ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1247 เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ
สีหน้าของพี่ใหญ่ผู้นั้นพลันดำคล้ำลงแล้ว!
กับดัก! นี่มันกับดักบ้าอะไรกัน!
นั่นมันยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ชัด ๆ เขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน อีกทั้งยังเป็นยาที่มีคุณภาพดีมากอีกด้วย
“รีบทำลายยาลูกกลอนนั่นซะ เร็วเข้า!”
ทว่า การตอบสนองของเขานับว่าช้ามาก
ในขณะที่น้องเล็กของเขาลงมือ มู่เฉียนซีก็มอบยาลูกกลอนเม็ดนั้นให้เหลิ่งหนิงจือแล้ว
นางกล่าว “รีบกินเร็วเข้า เจ้าพวกสารเลวพวกนั้นรอเจ้าฟื้นฟูพลังและรอเจ้าไปจัดการอยู่นะ!”
เหลิ่งหนิงจือกลืนยาลูกกลอนเม็ดนั้นเข้าไป เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่พรวดพราดเข้ามาเช่นนี้ เข็มยาหลายเข็มของมู่เฉียนซีก็พุ่งไปต้อนรับทันที
แต่น่าเสียดายที่พลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่นั้น สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ควรค่าที่จะกล่าวถึงเลย
“รนหาที่ตาย!” ในขณะที่กำลังจะลงมือฆ่ามู่เฉียนซีอย่างโหดร้ายนั้น จู่ ๆ ร่างในชุดเขียวก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับภูตผี และบีบคอน้องเล็กผู้นั้นหักลงอย่างง่ายดาย
“บัดซบ!” ผู้เป็นพี่ใหญ่ผู้นั้นจึงเข้าไปต่อสู้กับชิงอิ่งอีกครั้ง
ชิงอิ่งได้ต่อสู้พัวพันอยู่กับพวกเขาหลายคน และสิ่งนี้ก็ทำให้สีหน้าของผู้ที่เป็นพี่ใหญ่ผู้นั้นย่ำแย่ลงมากขึ้น
ตอนนี้เขารู้จุดอ่อนของเจ้าหุ่นเชิดบัดซบนี้แล้ว ตราบใดที่จับผู้เป็นนายของเจ้าหุ่นเชิดนี่เอาไว้ได้ เจ้านี่ก็ไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเอง เขาได้หยิบเอากระบี่เล่มหนึ่งออกมาแทงหัวใจของตัวเอง เลือดหยดหนึ่งถูกเขาบีบบังคับให้ไหลออกมา
ดวงตาคู่นั้นของคนผู้นี้พลันแดงก่ำขึ้น “ข้านึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะถูกตัวประหลาดเช่นเจ้าบีบให้ข้ามาถึงจุดนี้ได้!”
บีบบังคับเอาเลือดออกมาเพื่อใช้ทักษะลับ และความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพียงพอที่จะต่อสู้กับชิงอิ่งได้แล้ว
ปัง! แต่ถึงกระนั้น การโจมตีของเขาเมื่อกระแทกเข้ากับร่างของชิงอิ่ง ก็ยากที่จะทำให้ชิงอิ่งได้รับบาดเจ็บได้
“นึกไม่ถึงเลยว่าดินแดนสี่ทิศจะมีหุ่นเชิดที่ร่างกายแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากจับเจ้านี่ไปให้พระนางได้ จะต้องได้รับความดีความชอบอันใหญ่หลวงแน่ หุ่นเชิดที่วิเศษเช่นนี้ ไม่เหมาะกับหญิงสาวชาวป่าผู้นั้นแม้แต่น้อย” เขาพึมพำเสียงเบา
แผนการของเขาในตอนนี้ไม่ใช่การฆ่าชิงอิ่งอีกต่อไปแล้ว แต่กลับพัวพันกับชิงอิ่งอย่างไม่ยอมเลิกรา
หากจัดการกับสาวน้อยผู้นั้นได้แล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่มีผู้ใดมาขวางภารกิจกำจัดเหลิ่งหนิงจือของเขาเท่านั้น แต่ยังสามารถเอาตัวหุ่นเชิดผู้แข็งแกร่งนี้กลับไปมอบให้พระนางได้อีกด้วย
เขาวางแผนสำเร็จแล้ว ฆ่าชิงอิ่งไม่ได้ แต่เพียงพอที่จะพัวพันกับชิงอิ่งได้ และนี่ทำให้คนอื่นมีโอกาสลงมือกับมู่เฉียนซีและเหลิ่งหนิงจือ
“เพลิงเผาสวรรค์!” อู๋ตี้กับเสี่ยวหงกำจัดศัตรูที่โดนพิษสองคนนั้นได้แล้ว แต่ตอนนี้การขวางยอดฝีมือขั้นสูงสุดที่ไม่โดนพิษนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก!
