ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1410 ข้าไม่เชื่อเจ้า
รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของมู่เฉียนซี ใช่แล้ว!
แค่ปลอมตัวมันยังไม่พอ!
มู่เฉียนซีหยิบเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองที่ไม่ใส่แล้วออกมาสวมให้กับอินรั่วเฉิน จากนั้นก็ทำผมปักปิ่นให้อินรั่วเฉินกลายเป็นสตรีงามผู้หนึ่ง
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นพลางทำท่าทางพิจารณา “หึ! นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินแต่งเป็นหญิงแล้วจะงดงามได้ถึงเพียงนี้”
รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ช่างเป็นที่ดึงดูดเกินไปแล้ว มู่เฉียนซีจึงปรับเปลี่ยนใบหน้าของอินรั่วเฉินเล็กน้อย
คาดว่าต่อให้ท่านหัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินมาเห็นกับตาตัวเองก็คงจะจำไม่ได้หรอกกระมังว่าเป็นอินรั่วเฉิน!
ส่วนคนที่ออกตามล่าตัวโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินเหล่านั้นก็คงจะคิดไม่ถึงว่าโอรสศักดิ์ของพวกเขาจะแปลงร่างกลายเป็นผู้หญิงไปแล้ว!
มู่เฉียนซีพาตัวอินรั่วเฉินที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือเดินทางเข้าเมือง และถูกขวางทางไว้ “ช้าก่อน!”
ในเมืองใหญ่ต่างก็มีคนพลุกพล่านมากมาย ค่ายกลส่งตัวระยะไกลก็ถูกปิดผนึกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตามหาตัวโอรสศักดิ์สิทธิ์ให้เจอให้ได้
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ทุกท่าน พี่สาวของข้าป่วย จะต้องเข้าไปรักษาในเมือง ได้โปรดผ่อนผันให้ข้าด้วยเถิด”
นางยื่นหยกวิญญาณกำใหญ่ให้พวกเขา อย่างที่คนเขาว่ากัน เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้ แม้แต่แดนตะวันตกแห่งนี้ก็ไม่เว้น
ทหารเวรยามรับหยกวิญญาณมา และเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือที่มู่เฉียนซีกำลังแบกอยู่ คนผู้นี้ไม่ใช่โอรสศักดิ์สิทธิ์แน่นอน พวกเขาจึงยอมปล่อยให้ทั้งคู่เข้าเมืองไป
มู่เฉียนซีหาโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดพัก ยิ่งเงียบมากเท่าไรก็ยิ่งไม่เป็นที่น่าสงสัยมากเท่านั้น
นางตรวจดูอาการของอินรั่วเฉิน ร่างกายของเจ้าหมอนี่ดีมาก บวกกับยาที่นางใช้นั้นก็ไม่เลวเลย ร่างกายของอินรั่วเฉินจึงฟื้นฟูกลับมาได้ดีอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีปักเข็มยาอีกเข็มหนึ่งลงบนคอของเขา
เพื่อไม่ให้เจ้าหมอนี่หนี ประเดี๋ยวจะเป็นการคว้าน้ำเหลว เรื่องมันจะยุ่งวุ่นวายมากกว่านี้
นับตั้งแต่วันที่นางถูกอินรั่วเฉินหลอกวันนั้น นางก็รู้ว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ไม่ใช่ศูนย์รวมใจแห่งธรรมะอีกแล้ว แต่เขาเป็นศูนย์รวมแห่งความใจดำต่างหาก
จากนั้นไม่นานนักอินรั่วเฉินก็ฟื้นขึ้นมา มู่เฉียนซีกระชากคอเสื้อเขาและกล่าวด้วยท่าทางเย้ยหยันว่า “โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน เราเจอกันอีกแล้วนะ”
อินรั่วเฉินยิ้มพลางกล่าว “ต้องขอบใจแม่นางมู่มากที่ช่วย อาตมารู้สึกซึ้งใจยิ่งนัก!”
