ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1235 ทรยศหักหลังพระนาง
นักปรุงยาของตำหนักตงจี๋ล้วนแต่ยุ่งจนแทบจะเป็นลมแล้ว วุ่นวายกันมาทั้งวันในที่สุดก็สามารถล้างพิษในตำหนักตงจี๋ได้แล้ว
ทว่า การล้างพิษในครั้งนี้ทำให้ตำหนักตงจี๋ของพวกเขาไม่เหลือสมุนไพรวิญญาณแม้แต่ต้นเดียว สมุนไพรวิญญาณถูกใช้ไปจนหมดเกลี้ยง พลังชีวิตของนักปรุงยาทุกคนล้วนแต่ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
พวกเขากัดฟันกรอดพลางกล่าวว่า “มู่เฉียนซีแห่งหอหมอปีศาจนั่นช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว! ข้ามีชีวิตอยู่มาถึงอายุปูนนี้ ยังไม่เคยเห็นผู้ใดกล้าทำเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลย!”
“ไม่เพียงแค่โหดร้ายเท่านั้นนะ! สาวน้อยนั่นยังสิ้นเปลืองอีกด้วย! นางใช้สมุนไพรวิญญาณอย่างสิ้นเปลืองเพื่อปรุงยาพิษเหล่านั้นออกมายังไม่พอ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้พวกเราต้องสิ้นเปลืองสมุนไพรวิญญาณไปมากมายเพื่อล้างพิษอีก”
“……”
เหตุการณ์เช่นนี้ของตำหนักตงจี๋ กองกำลังอื่นต่างก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งเมื่อรู้ข่าว
ต่อให้พิษที่มู่เฉียนซีใช้เพื่อเล่นงานพวกเขามันจะไม่ทำให้พวกเขาตาย แต่ก็ทำให้ให้พวกเขาถังแตกได้! หอหมอปีศาจเป็นกองกำลังที่ไม่ควรเข้าไปยั่วยุอย่างเด็ดขาด
หลังจากล้างพิษในตำหนักตงจี๋เรียบร้อยแล้ว ไป๋อู๋ห่ายกับไป๋เหยียนเอ๋อร์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ไปรักษาอาการบาดเจ็บได้แล้ว
ตำหนักตงจี๋ของพวกเขาไม่มีสมุนไพรวิญญาณเหลือแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะหลอมยาลูกกลอนมารักษาอาการบาดเจ็บได้ “ไม่มีสมุนไพรแล้ว แล้วไปหาซื้อมาไม่ได้หรือไง?”
“ซื้อเหรอ! หอหมอปีศาจที่มียาลูกกลอนที่ดีที่สุดตอนนี้ปิดลงแล้ว หากไปซื้อยาลูกกลอนที่ร้านอื่น ประสิทธิภาพของยาก็ไม่อาจสู้ฝีมือของทุกท่านได้”
และแน่นอนว่ามีกองกำลังเล็ก ๆ มาเยี่ยมเยียนกันอย่างต่อเนื่อง แต่ไป๋อู๋ห่ายนั้นต้องเก็บตัวพักฟื้นและรักษาอาการบาดเจ็บ
หลังจากที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์รักษาอาการบาดเจ็บแล้ว นางก็นอนเอนกายพักผ่อนอยู่ในห้อง แต่จู่ ๆ ร่างในชุดขาวหลายร่างก็ปรากฏตัวขึ้นภายในห้องของนาง ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวขึ้นด้วยความตกใจ “ท่านหรง พวกท่านมาได้ยังไง?”
หรงเหรินกล่าว “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอารองผู้นั้นของมู่เฉียนซี ชื่อมู่เฟิงหลิงอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่!”
“แล้วตระกูลของนางยังมีใครอีกบ้าง?”
