ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1244 คารวะพระนาง
เยวี่ยเจ๋อกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนของพี่ใหญ่ ข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด”
“คนพวกนั้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด พวกเจ้าไม่มีผู้ใดสามารถรับมือกับพวกมันได้ หากพวกเจ้าอยากให้นางเดือดร้อนแล้วละก็ พวกเจ้าไม่ต้องไปก็ได้”
แน่นอนว่าเยวี่ยเจ๋อนึกถึงความปลอดภัยของมู่เฉียนซีเป็นอันดับแรก ยอดฝีมือระดับสูงสุด? เล่นนั้นพวกเขาก็คงไม่สามารถช่วยอะไรได้
ครั้นแล้ว เยวี่ยเจ๋อกับพวกจึงล่าถอยไป ภายใต้การกดขี่ของจิตสังหารเหล่านั้นที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งหุบเขาหานซิน ทำให้ทุกคนล้วนแต่ล่าถอยออกไป
ทันใดนั้นร่างในชุดขาวสิบกว่าร่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเหลิ่งหนิงจือ สีหน้าของเหลิ่งหนิงจือเคร่งขรึมลง นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มู่หลินหลางช่างดูถูกข้าเกินไปแล้วกระมัง! ที่ส่งองครักษ์ไป๋ที่ไม่ได้เรื่องอย่างพวกเจ้ามาจับข้าเช่นนี้”
คำว่าไม่ได้เรื่องทำให้คนเหล่านี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว “ร่างกายของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังของเจ้าก็ลดลงต่ำถึงขั้นนี้ พวกข้าจัดการเจ้าได้ไม่ยากหรอก!”
“คุณหนูเหลิ่ง อย่าได้ดึงดันอีกต่อไปเลยนะ”
พลันนั้นร่างของเหลิ่งหนิงจือก็กระพริบขึ้น จากนั้นนางก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าไปตายซะเถอะ!”
ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนคนมากมาย ที่มาจากอีกด้านหนึ่ง หากพลังของนางฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม นางก็สามารถหลบหนีได้ไม่มีปัญหา
แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของนางยังไม่ฟื้นฟูกลับมา นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ตูม!” ด้านนอกเกิดการต่อสู้ดุเดือดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันในสระหานซินตอนนี้ก็ได้เกิดกระแสน้ำวนก่อตัวขึ้น และพลังในสระก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของคนที่อยู่ก้นสระผู้นั้นอย่างบ้าคลั่ง
จักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม มู่เฉียนซีทะลวงพลังวิญญาณได้อีกขั้น
เลื่อนขั้นพลังวิญญาณมาสองระดับแล้ว แต่พลังในสระยังไร้ท่าทีที่จะหยุด ยังคงไหลพรั่งพรูเข้าสู่ร่างของมู่เฉียนซีอย่างต่อเนื่อง
หากเป็นคนอื่น ถูกพลังอันบ้าคลั่งเช่นนี้พรั่งพรูเข้าร่าง คาดว่าเส้นปราณพลังวิญญาณคงขาดสะบั้นและตายไปแล้วแน่นอน
แต่เนื่องจากครั้งก่อนพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีลดลงมา หลังจากที่เส้นปราณพลังวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและฟื้นตัวกลับมาดีแล้ว ก็ถูกขยายให้กว้างขึ้น ระดับเพียงเล็กน้อยแค่นี้นางรับไหวอยู่แล้ว
“อ่อนแอถึงเพียงนี้ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะตายยังไง!” คนชุดขาวเหล่านั้นเห็นว่าพลังของเหลิ่งหนิงจือลดลงถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง พวกเขาจึงดูถูกนางเป็นอย่างยิ่ง
บนร่างกายของเหลิ่งหนิงจือมีรอยบาดแผลเดิมอยู่แล้ว นางต้องอดทนให้ถึงที่สุด จะมาตายที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด
ตอนนี้นางกำลังเดิมพันอยู่!