ปัง! เพียงการโจมตีแค่ครั้งเดียว พวกมันก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว
บัวอัคคีดอกหนึ่งบานสะพรั่งอยู่กลางอากาศ มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีสีแดงฉานพุ่งโจมตีไปที่กลุ่มคนตรงหน้า
พลังของบัวอัคคีค่อนข้างน่ากลัว แต่พลังของพวกเขาคือขั้นสูงสุด เพียงพอที่จะต้านทานได้
“เจ้ายอมแพ้ซะโดยดีเถอะ! จักรพรรดิแห่งภูติระดับสี่ พลังอ่อนแอเช่นนี้ ดันทุรังต่อไปก็ไร้ประโยชน์!”
ในขณะที่พวกเขาเข้าไปใกล้ น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “แล้วหากว่าข้าเป็นคนลงมือล่ะ มันจะยังไร้ประโยชน์อยู่อีกหรือไม่?”
ทันใดนั้นเอง เหลิ่งหนิงจือก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี จิตสังหารเผยออกมาจากดวงตาคู่นั้น ทำให้คนเหล่านั้นถึงกับถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
“เจ้า…นี่พลังของเจ้ากลับคืนมาแล้ว!”
พวกเขารู้สึกว่าเหลิ่งหนิงจือฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับมาได้แล้วจริง ๆ พระนางตามไล่ฆ่านางมานานมากแล้วก็ยังฆ่านางให้ตายไม่ได้ เหลิ่งหนิงจือช่างเป็นคนที่กระดูกแข็งจริง ๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่รับมือได้ยากมากคนหนึ่งด้วย
ทันใดนั้น เหลิ่งหนิงจือก็ลงมือแล้ว
อ๊า! เปลวไฟกระทบลงบนร่างเขาจนเกิดเป็นรูเลือดขนาดใหญ่
เปลวไฟแผดเผาพวกเขาจนสิ้น!
เหลิ่งหนิงจือไม่ใช่คนใจอ่อน ตอนนี้นางมีโอกาสแล้ว นางไม่มีทางเกรงใจสุนัขรับใช้พวกนี้แน่นอน
เมื่อพลังของเหลิ่งหนิงจือฟื้นฟูกลับมาแล้ว นางก็เริ่มฆ่าสังหารไปทั่ว มู่เฉียนซีปลอดภัยแล้ว แม้แต่อู๋ตี้กับเสี่ยวหงก็ว่างไม่มีอะไรให้ทำแล้ว พวกมันจึงไปซุกซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฉียนเพื่อขอให้นางปลอบขวัญให้กำลังใจ
มู่เฉียนซีมองร่างที่กำลังต่อสู้นั้นของเหลิ่งหนิงจือ “แข็งแกร่งมากจริง ๆ! บางทีภายในสามปีนี้ข้าอาจจะทำเงินได้ไม่น้อย”
พี่ใหญ่ผู้นั้นที่กำลังต่อสู้ประมืออยู่กับชิงอิ่งได้แต่มองดูลูกน้องของตัวเองถูกเหลิ่งหนิงจือฆ่าตายไปทีละคน เขาโกรธจนดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟแล้ว
“เหลิ่งหนิงจือ เจ้า เจ้า…”
ผลัวะ! ชิงอิ่งชกเขาไปหนึ่งหมัดจนร่างของเขากระเด็นลอยออกไป
เมื่อเขาลุกขึ้นมาอีกครั้ง ก็เปลี่ยนคู่ต่อสู้ไปต่อสู้กับเหลิ่งหนิงจือ น้องชายเหล่านั้นของเขาถูกนางฆ่าตายไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!