“มู่เฉียนซีนางเป็นผู้นำตระกูลที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่ง เป็นกองกำลังที่แม้แต่กองกำลังครึ่งระดับก็เป็นไม่ได้ ได้ยินมาว่าตั้งแต่นางได้กำเนิดออกมา ท่านพ่อกับท่านแม่ของนางก็ทิ้งนางเอาไว้ หลังจากนั้นอารองและพี่ชายของนางก็ไม่สนใจใยดีนาง ทิ้งนางไป ก็เหลือเพียงแค่อาเล็กผู้ตาบอดขาพิการของนางคนเดียวที่อยู่กับนาง”
“เจ้าขาพิการผู้นั้นชื่ออะไร?”
“ชื่อมู่อวู่ซวง!”
หรงเหรินเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ หายใจเข้าออกด้วยความตื่นตระหนก ขณะเดียวกันนั้นเฟิงอวิ๋นซิวที่แอบฟังอยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินเช่นนี้เข้าเขาก็หายใจเข้าออกด้วยความตื่นตระหนกเช่นกัน
มู่เฉียนซี มู่เฟิงหลิง มู่อวู่ซวง มันจะบังเอิญถึงเพียงนี้เลยเหรอ ถ้าหาก…
“แล้วท่านพ่อของมู่เฉียนซี เขาชื่ออะไร?” แววตาของหรงเหรินดุร้ายดุจดั่งงูพิษก็มิปาน!
“ท่านพ่อของนางชื่อมู่เฟิงอวิ๋น!”
“ฮ่า ๆ ๆ! มู่เฟิงอวิ๋น มู่เฟิงอวิ๋น…”
จำได้ว่าเมื่อครั้งนั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อเจ้านายของพวกเขาก็ได้ แต่สำหรับชื่อของมู่เฟิงอวิ๋น กลับดังก้องอยู่ในหูตลอดเวลา
ทั่วทั้งแดนซวนเทียน ไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้ชะตากรรมของมู่เฟิงอวิ๋น
มิน่าล่ะ มิน่าล่ะว่าเหตุใดสาวน้อยนั่นถึงได้หน้าตาเหมือนกับพระนางมากถึงเพียงนั้น ที่แท้นางก็เป็นบุตรสาวของมู่เฟิงอวิ๋นนี่เอง
หลายปีที่ผ่านมาไม่มีข่าวของคนในตระกูลมู่ ของมู่เฟิงอวิ๋นมานานมากแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะซ่อนตัวอยู่ในดินแดนสี่ทิศแห่งนี้ ครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มา แต่ตราบใดที่เอาข่าวนี้ไปรายงานให้พระนางทราบ เขาก็จะได้รับความดีความชอบอย่างแน่นอน
ไป๋เหยียนเอ๋อร์ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะรู้จักกับคนของตระกูลมู่เหล่านั้น เมื่อเห็นท่าทางและแววตาอันโหดร้ายนี้แล้ว ต้องไม่ใช่มิตรอย่างแน่นอน แต่เป็นศัตรู!
เขาต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด และในขณะที่เขาเดินออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับภูตผีพร้อมกับใช้มีดอันแหลมคมแทงทะลุหัวใจของเขา
หรงเหรินเบิกตากว้างขึ้น “เงาสังหาร!”