มู่เฉียนซีช่วยนางไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ได้ช่วย ชายชุดเขียวผู้ลึกลับผู้นั้น เขาก็อยู่แถวบริเวณนี้ แต่นางรู้ดีว่าหากไม่มีคำสั่งของมู่เฉียนซี ต่อให้นางต้องตายต่อหน้าเขา เขาก็ไม่มีทางลงมือช่วยนางแน่นอน
ดังนั้น นางจะต้องอดทนจนกว่ามู่เฉียนซีจะออกมา
ฉึก ฉึก! บนร่างของเหลิ่งหนิงจือมีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีก
คนชุดขาวเหล่านี้ก็แสดงออกว่ามีความสุขมากกับท่าทางที่เจ็บปวดทรมานของนาง พวกเขาไม่ยอมโจมตีคร่าชีวิตนาง แต่กลับทรมานนางอย่างต่อเนื่อง
คาดว่าคงอีกไม่นาน เหลิ่งหนิงจือจะต้องน่าสังเวชกว่าตอนที่เจอกับมู่เฉียนซีในครั้งแรกเป็นแน่
มู่เฉียนซีกลับไม่รู้เลยว่าด้านนอกเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น พลังในร่างกายที่สะสมจนถึงตอนนี้ ทำให้นางทะลวงพลังวิญญาณขึ้นอีกครั้ง
จักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ พลังอันบ้าคลั่งนั้นทำให้พลังวิญญาณของนางถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่พลังวิญญาณเต็มเปี่ยมที่จะทะลวงขั้นต่อไป
โดยปกติแล้วเพียงแค่สองระดับก็นับว่าถึงขีดจำกัดแล้ว ยิ่งดำดิ่งลึกลงไปถึงก้นสระแล้วเพิ่มพลังได้สามระดับก็นับว่าถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน
พลังในสระหานซินกลับมาสงบอีกครั้ง หากต้องการจะใช้อีก คาดว่าคงต้องรอครั้งต่อไป
ฉ่า! มู่เฉียนซีโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ และนางก็พบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ตรงนี้เลยนอกจากนาง
นางคงจะใช้เวลาไปค่อนข้างมาก เยวี่ยเจ๋อกับพวกที่รออยู่ด้านนอกคงจะเป็นห่วงนางมากแล้ว รีบออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า
ในตอนที่เข้ามานั้นมีอุปสรรคมากมาย ตอนออกไปกลับออกไปได้อย่างง่ายดาย สบายไม่น้อย
แต่เมื่อมู่เฉียนซีมาถึงริมสระ จู่ ๆ ก็เห็นเหลิ่งหนิงจือร่างอาบเลือดกำลังต่อสู้อยู่กับคนชุดขาวกลุ่มนั้น
เสื้อผ้าที่คนชุดขาวกลุ่มนั้นสวมใส่นางคุ้นตามาก เหมือนกับคนที่ร่วมกันกับไป๋อู๋ห่ายกลุ่มนั้นมาก
เหลิ่งหนิงจือที่มีกำลังอันแข็งแกร่งเกรียงไกรตอนนี้ทรุดจนเป็นม้าตีนปลายไปแล้ว ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะเพลิดเพลินกับความทรมานปางตายของนางเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เหลิ่งหนิงจือก็ยังคงอดทนยืนหยัดอยู่ไม่ยอมแพ้ ใบหน้าไร้ซึ่งการแสดงออกถึงความอ่อนแอ
มู่เฉียนซีไม่ได้หุนหันพลันแล่นพรวดพราดออกไป ฝ่ายตรงข้ามมีคนจำนวนมาก อีกอย่างทุกคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น
หากพรวดพราดออกไปช่วยก็จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
มู่เฉียนซีหันมองไปมา ใช่แล้ว!
นางเปลี่ยนจากเสื้อผ้าปกติออกและสวมชุดหรูหรางามตา
ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าเหล่านี้จะดูซับซ้อนใส่ยาก และนางก็ไม่ได้ใส่บ่อย ๆ แต่ตระกูลมู่กลับมีเสื้อผ้าเหล่านี้อยู่ไม่น้อยเลย ได้ยินท่านอาเล็กบอกเอาไว้ว่าเป็นสิ่งของที่ท่านพ่อผู้ไร้ความรับผิดชอบและทิ้งภาระให้ลูกสาวผู้นั้นทิ้งเอาไว้ให้
นับตั้งแต่อายุหนึ่งปีถึงยี่สิบปี ของเหล่านั้นมีอยู่เต็มคลังไปหมด เมื่อนางเห็นครั้งแรกก็ถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง สมกับเป็นตระกูลที่มั่งคั่งจริง ๆ!
