ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1411 อุบายของพิฆาตวิญญาณ
ไม่นานนักข่าวก็ถูกส่งมา เมื่ออินรั่วเฉินเปิดอ่านก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
กู้ไป๋อี!
อินรั่วเฉินที่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์สตรีในตอนนี้เอนกายเอกเขนกนอนรักษาอาการบาดเจ็บอยู่บนเตียง
ฉึก! เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งออกไปมุ่งเป้าไปที่จุดไท่หยางของอินรั่วเฉิน
อินรั่วเฉินเอียงตัวหลบ เขามองมู่เฉียนซีและกล่าวขึ้นเสียงดังว่า “แม่นางมู่!”
มู่เฉียนซีพุ่งตัวเข้าไปใกล้เขาและกล่าวว่า “อินรั่วเฉิน ข้าคิด ๆ ดูแล้ว ข้าว่ากำจัดเจ้าเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” มู่เฉียนซีขยับเข้าไปใกล้เขาอีก จากนั้นก็เอาเข็มยาเข็มหนึ่งออกมาและปักเข้าตรงจุดไท่หยางของเขา ก่อนจะกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กลัวพิษ แต่ข้าสามารถโกนหัวเจ้าแล้วเอาเจ้าไปแขวนไว้ที่ประตูเมืองได้ ให้คนทั้งเมืองได้ชื่นชมในเรือนร่างของโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินเป็นเช่นไร”
อินรั่วเฉินกล่าว “เช่นนั้นก่อนที่แม่นางมู่จะลงมือ ข้าจะทำลายร่างของตัวเองก่อน เจ้าก็จะไม่มีวันได้ฝักกระบี่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไปครอบครอง และเจ้าก็จะไม่มีไพ่ตายที่จะไปรับมือกับพิฆาตวิญญาณ”
เขาไม่เกรงกลัวต่อความตายเลยแม้แต่น้อย!
“เอาความตายมาขู่ เจ้ามันยอดเยี่ยมจริง ๆ! โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน! เจ้ามันไม่เชื่อฟัง แถมยังไม่เกรงกลัวต่อความตายอีก! เช่นนั้นข้าจะส่งตัวเจ้าให้กับคนตำหนักเทพ”
มู่เฉียนซีเดินออกไปโดยที่ไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย
พระองค์นี้รับมือได้ยากมาก เช่นนั้นก็มาสู้กันให้พังกันไปข้างหนึ่งเลยก็แล้วกัน! ดูว่าใครจะกลัวใคร!
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะเดินออกจากประตูไป อินรั่วเฉินก็กล่าวขึ้นว่า “แม่นางมู่ เจ้ากำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของหัวหน้าตำหนักเป่ยหานใช่หรือไม่! ข้าส่งคนไปสืบข่าวให้ได้นะ ข้าขอเวลาหนึ่งวัน”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ชะงักการก้าวเท้าและหันหลังกลับมา แววตาของนางสาดประกายความเย็นชาออกมา!
“เจ้ารู้ได้ยังไง?”
“ข้าเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์มานานหลายปี ถึงแม้จะถูกคนทั่วทั้งแดนตะวันตกตามไล่ฆ่า แต่ข้าก็มีไพ่ของข้าอยู่ในมือ มีช่องทางของตัวเอง ข้ามีคนที่คอยสอดแนมอยู่ในตำหนักเป่ยหานมาโดยตลอด”
มู่เฉียนซีมองหน้าเขาอย่างพิจารณาก่อนจะกล่าวว่า “อินรั่วเฉิน เจ้าช่างเป็นพระที่หน้าซื่อใจคดจริง ๆ! นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะส่งคนไปแฝงตัวสอดแนมอยู่ในตำหนักเป่ยหาน”
“ก็เพื่อความสะดวกก็เท่านั้น ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย”
เป่ยกงจั๋วต้องเตรียมรับมือป้องกันกับคนของหอหมอปีศาจเอาไว้แล้วแน่นอน ดังนั้นการสืบข่าวจึงเป็นเรื่องยากมาก แต่หากคนของอินรั่วเฉินลงมือก็จะสะดวกไม่น้อย
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ก็ได้ ตกลงตามนี้! หากได้ข่าวที่ทำให้ข้าสบายใจได้ ข้าจะรักษาเจ้าให้หาย และจะพิจารณาเงื่อนไขนั้นของเจ้า”
“ตกลง!”
