ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1402 เกิดลางสังหรณ์
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเป็นนักปรุงยา กระบี่เล่มนั้นแทงเอียง ไม่ทำให้เขาตายหรอก!”
วินาทีสุดท้ายนางก็ยังยั้งมือไว้ไมตรีอยู่
ซวนอีได้ยินเช่นนี้ก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง!
“เขาถูกเงาเงาหนึ่งเอาตัวไป มันเป็นวิธีที่ฝึกฝนเดียวกันกับสายเลือดของเขา น่าจะเป็นคนในตระกูลเขา เขาคงจะไม่เป็นอะไรหรอก!”
ชั่วครู่หนึ่งสีหน้าของซวนอีก็ซีดเผือดลง เขากล่าว “ตระกูลของนายน้อยถูกฆ่าล้างตระกูลไปตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนจนสิ้นแล้ว นอกจากนายน้อยแล้วก็ไม่มีผู้ใดมีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว คนผู้นั้น เป็นใครกันแน่?”
คนที่ไร้ที่มาที่ไปคนหนึ่งเอาตัวนายน้อยที่กำลังบาดเจ็บสาหัสไปเช่นนี้ ซวนอีรู้สึกร้อนรนใจเป็นอย่างยิ่ง
สีหน้าของมู่เฉียนซีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน “หรือไม่คนในตระกูลเขาอาจจะมีคนมีชีวิตรอดมาก็ได้ หรือไม่ก็เป็นมู่หลินหลางที่ช่วยเขาไว้ แต่หากว่าเป็นศัตรูฉวยโอกาสนี้…”
คนผู้นั้นรวดเร็วมากจนนางไม่สามารถขวางเอาไว้ได้
ตุบ! ในตอนนี้เองซวนอีก็คุกเข่าลงตรงหน้ามู่เฉียนซีแล้ว
“นี่เจ้าทำอะไรของเจ้า?”
“แม้ว่านายน้อยจะสั่งให้พวกเราองครักษ์ซวนฟังคำสั่งท่าน แต่ได้โปรดให้ข้าจากไปเถอะ พวกเราจะออกไปตามหานายน้อย ได้โปรดประมุขน้อยมู่ยกโทษให้พวกเราด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าว “แม้ว่าอวิ๋นซิวจะสั่งพวกเจ้าเอาไว้ แต่ข้าเองก็ไม่อยากฝืนใจพวกเจ้า อยากทำสิ่งใดก็ทำเถอะ! หาเขาให้เจอให้ได้นะ!”
นางรู้ว่าใจจริงเฟิงอวิ๋นซิวไม่ได้อยากฆ่านาง และแน่นอนว่านางไม่อาจเพิกเฉยต่อเรื่องที่เขาหายตัวไปโดยที่ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ได้
“ข้าก็จะส่งคนออกตามหาเขาเหมือนกัน!”
“ขอบคุณประมุขน้อยมู่มาก!”
มู่เฉียนซีเอายาลูกกลอนส่วนหนึ่งออกมาและกล่าวว่า “แต่ข้าสงสัยว่าเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในดินแดนสี่ทิศแล้ว ยาลูกกลอนเหล่านี้ช่วยในการฝึกฝนของพวกเจ้าได้ หากหาที่ดินแดนสี่ทิศไม่เจอ ก็ไปตามหาที่แดนซวนเทียนเถอะ!”
“ขอรับ!”
เมื่อได้รับการอนุญาตจากมู่เฉียนซีแล้ว เหล่าองครักษ์ซวนก็เดินทางออกไปจากตำหนักเป่ยหานทันที และมุ่งหน้าตามหานายน้อยของพวกเขา
แดนตะวันออกและแดนเหนือในตอนนี้ล้วนแต่เป็นกองกำลังของตำหนักเป่ยหานทั้งสิ้น ทว่า ไม่มีข่าวของเฟิงอวิ๋นซิวเลยแม้แต่น้อย
เฟิงอวิ๋นซิวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่แน่ชัด
ส่วนมู่เฉียนซีตอนนี้ได้กลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศแล้ว
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินยังไม่ส่งตัวอินรั่วเฉินมาที่ตำหนักเป่ยหาน มู่เฉียนซีบ่นพึมพำว่า “เจ้าหัวโล้นนั่นคิดจะผิดคำพูดหรือไง”
เรื่องของอินรั่วเฉินกับฝักกระบี่ มู่เฉียนซีวางเรื่องนี้เอาไว้ก่อน สมุนไพรสำหรับหลอมยานิพพานตอนนี้รวบรวมมาได้ครบแล้ว ลำดับต่อไปนางต้องหลอมยา
ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าขั้นสูงสุด ตอนนี้ไม่มียาลูกกลอนเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้ใช้ นางจึงทำได้เพียงหลอมยาด้วยความแข็งแกร่งในระดับที่มีของนางตอนนี้เท่านั้น
หลอมยาระดับสูงด้วยความแข็งแกร่งเท่านี้ ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศไม่มีผู้ใดสามารถทำได้ แต่มู่เฉียนซีมีความมั่นใจในตัวเองมาก
เรื่องหลอมยา เป็นเรื่องที่นางมีความมั่นใจมากกว่าเรื่องอื่นใด
ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่ได้มีสมุนไพรวิญญาณเพียงแค่ชุดเดียว หากหลอมยาแล้วล้มเหลวก็สามารถหลอมใหม่ได้
เมื่อรู้ข่าวว่าหมอปีศาจจะหลอมยา นักปรุงยาจำนวนมากต่างแห่กันไปที่ตำหนักเป่ยหานเพื่อขอดูฝีมือการหลอมยา!
ในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของท่านหมอปีศาจแล้ว อัจฉริยะนักปรุงยารุ่นวัยสาวเช่นนี้หลอมยา พวกเขาจะพลาดโอกาสชมได้อย่างไรกันล่ะ
นักปรุงยาเหล่านี้ดื้อรั้นมาก หากจะไล่ไปก็เกรงว่ามันจะไม่เหมาะสม
มู่เฉียนซีจึงกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “หากอยากชมการหลอมยาของข้าก็ย่อมได้ แต่พวกเจ้าก็ต้องจ่ายค่าเข้าชมด้วย! ไม่ใช่จะให้ดูกันฟรี ๆ นะ”
“ค่าเข้าชมเหรอ? พวกเรามีหยกวิญญาณ”
หยกวิญญาณของนักปรุงยาล้วนแต่มีไม่ขาดมือแน่นอน
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าว “ทุกท่านล้วนแต่เป็นนักปรุงยาด้วยกันทั้งสิ้น ให้หยกวิญญาณมันคงไม่เหมาะ ข้าต้องการสมุนไพร! หากไม่มีสมุนไพรที่โดนใจข้า ก็ไม่ต้องมาพูดกัน!”
นักปรุงยาเหล่านี้แตกตื่นโกลาหลกันขึ้นแล้ว หัวหน้าหอมู่ สมกับที่เป็นอัจริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศจริง ๆ แถมยังเป็นคนที่วิปริตที่สุดอีกด้วย นี่จะฉวยโอกาสปล้นกันจริง ๆ หรืออย่างไร
แม้ว่าพวกเขาจะบ่นอยู่ในใจ แต่สุดท้ายก็จำใจต้องยอมมอบให้!
โอกาสนี้ช่างหาได้ยากยิ่งนัก!
ครั้นแล้ว เยวี่ยเจ๋อจึงเก็บค่าเข้าชมการหลอมยาของพี่ใหญ่ของเขา เก็บจนมือไม้อ่อนแรงไปหมด
นักปรุงยาเหล่านี้แทบจะบ้าแล้ว!
ความสามารถในการเรียกทรัพย์อย่างบ้าคลั่งนี้ของพี่ใหญ่ ต่อให้เขาเรียนรู้อีกสักร้อยปีก็ไม่อาจสู้พี่ใหญ่ได้!
สถานที่ที่มู่เฉียนซีเลือกในการหลอมยาครั้งนี้ก็คือตำหนักเป่ยหาน มีกู้ไป๋อี ชิงอิ่ง สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกอย่างอู๋ตี้กับเสี่ยวหงคอยปกป้องอยู่ จึงไม่มีผู้ใดกล้าย่างกลายมาก่อเรื่อง
หลอมยาระดับสูงเช่นนี้ มู่เฉียนซีเอาหม้อเทพนิรันดร์ออกมาหลอมแน่นอน แต่เมื่อมู่เฉียนซีเอาหม้อเทพนิรันดร์ออกมาในครั้งนี้นั้น นางก็รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างขึ้น
นางเหลือบมองหม้อยานั้น หรือว่าเจ้าปีศาจบ้านิรันดร์กำลังจะตื่นขึ้นมา
ทว่า มู่เฉียนซีเลือกที่จะทิ้งความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นไปก่อน นางเอาสมุนไพรที่จะหลอมยานิพพานออกมา และใจจดใจจ่ออยู่กับการหลอมยา
มู่เฉียนซีจุดเตาไฟ และผสมสมุนไพรเข้าด้วยกัน ขั้นตอนการปรุงยาอย่างเชี่ยวชาญเช่นนี้ทำให้นักปรุงยาที่เข้าชมเหล่านั้นรู้สึกละอายใจมาก
“ช่างสมบูรณ์แบบเกินไปแล้ว หัวหน้าหอมู่อายุยังน้อยแต่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ มันทำให้ข้ารู้สึกว่าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาข้าใช้ชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์จริง ๆ”
“ตาเฒ่า เจ้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้นำตระกูลมู่เช่นนี้ มันไม่โหดร้ายต่อตัวเองไปหน่อยเหรอ!”