“เฟิง…อวิ๋นซิว…เจ้า…”
ภายใต้เงาสะท้อนของแสงจันทรานั้น บุรุษชุดดำปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ดูเหมือนว่าเขาจะไร้ซึ่งกลิ่นอายใด ๆ หน้าตาบุรุษชุดดำนี้เหมือนเฟิงอวิ๋นซิวมาก แต่ดวงตาคู่นั้นกลับดำสนิท
ภายใต้แสงจันทร์ เฟิงอวิ๋นซิวสวมชุดสีดำแดงยืนอยู่ แสงเย็นวาบผ่านดวงตาสีอำพันคู่นั้น
“นี่เจ้า…นี่เจ้ากล้าฆ่าข้า เจ้า…เจ้าจะทรยศพระนางอย่างนั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง?”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ความดีความชอบยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ข้าจะให้เจ้ารับไปได้อย่างไรกันเล่า ชีวิตบุตรสาวของมู่เฟิงอวิ๋น ข้าจะเอามาด้วยตัวของข้าเอง แล้วจะกลับไปรายงานกับพระนางด้วยตัวข้าเอง! ภารกิจการแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของเจ้าล้มเหลว ฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว” เงาดำนั้นลงมืออีกครั้ง
หรงเหรินไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ได้ตายด้วยทักษะเฉพาะของคนตระกูลเฟิง ข้าไม่เสียใจเลย! แต่เฟิงอวิ๋นซิว ทางที่ดีเจ้าพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วยล่ะ มิเช่นนั้นการทรยศหักหลังพระนาง เจ้าจะต้องตายอย่างน่าสังเวชยิ่งกว่าข้าแน่นอน!”
ตุบ! จากนั้นร่างของหรงเหรินก็ล้มลงไปอยู่ในกองเลือด
ลูกน้องของหรงเหรินเหล่านั้นต่างก็ตกใจหวาดกลัวจนตัวสั่น รีบคุกเข่าลงและกล่าวว่า “นายน้อยเฟิงได้โปรดไว้ชีวิตด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
ในตอนนี้พวกเขาพยายามขอร้องอ้อนวอน ไม่มีท่าทางดูถูกเหยียดหยามเฟิงอวิ๋นซิวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
พวกเขาลืมไปได้อย่างไร ว่าถึงแม้นายน้อยเฟิงจะมาอยู่ในดินแดนที่มีพลังต่ำเช่นนี้ แต่ทักษะลับของตระกูลเฟิงมันน่ากลัวมาก ไม่มีผู้ใดกล้าลองดีเป็นอันขาด
เฟิงอวิ๋นซิวมองพวกเขาด้วยความเย็นชา ก่อนจะพ่นคำพูดหนึ่งออกมา “ตายซะเถอะ!”
คำพูดเพียงประโยคเดียวได้ตัดสินชีวิตของพวกเขาแล้ว!
เมื่อเงาดำนั้นลงมือ พวกเขาก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะโต้ตอบ!
หากคิดหนี! ความเร็วของเงาดำนั้นรวดเร็วยิ่งนัก
อ๊า! เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
ในตอนนี้ไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้เห็นภาพเหล่านี้เข้าเต็มตาแล้ว สีหน้าของนางซีดขาวราวกระดาษ
ตัวประหลาดเงาดำผู้นั้นที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน เฟิงอวิ๋นซิวที่ลงมือฆ่ายอดฝีมือที่ลงมาจากด้านบนเหล่านั้นตายอย่างไร้ความปรานี นางได้เห็นทุกอย่างแล้ว เฟิงอวิ๋นซิวจะฆ่าปิดปากนางหรือไม่
พรวด! ในตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวกระอักเลือดคำโตออกมา และสีหน้าก็ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด
เงาดำผู้นั้นอันตรธานหายไป พลังที่ไม่สามารถควบคุมได้ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเขา ร่างของเขาโซเซจนเกือบจะล้มลงแล้ว
ไป๋เหยียนเอ๋อร์พรวดเข้าไปพลางกล่าว “เฟิงอวิ๋นซิว เจ้าบังอาจกล้าฆ่าท่านที่ถูกส่งตัวลงมา ความผิดนี้เจ้าต้องตายเป็นหมื่น ๆ ครั้ง ข้าจะแก้แค้นให้กับพวกเขา!”