เพื่อไม่เป็นการหักหาญน้ำใจของท่านพ่อ นางจึงเอาออกมาไม่น้อยเลย และตอนนี้ก็ควรจะเอามาใช้ประโยชน์ได้แล้ว
หลังจากที่มู่เฉียนซีเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แม้แต่หุบเขาหานซินที่ค่อนข้างแห้งแล้งนี้ ในตอนนี้ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นวังอันงดงามโอ่อ่าไปแล้วก็มิปาน
ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวเหยียบบนสะพานและเดินออกไป
“พอแล้ว! อย่ามัวแต่เสียเวลากับหญิงไร้ประโยชน์ผู้นี้อีกต่อไปเลย ฆ่าแล้วเอาหัวนางไปรับความดีความชอบเลยเถอะ!” หนึ่งในคนชุดขาวกล่าวขึ้น
“พี่ใหญ่พูดถูก พวกเราเสียเวลากับสถานที่ต่ำ ๆ นี่มานานมากพอแล้ว”
กล่าวจบ กระบี่ของเขาก็ขยับง้างสูงขึ้น เตรียมพร้อมจะตัดหัวเหลิ่งหนิงจือ
เหลิ่งหนิงจือไม่อยากตาย ทว่าตอนนี้ร่างของนางล้มลงไปกับพื้น และไร้เรี่ยวแรงที่จะหลบหลีกแล้ว
และในตอนนี้เอง น้ำเสียงอันเย็นชาไร้ร่องรอยของคลื่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
น้ำเสียงอันเย็นชาอย่างไร้ความปรานีนั้น ทำให้พวกเขาเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง การปรากฏตัวของนางทำให้ความสวยงามของโลกใบนี้จืดชืดลงทันใด
คนเหล่านี้เห็นเข้าต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดจนพูดไม่ออก
ชายชราผู้หนึ่งที่อยู่ในกลุ่มนั้นคุกเข่าลงทันที “ข้าน้อยคารวะพระนาง!”
“พระนาง เป็นพระนางจริง ๆ ด้วย…” คนอื่นก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
พลังความแข็งแกร่งของเหล่าองครักษ์ไป๋ไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่นัก และไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเคยเห็นโฉมหน้าของพระนางได้
มีเพียงแค่องครักษ์ไป๋ที่มีความสามารถบางคนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นพระนางจากที่ไกล ๆ ได้ เพียงเห็นแค่แวบตาเดียว พวกเขาก็ไม่อาจลืมได้
ตุบ ตุบ ตุบ! เผชิญหน้ากับสตรีสูงศักดิ์เช่นนี้ พวกเขาทำได้เพียงแค่คุกเข่าลงราวกับเป็นฝุ่นผงก็มิปาน
ใบหน้าของเหลิ่งหนิงจือซีดเผือดลง จ้องมองหญิงสาวผู้นั้น “มู่หลินหลาง มู่หลินหลาง…”
ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสมองเลอะเลือนไปเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมานางก็พบว่ามันผิดปกติ!
นี่ไม่ใช่มู่หลินหลาง แต่เป็น…
ชั่วพริบตาเดียว จิตสังหารหนึ่งก็บีบบังคับเข้ามาอย่างไร้ซึ่งสุ้มเสียง
ในขณะที่พวกเขาคุกเข่าให้มู่เฉียนซีด้วยความเคารพ ชิงอิ่งก็ลงมือแล้ว
ปัง ปัง ปัง! พวกเขาเพ่งเล็งความสนใจทั้งหมดไปที่ ‘พระนาง’ ของพวกเขา จึงไม่ได้เตรียมป้องกันอันตรายบริเวณรอบ ๆ เอาไว้เลย
ดังนั้น ทันทีที่ชิงอิ่งลงมือ ภายในชั่วพริบตาเดียวก็ฆ่าไปแล้วสามคน
พวกเขาตกใจรีบตะโกนขึ้นว่า “คุ้มกันพระนางเร็วเข้า!”
แม้แต่องครักษ์ไป๋ที่อ่อนแอที่สุด ในดินแดนสี่ทิศ ก็มีคนไม่มากที่สามารถต้านทานเขาได้
ไม่นานนัก พวกเขาก็ห้อมล้อมชิงอิ่งเอาไว้ และคนอีกส่วนหนึ่งก็ถอยไปคุ้มกันข้างกายมู่เฉียนซี
“นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ ถึงได้กล้ามาลอบโจมตีพวกข้าเช่นนี้?” ผู้ที่เป็นพี่ใหญ่ผู้นั้นถลึงตาจ้องมองชิงอิ่ง
ดวงตาของชิงอิ่งกวาดมองไปที่พวกเขา และพ่นคำคำหนึ่งออกมา “ตายซะ!”
ตูม! ชิงอิ่งต่อสู้กับพวกเขาทันที และมู่เฉียนซีที่ถูกพวกเขาคุ้มกันความปลอดภัยให้อยู่ในตอนนี้ปลายนิ้วของนางก็เคลื่อนไหวแล้ว เข็มยาทั้งหมดพุ่งออกไปโจมตีคนทั้งสี่ที่อยู่ตรงหน้านางราวกับสายฝน
.