“อย่าได้กล่าววาจาถ่อมตนเช่นนี้เลยนะ หากเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจที่ข้าช่วยเจ้าเอาไว้แล้วละก็ รีบเอาฝักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
“ต้องขอโทษด้วยที่ตอนนี้อาตมายังมอบมันให้กับเจ้าไม่ได้” อินรั่วเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มู่เฉียนซีเอาเข็มยาขนาดเล็กและบางเข็มหนึ่งปักที่ลำคอของเขา ก่อนจะกล่าวว่า “พระใจดำอำมหิต เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ข้าสามารถเอาชีวิตเจ้าได้”
“หากเจ้าฆ่าอาตมา เจ้าก็จะไม่มีวันได้ฝักกระบี่นิรันดร์ไปครอบครอง” ถูกขู่เช่นนี้แล้ว อินรั่วเฉินก็ยังไม่กลัวแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซียิ้มขึ้นแล้ว “เจ้าพระบ้า ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก! เพราะข้ามีวิธีทรมานให้เจ้าตายทั้งเป็นได้”
ดวงตาเปรียบดั่งกระจกจันทราคู่นั้นของอินรั่วเฉินจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “แม่นางมู่ อาตมาไม่กลัววิธีอันใดของเจ้าหรอก”
แม้ว่าเขาจะกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา แต่นางก็รู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่การแสดงความกล้าก็เท่านั้น
ทว่า ดวงตาคู่นั้นของอินรั่วเฉินไม่ใช่การหลอกลวงแต่อย่างใด
นางรู้ดีว่ากลอุบายที่ใช้กับคนอื่นได้ผล บางทีอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับพระผู้นี้ก็ได้
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าว่าเจ้าอย่าฝืนเลยจะดีกว่านะ! เจ้าไม่เอาตัวกระบี่ แต่เจ้าเอาไปแค่ฝักกระบี่ มันจะมีประโยชน์อันใดกัน?”
“อาตมามีเหตุผลที่จะใช้มันแน่นอน! ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกแก่แม่นางมู่ แต่อาตมาไม่เคยคิดจะทำร้ายแม่นางเลย”
ในแววตาคู่นั้นของเขามีความจริงใจอยู่
ช่างจริงใจเกินไปแล้ว แม้ว่าจะถูกหลอกมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็อดที่จะเชื่อคำพูดเขาไม่ได้จริง ๆ
มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น นางต้องอดทนเอาไว้!
“แย่งฝักกระบี่มาได้ ข้าก็จะถูกพิฆาตวิญญาณตามไล่ฆ่า เจ้าเองก็คิดเหมือนกันใช่หรือไม่ ข้าไม่มีเวลาจะมาเล่นลิ้นกับเจ้ามากนักนะ ทันทีที่ได้ของ ข้าก็จะไปทันที”
ตอนนี้สถานการณ์ของเสี่ยวไป๋นั้นไม่ชัดเจนเลย นางมาลี้ภัยที่แดนตะวันตกและจะถือโอกาสนี้แย่งชิงของกลับคืน และจึงจะกลับไปที่แดนตะวันออก จากนั้นก็ค่อยคิดหาวิธีรับมือกับเป่ยกงจั๋ว
อินรั่วเฉินกล่าว “แม่นางมู่ ข้าอยากขอความช่วยเหลือจากเจ้าสักเรื่อง หากทำสำเร็จ ข้าจะยอมมอบฝักกระบี่ให้กับเจ้า”
“ข้าไม่เชื่อเจ้า!”
“แม่นางมู่ หากเจ้าไม่ช่วยข้า เจ้าก็จะไม่ได้ฝักกระบี่ไป จิตวิญญาณกระบี่นั้นจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่นอน หากเจ้าเลือกร่วมมือกับข้า มันนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”
พิฆาตวิญญาณยังคงสร้างความลำบากให้กับนางมากกว่าเป่ยกงจั๋วมากเป็นร้อยเท่าพันเท่า
เผชิญหน้ากับเป่ยกงจั๋ว นางยังมีโอกาสหนีได้ แต่หากเจ้าพิฆาตวิญญาณโผล่ออกมา ต่อให้หนีไปที่ใดมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าว “จะให้ข้าช่วยอันใด?”