ชายหญิงคู่หนึ่งพักที่โรงเตี๊ยม ต่อให้ตามหาและตรวจสอบอย่างไรก็ไม่มีทางรู้ตัวตนของพวกเขา
วันต่อมา อินรั่วเฉินก็ได้รับข่าวมาแล้ว และมอบข่าวนั้นให้กับมู่เฉียนซี
“กู้ไป๋อีนอนหมดสติอยู่ที่วังใต้ดิน ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา”
ทันทีที่ปลายนิ้วขยับ กระดาษแผ่นนั้นก็ถูกทำลายกลายเป็นผุยผง
นอนหมดสติ นั่นนับเป็นข่าวที่ดีที่สุดแล้ว…
มู่เฉียนซีมองไปที่อินรั่วเฉินและกล่าวว่า “เรามาตกลงเงื่อนไขกันเถอะ!”
“ข้าสามารถรักษาให้เจ้าหายได้ ล้างมลทินให้เจ้าได้ แต่เจ้าต้องมอบฝักกระบี่ให้ข้า ต้องร่วมมือกับหอหมอปีศาจและไล่คนพวกนั้นที่ไม่ใช่คนของดินแดนสี่ทิศออกไป”
“พระพุทธเจ้าของพวกเจ้าก็คงอยากจะอยู่ในดินแดนแห่งนี้อย่างสงบสุข คงไม่อยากถูกคนนอกเหล่านั้นรบกวนหรอกกระมัง!”
หากหอหมอปีศาจรับมือกับตำหนักเป่ยหานเพียงลำพังก็ยังพอสู้ได้
แต่ตอนนี้กองกำลังของตำหนักเป่ยหานไม่ใช่กองกำลังเดิมแล้ว แต่เป็นกองกำลังของเป่ยกงจั๋ว
หากหอหมอปีศาจเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับพวกเขา โอกาสที่จะเอาชนะได้ก็มีไม่ถึงสามส่วน แต่หากมีแคว้นเทพฟ้านอินมาร่วมมือด้วย โอกาสชนะก็มีถึงห้าส่วนสิบ
อินรั่วเฉินกล่าว “ข้ายอมรับเงื่อนไขของเจ้า”
การตกลงเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ!
มู่เฉียนซีก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นางต้องการฝักกระบี่ ต้องการเป็นพันมิตรกับแคว้นเทพฟ้านอินเพื่อรับมือกับเป่ยกงจั๋ว
“แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่?” มู่เฉียนซีมองอินรั่วเฉินอย่างพิจารณา
เป็นถึงโอรสศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์ เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า แต่ตอนนี้กลับถูกทุกคนตามไล่ฆ่า ช่างน่าอนาถใจจริงแท้
อินรั่วเฉินตอบ “คนพวกนั้นถูกพิฆาตวิญญาณฆ่าตาย เขาต้องการให้ข้าถูกคัดค้าน ต้องการให้ข้าหัวเดียวกระเทียมลีบ ต้องการให้ข้าไม่มีที่ไป”
“ตอนแรกข้าคิดว่าข้าจะถูกเขาฆ่าอย่างน่าอนาถซะแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าก็จะโดนเหมือนกัน แต่เจ้าเอาชีวิตรอดมาจากเงื้อมมือของเขาได้ ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก”
“เดิมทีพลังของเขาไม่สมบูรณ์ แถมยังบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย หากฆ่าข้า ฝักกระบี่ก็จะถูกทำลายไปด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ชอบฝักกระบี่ แต่ก็ไม่มีทางให้ฝักกระบี่ถูกทำลายไปเช่นนี้แน่นอน”
มู่เฉียนซีตอบ “ดังนั้นก็เลยบีบเจ้าให้จนมุม ให้เจ้าไม่ได้รับความเชื่อใจจากทุกคน ทำให้เจ้าถูกตราหน้าว่าทรยศหักหลัง ทำให้เจ้าเคืองแค้นต่อความไม่เป็นธรรม และยอมมอบฝักกระบี่ให้กับเขา เช่นนี้ก็จะทำให้พลังความแข็งแกร่งของเขาฟื้นฟูกลับมาเร็ว และเขาก็จะฆ่าสังหารทุกคน”
คนที่เคยอยู่สูงศักดิ์จนเกินเอื้อมได้กลับกลายมาตกต่ำเช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้คนทรมานจนเป็นบ้าได้เลย และนี่คือเจตนาของเจ้าพิฆาตวิญญาณ
ไม่ว่าจะถูกตามไล่ฆ่า หรือจะถูกเขาบีบบังคับ แต่อินรั่วเฉินยังคงเฉยเมยอยู่เช่นนี้ได้ พิฆาตวิญญาณประเมินอินรั่วเฉินต่ำเกินไปแล้ว
“ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้แล้วข้ารู้สึกว่าข้าอยู่ข้างกายเจ้ามันจะยิ่งอันตราย! พิฆาตวิญญาณต้องย้อนกลับมาอีกแน่” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าว
“แม่นางมู่ เจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ตราบใดที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ในมือเจ้า เขาก็จะกลับมาหาเจ้าได้ทุกเมื่อ! ตอนนี้ที่เขาไม่ลงมือนั่นก็แสดงว่าอาการของเขากำลังแย่ ไม่เหมาะที่จะลงมือในตอนนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้าบอกว่าจะไปสถานที่แห่งหนึ่ง เจ้าจะไปที่ใด?”
