ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1372 หุ่นเชิดเพลิงสีทอง
แต่ในขณะที่เขากำลังจะแตะต้องตัวของคนตรงหน้านี้ จู่ ๆ เขาก็หยุดชะงักลง
เขาทำทุกอย่างเพื่อได้รักคนคนนี้ แต่เขารู้สึกว่าสัญชาตญาณทางร่างกายของเขาเข้าใกล้นางได้เพียงแค่นี้
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?
เพราะเหตุใด?
เฟิงอวิ๋นซิวเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ เขารู้สึกสับสนวุ่นวาย คนตรงหน้าไม่สามารถดึงดูดใจเขาได้อีกต่อไป
ภาพลวงตานี้ไม่สามารถทำอะไรเฟิงอวิ๋นซิวได้อีกต่อไป พลันนั้นภาพลวงตานี้ก็ได้มลายหายไปแล้ว!
เฟิงอวิ๋นซิวได้สติกลับคืนมาและมองไปที่ใบหน้าอันคุ้นเคยที่อยู่ใกล้ชิดนี้ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยและจากนั้นเขาก็ได้เข้าสู่สภาพแวดล้อมอื่น
พลังธาตุวายุปะทุออกมา มู่เฉียนซีกล่าว “อวิ๋นซิว เจ้าออกจากภาพลวงตานั้นแล้ว”
เขาเก็บพลังธาตุวายุนั้นกลับมา มองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
ภายในดวงตาสีอำพันอันสวยงามคู่นั้นสะท้อนใบหน้าอันงดงามนั้นออกมา
เขามองดูเช่นนี้อยู่นานแต่ก็ยังไม่ได้สติกลับมา
ปวดหัว เจ็บปวดใจ และรู้สึกรวดร้าวไปทั่วทั้งร่างกาย
เขารู้ว่าเหตุใดเขาถึงออกมาจากภาพลวงตานั้นได้ เพราะว่า…
มู่เฉียนซีโบกมือไปมาตรงหน้าเฟิงอวิ๋นซิวเพื่อเรียกสติเขา “อวิ๋นซิว เจ้าเป็นอะไรไป คงไม่ได้ถูกภาพลวงตานั้นทำให้เจ้าสติเลอะเลือนไปแล้วกระมัง!”
“จะว่าไป ถึงสติจะเลอะเลือนไปข้าก็ยังรักษาให้หายได้ แต่หากเจ้าออกมาจากภาพลวงตานั้นไม่ได้ ข้าก็ไร้หนทางจะรักษาแล้ว”
“เฉียนซี!” เฟิงอวิ๋นซิวเรียกเสียงเบา
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง!”
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง “ในเมื่อเจ้าไม่เป็นอะไรก็ปล่อยมือออกจากข้าได้แล้ว”
เฟิงอวิ๋นซิวปล่อยมือออกจากนางด้วยความตื่นตระหนก พร้อมกันนั้นก็เห็นว่าข้อมือขาวนวลข้างนั้นในตอนนี้เป็นรอยแดงขึ้นแล้ว
มู่เฉียนซีเอายาออกมาทา เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างกลัดกลุ้มใจว่า “ข้าขอโทษ!”
“ช่างเถอะ ข้าไม่ได้บาดเจ็บหนักหนาอะไรสักหน่อย เจ้าออกมาจากภาพลวงตานั้นได้ข้าก็ดีใจมากแล้ว ข้ากลัวจริง ๆ ว่าเจ้าจะ…”
เมื่อครู่ เขาจมอยู่ในภาพลวงตานั้นลึกมาก!
มู่เฉียนซีกล่าว “เราจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ คิดหาทางออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ จะไปด้วยกันหรือจะแยกกันไปล่ะ?”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ไปด้วยกัน!”
พวกเขาเดินออกไป และระหว่างทางนั้นนางก็ไม่ได้เจอเสี่ยวหงกับอินรั่วเฉินเลย
ตึก ตึก ตึก!
เสียงย่ำเท้าแปลกประหลาดดังขึ้น มู่เฉียนซีกล่าวอย่างระแวดระวัง “มีคน!”
มีลักษณะรูปร่างของมนุษย์ มีเสียงเท้าของมนุษย์ แต่พวกที่มาที่นี่กลับไม่ใช่มนุษย์!