ชิงอิ่งกลับไปอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี
“เจ้า…เหตุใดพลังของเจ้าถึงได้ฟื้นฟูกลับมาได้เร็วถึงเพียงนี้ เจ้า…” เขายังคงไม่อยากจะเชื่อ
อันที่จริงแล้วเหลิ่งหนิงจือเองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์เม็ดนั้นช่างวิเศษมาก ฟื้นฟูพลังกลับมาได้เร็วถึงเพียงนี้ นางเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว”
เจ้าหมอนั่นที่พลังแข็งแกร่งขึ้นถึงสองเท่าก็ไม่ใช่ธรรมดา ถึงแม้ว่าพลังของเหลิ่งหนิงจือจะฟื้นฟูกลับมาแล้ว แต่ก็ยังคงสู้รบกันอย่างยากที่จะสลัดหลุดได้
เสียง พรวด! ดังขึ้น พี่ใหญ่ผู้นั้นกระอักเลือดคำโตออกมา ชั่วครู่หนึ่งพลังของเขาก็อ่อนแอลง
ฉวยโอกาสตอนศัตรูกำลังแย่เอาชีวิตของมัน เหลิ่งหนิงจือลงมืออย่างโหดเหี้ยม ทุกกระบวนท่าล้วนแต่เป็นกระบวนท่าสังหารทั้งสิ้น ทำให้ร่างกายเขาเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน
แม้แต่เหลิ่งหนิงจือเพียงคนเดียว เขาก็รับมือไม่ไหวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหุ่นเชิดผู้นั้นเลย
ชายชุดขาวกัดฟันกรอดพลางกล่าวออกมาว่า “เหลิ่งหนิงจือ ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่นอน”
จู่ ๆ พลังทั้งหมดในร่างกายเขาก็รุนแรงขึ้น ครั้งนี้ไม่ใช่การบีบบังคับใช้ทักษะลับอีกต่อไป แต่เป็นการทำลายตัวเอง
สีหน้าของเหลิ่งหนิงจือพลันเปลี่ยนไป อยากจะหนีแต่อีกฝ่ายต้องการพัวพันกับนางอย่างสุดชีวิต นางไม่สามารถสลัดหลุดออกไปได้เลย
เขาตั้งใจจะลากนางให้ตายไปพร้อมกับเขา!
“เหอะ ๆ ๆ! ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะทำภารกิจที่พระนางมอบให้ให้สำเร็จ” ใบหน้าของชายชุดขาวเผยรอยยิ้มอันบ้าคลั่งออกมา
“ชิงอิ่ง!”
มู่เฉียนซีพุ่งออกไปตรงหน้าเหลิ่งหนิงจือ ชิงอิ่งพัวพันกับชายชุดขาวผู้นั้น ส่วนมู่เฉียนซีลงมือผลักเหลิ่งหนิงจือออกไป
ร่างเหลิ่งหนิงจือกระเด็นลอยออกไป นางตะโกนขึ้นด้วยความตกใจว่า “เจ้า…นี่เจ้าทำอะไรของเจ้า?”
คนผู้นี้ไม่ใช่เห็นแก่พลังความแข็งแกร่งของนางเพื่อที่จะใช้งานนางหรอกเหรอ หากตายไปแล้วนางจะทำงานให้ผู้ใดกันล่ะ
เหลิ่งหนิงจือตะโกนขึ้นว่า “มู่เฉียนซี นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง?”
ในตอนนี้เอง น้ำเสียงอันราบเรียบก็ดังขึ้น “ข้าก็ปกติดีทุกอย่างนะ”
เหลิ่งหนิงจือยังไม่ทันกลับไป จู่ ๆ พลังอันมหาศาลก็ได้ปะทุออกมาจากร่างชายชุดขาวผู้นั้น คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมาโดยมีชายชุดขาวผู้นั้นเป็นศูนย์กลาง
อู๋ตี้กับเสี่ยวหงลากเหลิ่งหนิงจือที่กำลังยืนอึ้งอยู่ออกมา “ปกติแล้วหญิงสาวผู้นี้เป็นคนที่มีสติปัญญาดีมาก แต่ตอนนี้กลับโง่เขลานานถึงเพียงนี้ไปได้! หากยังรีบไปมีหวังตายแน่ นี่มันพลังการทำลายตัวเองของยอดฝีมือขั้นสูงสุดเชียวนะ!”
เสียง ตูม! ดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้น บนพื้นปรากฏรอยแยกแตกสลายขึ้น สัตว์วิญญาณบริเวณโดยรอบต่างพากันหนีเอาชีวิตรอด
เหลิ่งหนิงจือมองไปยังจุดที่ฝุ่นควันปกคลุมนั้นอย่างเหม่อลอย นางเป็นเด็กกำพร้า ใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาโดยตลอด เพราะนิสัยที่แปลกประหลาดของนาง นางจึงไม่เคยมีสหายมาก่อนเลย
.