อินรั่วเฉินมองนางก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าได้ตรวจสอบเรื่องบางอย่างในตำหนักเทพมาได้ เกรงว่าดินแดนสี่ทิศจะไม่สงบอีกต่อไปแล้ว มีพลังชั่วร้ายพลังหนึ่งรอที่จะระเบิดออกมา หลังจากที่ข้าตรวจสอบเรื่องนี้ได้ ก็มีคนคอยจับตามองข้าอยู่ และคนที่ปรากฏอยู่ในตำหนักเทพเหล่านั้น เกรงว่าจะเป็นศัตรู!”
“เพียงแต่ว่า ที่แห่งนั้นไม่มีผู้ใดสามารถย่างกรายเข้าใกล้ได้!”
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “นั่นก็หมายความว่าพิฆาตวิญญาณได้ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ครั้งหนึ่ง!”
“บางทีมันอาจจะเป็นความผิดพลาดก็ได้” อินรั่วเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ที่ที่เจ้าจะไป คือที่ที่คนเหล่านั้นอยู่อย่างนั้นเหรอ?”
“เปล่า! ที่แห่งนั้นมีของที่คนพวกนั้นต้องการ ข้าอยากไปขัดขวาง”
“รักษาตัวให้หายก่อน หายเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที หากอรหันต์ทั้งสิบแปดองค์แห่งตำหนักเทพของเจ้าลงมือ ข้าสู้ไม่ไหวหรอกนะ”
ทั้งสองได้เป็นพันธมิตรกันชั่วคราว มู่เฉียนซีก็ไม่ได้เอาเปรียบเขา นางมอบยาที่ดีที่สุดให้กับเขา เพื่อให้พลังของเขาฟื้นฟูกลับมาโดยเร็ว!
แม้จะรู้ว่าตอนนี้เสี่ยวไป๋ยังปลอดภัย แต่นางก็ไม่อยากจะเสียเวลามาก
หลังจากที่มู่เฉียนซีมอบยากองใหญ่ให้อินรั่วเฉิน ร่างกายของอินรั่วเฉินก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ และสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว
ในขณะที่จะอออกเดินทาง อินรั่วเฉินมองดูสภาพชุดกระโปรงที่เขาสวมใส่ และกล่าวขึ้นว่า “แม่นางมู่ ข้า…ข้าสวมอาภรณ์บุรุษได้หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีมองสาวงามที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน เจ้าอยากสวมอาภรณ์บุรุษ ต่อให้แปลงกายก็ยากที่จะทำให้คนไม่สงสัยในตัวเจ้าได้ สวมอาภรณ์สตรีสะดวกกว่าเยอะ เจ้าคิดเช่นไร ?”
“แต่ว่า…” แม้ว่าสีหน้าของอินรั่วเฉินจะดูเฉยเมย แต่บุรุษที่ต้องมาสวมใส่กระโปรงสวมอาภรณ์สตรีเช่นนี้ทุกวัน อย่างไรเสียก็รู้สึกไม่สบายตัวอยู่ดี!
“เรื่องที่เจ้าจะทำก็เป็นเรื่องด่วนเหมือนกัน เจ้าเองก็คงไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้หรอกกระมัง! อีกอย่าง จะว่าไปเจ้าก็สวยมากเลยนะ!”
“หน้าซีดหมดแล้ว ข้าแต่งหน้าเพิ่มให้เจ้าสักหน่อยดีกว่า” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“แม่นางมู่…”
“ข้าจะทาปากเพิ่มให้เจ้า เจ้าปิดปากเดี๋ยวนี้…”
“แม่นางมู่…”
“อย่ากระพริบตานะ ข้าจะทาตัวให้เจ้า!”
“……”
.