นี่คือหุ่นเชิดเพลิงสีทองที่เปลวไฟสีทองนั้นสร้างขึ้นมาเป็นภาพลวงตา และดวงตาสีทองคู่นั้นก็ทำมาจากเปลวไฟเช่นกัน
นางไม่แน่ใจถึงพลังความแข็งแกร่งของเจ้าพวกนี้แต่ต้องรับมือได้ยากแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “อวิ๋นซิว วิ่ง!”
พวกเขาวิ่งออกไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด แต่หุ่นเชิดเพลิงสีทองกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นขวางทางนางเอาไว้
ไม่นานนักพวกนางก็ถูกห้อมล้อมจากทุกทิศทาง ดูท่าเจ้าหมอนั่นจะไม่ยอมปล่อยให้พวกนางไป
ถูกขวางทางเช่นนี้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่หาช่องโหว่เท่านั้นแล้ว
“มังกรเพลิงสังหาร!” กระบี่อันแหลมคมถูกเหวี่ยงออกไป และมังกรเพลิงสีแดงฉานก็พุ่งออกไปแล้ว
เผชิญหน้ากับมังกรเพลิงตัวนี้ที่สามารถยับยั้งพลังของพวกมันได้เช่นนี้ จู่ ๆ พวกมันก็คำรามขึ้น “โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก!” แสงสีทองสว่างเจิดจ้าขึ้น จากนั้นมันก็พุ่งมาที่มู่เฉียนซีกับเฟิงอวิ๋นซิว
“วายุพิฆาต!”
“ทักษะโยวหลัว!”
มู่เฉียนซีกับเฟิงอวิ๋นซิวเปิดการโจมตีขึ้น การโจมตีไม่ได้อ่อนแอเลย และกำลังการฆ่าสังหารของหุ่นเชิดเพลิงสีทองนี้ก็ไม่ได้มีมากนัก
“ผนึกมังกรวารี!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
รับมือกับพวกนี้ การโจมตีพลังธาตุวารีนั้นค่อนข้างที่จะได้ผล
มู่เฉียนซีกล่าว “เฟิงอวิ๋นซิว นี่ไม่ใช่หนทางการแก้ปัญหาเลย! ข้าจะใช้พลังธาตุวารีกับกระบี่มังกรเพลิงเปิดทาง ส่วนเจ้ากำจัดพวกที่เข้ามาขวางให้ข้าด้วย!”
เฟิงอวิ๋นซิวพยักหน้าพลางกล่าว “เอาตามที่เจ้าว่า!”
มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงในมือแน่นและกล่าวว่า “มังกรเพลิง ออกแรงหน่อยนะ!”
“ได้แน่นอนนายท่าน!”
บัวอัคคีสีแดงฉานบานสะพรั่งขึ้นกลางอากาศ และหลังจากที่บัวอัคคีนี้บานสะพรั่งขึ้น ลำแสงของหุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านั้นก็มืดมนลงไปไม่น้อย
“บัวแดงพิฆาต!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของมู่เฉียนซี น้ำแข็งของพลังธาตุวารีก็พรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ตูม!
พลังทั้งสองดูเหมือนจะเข้ามาปะทะพร้อมกัน!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอย่างรุนแรง มู่เฉียนซีโจมตีจนแตกออก
ร่างของเฟิงอวิ๋นซิวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า พลังธาตุวายุเปิดทางและกวาดสิ่งกีดขวางนั้นไป
มู่เฉียนซีกระโจนออกไปอย่างรวดเร็วและตามเฟิงอวิ๋นซิวไป
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีกับเฟิงอวิ๋นซิวจะพุ่งออกมาจากวงล้อมของหุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านั้นได้ แต่หุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านั้นก็ไล่ตามพวกเขาไปอย่างไม่มีท่าทีจะยอมแพ้
“ยังตามมาอีกเหรอนี่!”
ที่นี่เป็นอาณาเขตของหุ่นเชิดเพลิงสีทอง ไม่ว่าพวกเขาจะหนีไปที่ใด พวกมันก็ตามเจอจนได้
มู่เฉียนซีวิ่งมาจนถึงตำหนักหนึ่งที่อยู่ในใจกลางที่สุดแห่งนี้ ประตูตำหนักนั้นดูเหมือนจะแข็งแรงมาก
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เฉียนซี เราไม่สามารถสลัดหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้เลย เราจะถูกไล่ล่าให้เสียพลังและถูกต้อนให้จนมุม เราจำเป็นต้องใช้วิธีที่เสี่ยงแล้ว”
มู่เฉียนซีมองไปที่ตำหนักนั้น ก่อนจะกล่าวว่า “ผู้ที่ครอบครองที่นี่โหดร้ายมาก มีกับดักไว้มากมายเต็มไปหมด แต่ก็ทำได้เพียงแค่เข้าไปในนี้แล้ว”
“เราจะเข้าไปด้วยกัน!”
