ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1369 รูปร่างใช้ได้
อินรั่วเฉินกล่าว “อาตมายังไปไม่ได้”
“เจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าของที่ข้ามีมันล้ำค่ากว่าของที่นี่มาก เหตุใดต้องไปเสี่ยงอันตรายด้วย” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“มันสำคัญมากเลยเหรอ? ช่างน่าแปลกใจเสียจริง” อินรั่วเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มู่เฉียนซีมองเขาพลางกล่าว “ข้ารู้ดีกว่าเจ้าว่าที่นี่มันอันตรายมากแค่ไหน แต่เจ้าคิดว่าจะหนีไปตอนนี้ได้เหรอ?”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น จากนั้นประตูตำหนักสีทองอร่ามนี้ก็ค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ
ฟึ่บ!
เพียงแต่ว่า ในระหว่างที่ประตูเปิดนั้น คมศรกักวิญญาณอันแหลมคมนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาราวกับสายฝน
แสงแห่งธรรมสว่างเจิดจ้าขึ้น อินรั่วเฉินลงมือขวางการโจมตีของคมศรเหล่านั้นไว้
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีสีแดงฉานโจมตีไปและทำลายล้างคมศรสีทองเหล่านั้นได้
ปัง ปัง ปัง!
คมศรอันแหลมคมรวมตัวกันอย่างหนาแน่น ดูเหมือนว่าจะโจมตีออกมาอย่างไม่มีวันหมดสิ้นก็มิปาน
อีกทั้งความเร็วของมันก็เร็วมากด้วย มู่เฉียนซีกล่าว “อินรั่วเฉิน สถานการณ์ตอนนี้เรามีเพียงแค่สองทางเลือกเท่านั้นแล้ว ถอยกับเข้าไป เจ้าเลือกสิ่งใด?”
อินรั่วเฉินกล่าว “เข้าไป!”
“งั้นเจ้าก็ตั้งรับ ข้าจะโจมตีเข้าไป”
“ตกลง!”
แสงแห่งธรรมสว่างเจิดจ้ายิ่งขึ้น ก่อนที่มันจะก่อตัวเป็นแสงสีทองและขวางคมศรตรงหน้าไว้ ทำให้คมศรเหล่านั้นทำร้ายพวกเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
ในขณะที่กระบี่กวัดแกว่งออกไป พลังธาตุวารีก็ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมา
พวกเขาเข้าใกล้ประตูมากขึ้นเรื่อย ๆ คมศรเหล่านั้นถูกพวกเขาสองคนขวางเอาไว้ได้ทั้งหมด
“บุกเข้าไปเลย!”
ทั้งสองร่วมมือกันได้ดีมาก ในที่สุดพวกเขาก็บุกเข้าไปได้ในวินาทีสุดท้าย
ร่างของทั้งสองพุ่งเข้าไปด้านใน ไม่มีการข่มขู่จากคมศรนั้นแล้ว แต่เปลวไฟสีทองนั้นได้พลันเปลี่ยนเป็นขวานขนาดใหญ่และพุ่งตรงเข้ามาหมายจะฟันไปที่ทั้งสอง
บัดซบ! นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนั่นจะเหลือการโจมตีเอาไว้!
ผลั๊วะ! อินรั่วเฉินผลักมู่เฉียนซีออก แสงแห่งธรรมสีทองนั้นได้ตั้งรับการโจมตีของขวานเล่มนั้นเอาไว้
ฉ่า!
ภายในชั่วพริบตาเดียว กำบังสีทองของแสงแห่งธรรมนั้นก็ปรากฏรอยปริแตกขึ้น
“อินรั่วเฉิน!”
เมื่อขวานนั้นตกลงไป เปลวไฟสีทองก็ได้กลืนกินอินรั่วเฉินเข้าไปจนไม่สามารถมองเห็นได้ สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไปทันที
เสี่ยวหงบ่นพึมพำ “เจ้าหมอนี่ปลิ้นปล้อนไม่เปลี่ยนเลย อุบายชั่วร้ายเช่นนี้มันชอบใช้เป็นที่สุด”
“แม้ว่าตอนนี้เปลวไฟของมันจะอ่อนแอลงเล็กน้อย แต่พระท่านนี้ก็มีพลังแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเท่านั้น เกรงว่าจะถูกเผาจนเหลือแค่กระดูกไปแล้วล่ะ”
อันที่จริงเสี่ยวหงก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคนผู้นี้จะเป็นพระ แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นศัตรูหัวใจของท่านจิ่วเยี่ย
ศัตรูหัวใจตายไปคนหนึ่ง ความกดดันของมันก็จะลดน้อยลง และเพื่อจะไม่เป็นการทำให้องค์ชายจิ่วเยี่ยคิดว่ามันไม่ตั้งใจทำงาน
“มังกรวารีพิฆาต!”
