังหารกันเองเช่นนี้ เจ้านั่นช่างมีรสนิยมที่ห่วยเกินไปแล้วจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่ร่างในชุดสีแดงเลือดนั้นด้วยความกังวลใจ ถึงแม้ว่าอารองจำเป็นต้องฟังคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุด แต่เขาก็เข้าใจที่จะหลีกเลี่ยงจากอันตราย ไม่ได้พุ่งเข้าไปที่กระบี่ปลอมเล่มนั้น แต่เฟิงอวิ๋นซิว เฟิงอวิ๋นซิวเขา…