พลันนั้นเงาดำอีกร่างหนึ่งก็กระโจนออกมา ปัง! ร่างของไป๋เหยียนเอ๋อร์กระเด็นลอยออกไป
ซวนอีรีบมาประคองเฟิงอวิ๋นซิวและกล่าวว่า “นายน้อย นายน้อย…”
“เหตุใดถึงทำเช่นนี้ นายน้อยลืมไปแล้วหรือว่าทำเช่นนี้มันอันตรายต่อนายน้อยมากแค่ไหน”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ฆ่าไป๋เหยียนเอ๋อร์ไม่ได้ มิเช่นนั้นไป๋อู๋ห่ายจะสงสัยเอาได้ เฉียนซีไม่ใช่ของเล่นที่จะส่งให้หญิงผู้นั้นกินเหมือนของเล่นอื่น เรื่องในค่ำคืนนี้นางจะต้องลืมให้สิ้น”
“ขอรับ!” ซวนอีกล่าวเสียงขรึม
“อีกเรื่อง…”
หลังจากที่ได้สั่งการเสร็จ เฟิงอวิ๋นซิวก็เป็นลมหมดสติไป ลมหายใจเขาก็ยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นกับตำหนักตงจี๋ มู่เฉียนซีไม่รู้เรื่องเลย ตอนนี้นางกำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในหอฉงโหลวบนเมฆา
สิ่งของที่อยู่ในหอฉงโหลวบนเมฆานั้นมีมากมายนัก ภายในเวลาสามวัน ร่างกายของมู่เฉียนซีก็ฟื้นตัวได้ดีขึ้นมากแล้ว
หอฉงโหลวบนเมฆากล่าวถามว่า “นายท่าน จะให้ข้าไปส่งนายท่านที่ใด กลับเซี่ยโจวหรือว่า…”
มู่เฉียนซีกล่าว “เราอยู่ในแดนตะวันออกไม่ได้แล้ว ที่นี่เป็นฐานที่มั่นของตำหนักตงจี๋! ถึงแม้ว่าข้าจะหนีมาได้ แต่ไป๋อู๋ห่ายกับคนพวกนั้นไม่มีทางยอมรามือแน่นอน”
“อารองกลับไปตำหนักเป่ยหานแล้ว ข้าไม่เป็นห่วงอารอง เราไปแดนเหนือเถอะ! ในแดนเหนือมีคนที่รู้เรื่องข้าไม่มากนัก ที่นั่นปลอดภัยและอ่อนแอกว่าแดนตะวันออก ข้าจะได้ตรวจสอบหอหมอปีศาจที่แดนเหนือด้วย”
หอฉงโหลวบนเมฆายิ้มพลางกล่าว “ได้เลย! ข้าจะออกเดินทางไปแดนเหนือเดี๋ยวนี้ นายท่านพักผ่อนเอาแรงสักหน่อย ประเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
มู่เฉียนซีพักผ่อนไปครู่หนึ่งก็เดินทางมาถึงแดนเหนือแล้ว การปรากฏตัวของหอฉงโหลวบนเมฆาทำให้เกิดการเคลื่อนไหวแน่นอน มู่เฉียนซีจึงให้มันหยุดในที่ที่ไม่มีผู้คน และแอบซ่อนอยู่ในชั้นเมฆ
มู่เฉียนซีกระโดดลงมาจากกลางอากาศ และที่แห่งนี้คือป่าดงพงไพรอันไร้ขอบเขต
หอฉงโหลวบนเมฆาหยุดลงในที่ที่ดีจริง ๆ ตอนนี้พลังของนางลดถอยลง และที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการฝึกฝนให้พลังของนางฟื้นฟูกลับมา
ทันทีที่ปลายเท้าของมู่เฉียนซีจรดลงบนพื้นดินก็ได้กลิ่นคาวเลือดโชยมาทันที หญิงสาวผู้หนึ่งเอนกายอยู่ที่ต้นไม้ข้าง ๆ ร่างของหญิงนางนั้นอาบไปด้วยเลือดสีแดงสดทั้งตัว เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนมา หญิงสาวผู้นั้นก็ลืมตาขึ้น ความโกรธแค้นชิงชังแผ่ซ่านออกมา “มู่หลินหลาง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะตามข้ามาถึงที่นี่ได้!”