มู่เฉียนซีรีบใช้พลังธาตุวารีทั้ง เนื่องจากพลังธาตุวารีของนางนั้นเป็นดาวร้ายของเปลวไฟทั้งปวง
มันสามารถยับยั้งธาตุอัคคีของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณได้ และแน่นอนว่าจะสามารถยับยั้งเปลวไฟภาพลวงตานี้ได้เช่นกัน
หลังจากที่เปลวไฟสีทองนั้นได้อันตรธานหายไป มู่เฉียนซีก็เห็นร่างที่รอดปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ของอินรั่วเฉิน
จะพูดว่าสมบูรณ์นักก็ไม่ใช่ เพราะเสื้อผ้าของเขาถูกไฟเผาไหม้จนเกลี้ยงแล้ว
บนร่างกายของเขามีหยดน้ำเกาะอยู่นับไม่ถ้วน เส้นผมดำขลับเปียกโชกสยายลงมาอย่างมีเสน่ห์
เส้นผมสีดำขลับกับผิวที่ขาวราวหิมะนั้นผสานกันจนเห็นได้ถึงสีที่แตกต่างอย่างชัดเจน
โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องผู้นี้ ไม่นึกเลยว่าจะมีเสน่ห์ถึงเพียงนี้
สิ่งนี้สามารถทำให้คนตาบอดได้แน่นอน
มู่เฉียนซีรีบหันหน้าหลบ การที่เห็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินในสภาพเช่นนี้ นางกลัวเหลือเกินว่าจะโดนแคว้นเทพฟ้านอินฆ่าปิดปาก โชคดีนักที่เหลือบมองเห็นแค่เพียงท่อนบนเท่านั้น
อินรั่วเฉินได้สติกลับมา เมื่อเห็นสภาพเปลือยเปล่าของตัวเอง สีหน้าของเขาก็ดูเหมือนจะลุกเป็นไฟก็มิปาน
ในฐานะที่เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นเทพฟ้านอิน เขาไม่ใช่แค่มีใจรักษาความบริสุทธิ์เท่านั้น แม้แต่ร่างกายของเขาก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เห็นนี้ก็ยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย
เขาตื่นตระหนกตกใจเล็กน้อย และยังคงยืนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น
“ค่อก ค่อก ค่อก!” เมื่อรู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มู่เฉียนซีจึงส่งเสียงไอค่อกแค่กขึ้น
“อินรั่วเฉิน แม้ว่ารูปร่างของเจ้าจะดูไม่เลวเลย แต่การที่เจ้ายืนเปลือยอยู่เช่นนี้มันก็ดูไม่ดีเท่าไรนะ รีบสวมเสื้อผ้าซะเถอะ!”
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของอินรั่วเฉินก็แดงก่ำขึ้น และร่างกายก็พลันแดงระเรื่อไปทั้งตัว
เขารีบเอาเสื้อผ้าออกมาใส่ จากนั้นมู่เฉียนซีถึงจะหลังกลับมา
ความแดงก่ำบนใบหน้าเขายังคงอยู่ ทันทีที่รับรู้ได้ถึงสายตาของมู่เฉียนซี เขาก็ไม่กล้าสบตานาง ทำได้เพียงก้มหน้าลง
“เมื่อครู่ เอ่อ…ข้าเสียมารยาทแล้ว ขะ ข้า…”
โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินผู้ซึ่งใช้คำพูดหลักธรรมคำสอนทางศาสนาอย่างมีอารมณ์คมคายมาโดยตลอด ตอนนี้กลับพูดจาตะกุกตะกักขัดเขินเสียแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางเขาเช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็ไม่อยากแกล้งเขาอีกต่อไป
มู่เฉียนซีกล่าวติดตลกว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว จะเคร่งเครียดไปทำไม ข้าไม่ใช่คนที่กินไม่เลือกลงมือกับพระนะ ต่อให้รูปร่างหน้าตาของเจ้าจะดูเข้าท่าก็ตาม!”
สุดท้ายอินรั่วเฉินก็ยังคงเคร่งเครียดอยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าว “เมื่อครู่ข้าต้องขอบใจเจ้ามากที่ช่วยเหลือ ข้าจะบอกเรื่องที่ข้ารู้กับเจ้า แต่ข้าว่าเจ้าก็คงจะรู้ดีว่าฝักกระบี่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ที่นี่!”