“ไปที่ที่หนึ่งกับข้า ล้างมลทินให้ข้า และตามหาหนอนบ่อนไส้ที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักเทพ”
ผัวะ! มู่เฉียนซีต่อยเขาไปหนึ่งหมัด
กำแพงที่อยู่ด้านหลังอินรั่วเฉินถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “อินรั่วเฉิน เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ ชื่อเสียงของเจ้าในตอนนี้ย่ำแย่มาก ตอนนี้เจ้ากลายเป็นเป้าหมายของคนทั่วทั้งแดนตะวันตกไปแล้ว เจ้ากำลังถูกตามไล่ฆ่า”
“เจ้าจะให้ข้าช่วยทำให้ชื่อเสียงของเจ้ากลับคืนมาดีดังเดิม ต่อให้ทำได้มันก็ต้องใช้เวลานานมาก แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าไม่ได้มีเวลามากมายถึงเพียงนั้น”
แม้จะรู้ว่าเสี่ยวไป๋ยังไม่ตาย แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังต้องอยู่ในกำมือของงูพิษอย่างเป่ยกงจั๋วผู้นั้น นางจะวางใจได้อย่างไรกันเล่า
มู่เฉียนซีอยากจะต่อยหน้าอินรั่วเฉินผู้นี้ให้หน้าบวมเหมือนหัวหมูจริง ๆ
อินรั่วเฉินมองมู่เฉียนซีอย่างไม่กระพริบตา เขากล่าวว่า “เจ้าคิดพิจารณาดูดี ๆ ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้า”
“เจ้าบาดเจ็บสาหัสอยู่ เจ้าไปพักผ่อนเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป
ที่อินรั่วเฉินพูดมาเป็นความจริงหรือไม่ แล้วเงื่อนไขนี้จะตอบตกลงทำหรือไม่?
นางช่วยเขาหนีมาก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยขึ้นแล้ว พักผ่อนก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
อินรั่วเฉินที่ยืนมองแผนหลังของนางอยู่ก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย พักผ่อนก่อนก็แล้วกัน! ให้ร่างกายฟื้นฟูกลับมาก่อนถึงจะลงมือทำอะไรได้มากกว่านี้
เพียงแต่ว่า…
ตอนที่คุยกับมู่เฉียนซีเมื่อครู่ อินรั่วเฉินไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติอันใด
ทว่า มามองตอนนี้ เขาถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นแล้ว!
นี่เขากำลังสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ของสตรีอยู่ อีกทั้งยังดูเหมือนเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ของแม่นางมู่อีกด้วย ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าของอินรั่วเฉินก็แดงก่ำขึ้น…
อินรั่วเฉินรีบเดินไปหน้ากระจก มองดูรูปร่างอันเพรียวบางร่างนี้ด้วยความประหลาดใจ รูปร่างหน้าตากลายเป็นสตรีเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อไปในทันที
แม้แต่ตัวเองก็แทบจะจำตัวเองไม่ได้ นี่แม่นางมู่ปลอมตัวให้เขาเพื่อหลบจากการไล่ล่าของคนเหล่านั้นหรือ
โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินกับประมุขน้อยมู่เคยใช้ชีวิตหนึ่งวันกันมาแล้ว กิน ดื่ม ไปหอคณิกา และเล่นพนันกันก็เคยมาแล้ว
ตอนนี้ได้ตกอยู่ในกำมือผู้นำตระกูลมู่อีกครั้ง นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะมีประสบการณ์ในการปลอมตัวเป็นสตรีเช่นนี้
“อมิตตาพุทธ อมิตตาพุทธ…” อินรั่วเฉินท่องบทสวดเบา ๆ หวังทำให้จิตใจอันว้าวุ่นค่อย ๆ สงบลง
เขาต้องการเปลี่ยนชุดนี้ สายตาอันเฉียบแหลมและความสามารถของหัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินนั้นเก่งกาจและยอดเยี่ยมเพียงใดอินรั่วเฉินย่อมรู้ดี การแปลงกายเป็นสตรีเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหลบหนีแล้ว
ต่อให้คนของแคว้นเทพฟ้านอินพลิกแผ่นดินหาก็ไม่มีทางคิดถึงว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์จะแปลงกายเป็นสตรี
ถูกคนตามไล่ฆ่ามาเป็นเวลาสามวันแล้ว เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าแดนตะวันตกมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
อินรั่วเฉินเคาะโต๊ะเบา ๆ ลูกนกตัวเท่าหัวแม่มือตัวหนึ่งก็บินมาอยู่ในฝ่ามือของเขา
“รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดสามวันที่ผ่านมาในดินแดนสี่ทิศให้ข้าฟัง แล้วจับตาดูความเคลื่อนไหวของตำหนักเทพไว้ให้ดี”
ลูกนกพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะบินว่อนออกไปทางหน้าต่าง
สายตาของอินรั่วเฉินนั้นเฉียบแหลมมาก ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะใจร้อน ร้อนใจที่จะจากไปเช่นนี้ ตกลงมันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ดูเหมือนว่าจะสำคัญต่อนางมากกว่าฝักกระบี่เสียอีก
.
.