“เจ็บปวดใจนัก! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว กลับไปข้าจะฆ่าตัวตาย คอยดู!”
“……”
มู่เฉียนซีไม่รู้ว่านักปรุงยาเหล่านี้เจ็บปวดใจจนหัวใจแตกสลายไปมากเท่าไรแล้ว นางกำลังเพลิดเพลินอยู่กับขั้นตอนการปรุงยานี้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ราบรื่นมาก!
เมื่อทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่น ในที่สุดมู่เฉียนซีก็หลอมยาสำเร็จแล้ว
ทันใดนั้นเอง เปลวไฟสีแดงฉานก็ได้ปรากฏขึ้นและห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีไว้ ก่อนจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งลาน
“หนีเร็วเข้า!”
“เร็ว!”
“……”
เมื่อเปลวไฟแผ่ซ่านลามมา นักปรุงยาเหล่านั้นก็รีบหนีอย่างลุกลี้ลุกลน!
สีหน้าของกู้ไป๋อีพลันเปลี่ยนไปมาก เขาต้องการจะพุ่งเข้าไปช่วยมู่เฉียนซี แต่กลับถูกเสี่ยวหงขวางเอาไว้
“อย่าเป็นกังวลไปเลยขอรับ นี่คือเพลิงแห่งนิพพาน ทำอะไรนายท่านไม่ได้หรอก”
คนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนี้ต่างก็สงบลง “นี่เปลวไฟนี้ เป็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดของยาเม็ดนั้นอย่างนั้นเหรอ!”
“พระเจ้าช่วย! มีปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้ด้วยเหรอ!”
“……”
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดของยานิพพาน เพลิงแห่งนิพพานกำลังชะล้างเม็ดยาผ่านเส้นปราณของมู่เฉียนซี ตั้งแต่ต้นจนจบมู่เฉียนซีไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เพลิงแห่งนิพพานก็อันตรธานหายไป และมู่เฉียนซีก็หลอมยานิพพานออกมาได้สำเร็จแล้ว
ทุกคนต่างอุทานขึ้น “สำเร็จแล้ว!”
“หัวหน้าหอมู่ทำสำเร็จแล้ว”
“……”
“นายท่านยอดเยี่ยมมาก! พลังแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดกลับสามารถหลอมยานิพพานออกมาได้สำเร็จ ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
รอบกายมู่เฉียนซีปรากฏแสงหกสีขึ้น หม้อยาผลึกแก้วลอยอยู่กลางอากาศ
“นายท่าน งดงามยิ่งนัก ข้าชอบ!”
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปเล็กน้อย “หม้อผลึกแก้วหกสี เจ้าตื่นแล้วเหรอ?”
หม้อผลึกแก้วหกสีกล่าว “นายท่านใช้ฝ่าบาทหลอมยาขั้นสวรรค์ระดับเก้าได้สำเร็จเช่นนี้ ข้าต้องตื่นขึ้นมาแน่นอน!”
คนอื่น ๆ ล้วนแต่ทึ่งกับความงดงามของแสงนั้นแล้ว “นั่นมันรางวัลที่องค์รัชทายาทเป่ยกงมอบให้หัวหน้าหอมู่ตอนที่นางได้อันดับหนึ่งนี่ หม้อผลึกแก้วหกสี!”
“ช่างงดงามยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีหม้อยาที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วย!”
“ฝีมือการหลอมยาของหัวหน้าหอมู่เก่งกาจถึงเพียงนี้ ตอนนี้ก็ได้ครอบครองมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเช่นนี้อีก ต้องน่าทึ่งมากกว่าเดิมเป็นแน่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หม้อผลึกแก้วหกสีก็เคลื่อนไหวไปรอบตัวมู่เฉียนซี พลางกล่าวถามว่า “นายท่าน ข้างดงามหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “งดงาม ๆ!”
“นายท่านเหตุใดต้องชมผ่าน ๆ เช่นนี้ด้วย นายท่านบอกข้าด้วยความจริงใจได้หรือไม่ว่าเสี่ยวลิ่วงดงามมาก”
มู่เฉียนซีกล่าว “ก็ได้ ๆ งดงามมาก!”
มู่เฉียนซีไม่ได้กล่าวโกหก เสี่ยวลิ่วเป็นหม้อยาที่สวยที่สุดเท่าที่นางเคยเจอมาแล้ว
หม้อผลึกแก้วหกสีเคลื่อนไหวไปรอบตัวมู่เฉียนซีต่อ แสงของมันยิ่งทวีความสุกสกาวมากยิ่งขึ้น จากนั้นมันก็กล่าวถามว่า “เสี่ยวลิ่วงดงามกว่าเดิมหรือไม่”
มู่เฉียนซีเงียบ!
เสี่ยวลิ่วกระวนกระวายใจขึ้นแล้ว “นายท่าน! บอกมาสิว่าข้างดงามหรือไม่…”
.
.