เมื่อเฟิงอวิ๋นซิวกับมู่เฉียนซีพรวดเข้าไปในตำหนักและปิดประตูลง หุ่นเชิดเพลิงสีทองอันแข็งแกร่งเหล่านั้นกลับไม่โจมตีประตูบานนั้น
พวกมันทำได้เพียงแค่ฆ่าสังหารคนที่บุกเข้ามาในนี้เท่านั้น แต่ไม่สามารถทำลายสิ่งของของเจ้านายพวกมันได้
หุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านี้ไม่ได้ตามมา มู่เฉียนซีกับเฟิงอวิ๋นซิวก็ไม่ได้โล่งใจแต่อย่างใด
“เดินหน้าต่อไป ต้องหาทางออกเจอแน่!”
พวกเขาก้าวเท้าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว พลังอันแข็งแกร่งพลังหนึ่งก็ปะทุออกมาและครอบคลุมไปทั่วทั้งตำหนัก
“มีคนอยู่!”
ในมุมหนึ่งของตำหนักนี้ มีคนชุดคลุมยาวสีเทาผู้หนึ่งยืนก้มหน้าอยู่
น้ำเสียงอันแหบแห้งดังขึ้น “หากก้าวเข้ามาอีกก้าว! ตาย!”
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปเล็กน้อย “เจ้าก็เป็นลูกน้องของสิงโตทองลวงตาอย่างนั้นเหรอ?”
ด้านนอก มีหุ่นเชิดเพลิงสีทองห้อมล้อมอยู่ ส่วนตรงหน้าก็มีผู้ลึกลับเฝ้าอยู่
พวกเขาไม่สามารถยืนเฉยอยู่ตรงนี้ได้ เฟิงอวิ๋นซิวเองก็เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงเดินนำหน้ามู่เฉียนซีไปก้าวหนึ่ง
ฟึ่บ! มีดอันแข็งแกร่งเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น เฟิงอวิ๋นซิวรีบหลบหลีก แต่คมมีดนั้นก็ยังคงฟันโดนเท้าเขาอยู่ดี
ต่อก ต่อก! เลือดสีแดงสดไหลหยดลงมาจากเท้าเฟิงอวิ๋นซิว
เขากล่าว “เฉียนซี เจ้ายืนอยู่ตรงนั้นอย่าขยับนะ ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”
คนผู้นี้แข็งแกร่งมาก หากอยู่ด้านนอก ความแข็งแกร่งนี้ไม่น้อยไปกว่ายอดฝีมืออย่างกู้ไป๋อีแน่นอน
ดวงตาสีอำพันคู่นั้นเคร่งขรึมขึ้น ขณะเดียวกันพลังของเฟิงอวิ๋นซิวก็ปะทุถึงขั้นอย่างรุนแรงเช่นกัน
รับมือกับคนอันตรายเช่นนี้ ต้องใช้พลังอย่างสุดกำลังความสามารถถึงจะได้ หากอ่อนแอแม้เพียงเล็กน้อย จะต้องตายอย่างไร้ที่ฝังแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “ระวัง!”
ชายชุดเทาผู้นั้นถือมีดเล่มใหญ่และปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเฟิงอวิ๋นซิวราวกับภูตผีก็มิปาน จากนั้นเขาก็โจมตีมาที่เฟิงอวิ๋นซิวอีกครั้ง
ตูม!
เฟิงอวิ๋นซิวรีบหลบหลีก บนพื้นมีร่องน้ำหุบเขาอยู่สายหนึ่ง
“พลังวายุ!”
ตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวก็นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดผู้หนึ่ง แม้ว่าจะถูกชายชุดเทาโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ไม่พ่ายแพ้ง่าย ๆ!
แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! การโจมตีของมีดสามครั้งนี้ เฟิงอวิ๋นซิวสกัดเอาไว้ได้
พลังธาตุอัคคีปะทุออกมา เฟิงอวิ๋นซิวตอบโต้กลับไปอย่างรุนแรง เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ตำหนักสั่นสะเทือนขึ้นหลายครั้ง
.
.