ตอนนั้นตอนที่มังกรเพลิงเป็นงูตัวเล็ก ๆ อินรั่วเฉินก็รู้ว่า มันคือวิญญาณกระบี่ ดังนั้นหากตอนนี้เขาจะรู้ว่าที่นี่มีฝักกระบี่อยู่ มู่เฉียนซีจึงไม่ตกใจแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินผู้นี้จะรู้เรื่องราวมากมาย!
อินรั่วเฉินไม่ได้ปฏิเสธ เขาพยักหน้ายอมรับ “ใช่! ข้ารู้ว่าที่นี่มีฝักกระบี่อยู่ แล้วก็รู้ดีด้วยว่าฝักกระบี่เป็นภาชนะที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการปราบผยศผู้ที่กระหายเลือดอย่างพิฆาตวิญญาณ”
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำว่า “ดูท่าเจ้าก็รู้มาไม่น้อยเหมือนกันนะ เช่นนั้นเจ้าก็คงจะรู้จักพิฆาตวิญญาณดีกระมัง!”
“แคว้นเทพฟ้านอินของพวกเรามีบันทึกของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อย่างละเอียด” อินรั่วเฉินตอบ
“แต่ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ได้คิดอะไรมาก?”
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ไม่ใช่เพียงแค่การได้มาเท่านั้น ผู้ที่ถูกลิขิตมาเท่านั้นที่จะได้เป็นเจ้าของมัน ส่วนผู้ที่ไม่ได้ถูกลิขิตเอาไว้ต่อให้พยายามเพียงใด ก็จะได้กลับไปเพียงความว่างเปล่า”
ดวงตาอันสดใสที่ชัดเจนคู่นั้นดูเหมือนจะสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่เป็นเท็จได้อย่างแท้จริง
สงบ มีสติปัญญา ควบคุมอารมณ์ได้มากกว่าคนปกติ
อินรั่วเฉินกล่าว “ผู้นำตระกูลมู่ ก็คือคนที่ถูกลิขิตผู้นั้น”
“เหตุใดข้าถึงเป็นคนผู้นั้น” ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนอาถิงก็เคยพูดเช่นนี้ เพราะว่าวิญญาณของนางพิเศษกว่าผู้ใดเขาถึงได้เลือกนาง
มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่มีเพียงแค่อาถิงเท่านั้น ยังมีสุ่ยจิงอิ๋ง มังกรวารี นิรันดร์ และมังกรเพลิง ล้วนแต่เป็นผู้ทำพันธสัญญากับนาง
เป็นเพราะนางคือวิญญาณพิเศษจากโลกอื่น หรือว่ามีเหตุผลอื่นอีกกันแน่
ในที่สุดตอนนี้อินรั่วเฉินก็กล้าเงยหน้าขึ้นมามองมู่เฉียนซีแล้ว ความแดงก่ำบนใบหน้านั้นจางหายไปแล้ว เขากล่าว “ความลับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญตบะน้อยอย่างอาตมาจะสามารถเปิดเผยได้ ต้องขอโทษด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้บำเพ็ญทางเดียวกับเจ้า แต่ก็รู้ว่าการเปิดเผยความลับมันมีโทษร้ายแรงแค่ไหน เจ้าไม่ต้องขอโทษข้าหรอก ตอนนี้เราคิดหาวิธีรับมือกับสัตว์ร้ายนี่ก่อนเถอะ สิงโตทองลวงตา!”
ดวงตาของอินรั่วเฉินเผยความประหลาดใจออกมา “นึกไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะมีสัตว์โบราณอย่างสิงโตทองลวงตาด้วย”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นเทพซะอีก รู้ไปซะทุกอย่าง ไม่รู้ว่ายังมีเรื่องใดที่เจ้ายังไม่รู้หรือไม่?”
“อาตมาก็แค่เดาว่าที่นี่คงจะมีสัตว์ที่แข็งแกร่งมากอยู่ แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสิงโตทองลวงตา ฝักกระบี่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ที่นี่ คาดว่าจะมีคนใช้มันเพื่อยับยั้งสิงโตทองลวงตา! เพราะฝักกระบี่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จะไม่หวาดกลัวเปลวไฟของมัน”
อินรั่วเฉินกล่าว “นั่นก็หมายความว่า หากเอาฝักกระบี่ไป เจ้าสัตว์ร้ายนั่นก็จะออกมาอย่างนั้นเหรอ?”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมลง