ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1423 โอรสศักดิ์สิทธิ์ผู้หลอกลวง
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความมีเมตตาและอ่อนโยน
เมื่อเขาเห็นอินรั่วเฉินก็ตกตะลึงขึ้นเล็กน้อย “รั่วเฉิน เจ้ากลับมาแล้ว เจ้าไม่เป็นอะไรนับว่าเยี่ยมจริง ๆ”
“หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอิน ข้ารู้สึกว่าท่านจะเสแสร้งไปสักหน่อยนะ! หลังจากเกิดเรื่อง ท่านไม่เพียงแต่จะไม่ตรวจสอบเรื่องจริงให้กระจ่าง แถมยังส่งคนออกไปตามล่าอินรั่วเฉินอีก มิหนำซ้ำยังประกาศเรื่องนี้ออกไปจนทำให้คนอื่นเชื่อ หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนล้างบาปด้วยตัวเอง เกรงว่าชื่อเสียงเขาต้องฉาวโฉ่จนไม่รู้จะฉาวโฉ่ยังไงแล้วล่ะ ถึงตอนนั้นจะพิสูจน์เช่นไรก็คงไม่มีใครเชื่อแล้ว”
มู่เฉียนซีเห็นหน้าเจ้าเฒ่าผู้นี้แล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที แม้ว่าเขาจะดูเหมือนคนดีก็ตาม
แม้ว่าศึกการต่อสู้ของทั้งสองตำหนักจะทำให้พวกเขาได้รับความเสียหายไปไม่น้อย แถมนางเองก็เกือบจะถูกมู่หลินหลางฆ่า
นางเรียกร้องให้เจ้าเฒ่านี่ส่งตัวอินรั่วเฉินมา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นที่ตำหนักเทพ
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาธรรมดาแต่กลับมีนิสัยดื้อรั้นหัวแข็งมาก ก่อนที่เขาจะตกใจผงะไปครู่หนึ่ง
“พสกผู้นี้เป็นใคร?”
มิน่าล่ะว่าเหตุใดชื่อเสียงของโอรสศักดิ์สิทธิ์ถึงได้เป็นที่ขนานนามมากกว่าหัวหน้าแคว้น ด้วยสายตาอันเฉียบแหลม หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินไม่อาจเทียบอินรั่วเฉินได้เลยแม้แต่น้อย
อินรั่วเฉินกล่าว “หัวหน้าแคว้น นี่คือสหายของข้า ครั้งนี้ต้องขอบคุณเขาที่ดูแลข้าเป็นอย่างดี”
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินกล่าว “เรื่องราวของรั่วเฉินนั้นค่อนข้างซับซ้อน ข้าเองก็ต้องจำใจบีบบังคับ แต่เขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!”
อินรั่วเฉินมองหัวหน้าแคว้นพลางกล่าวว่า “หัวหน้าแคว้น ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
ที่เขากล่าวว่าเรื่องสำคัญนี้เพราะเขาต้องการจะหลีกเลี่ยงกู่ถาน แต่ไม่ได้จะหลีกเลี่ยงหรือปิดบังมู่เฉียนซี
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนอินรั่วเห็นจะคนผู้นี้เป็นคนพิเศษมากสำหรับเขา
ครั้นแล้วอินรั่วเฉินจึงได้เล่าเรื่องราวให้หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินฟัง หัวหน้าแคว้นกล่าวว่า “เรื่องนี้ต้องตรวจสอบอย่างลับ ๆ จะต้องจับหนอนบ่อนไส้ของเผ่าวิญญาณร้ายที่แฝงตัวออกมาให้ได้”
ท่าทางของหัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินดูจริงจังในการจัดการเรื่องนี้มาก!
แต่มู่เฉียนซีกลับกล่าวด้วยท่าทางเกียจคร้านว่า “คนของเผ่าวิญญาณร้ายระมัดระวังตัวมาก รู้จักซ่อนตัวเป็นอย่างดี ท่านตามหาเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่จะหาเจอ!”
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่เป็นกันเองและเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมาโดยตลอด แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ชื่นชอบไม่ได้
ทุก ๆ ครั้งที่เอ่ยปากกล่าวออกมาก็ล้วนแต่เป็นคำพูดเสียดแทงใจทุกครั้งไป
อินรั่วเฉินกล่าว “คุณชายมู่มีวิธีอันใดหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอยากฟังเหรอ!”
“ข้าคิดว่าวิธีของคุณชายมู่จะต้องเป็นวิธีที่ดีที่สุดแน่นอน” อินรั่วเฉินกล่าวด้วยความเชื่อมั่น
ในตอนนี้หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินก็ตกตะลึงขึ้นแล้ว เขาไม่เคยเห็นอินรั่วเฉินเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
ชมเชยกันถึงเพียงนี้เลยรึ?
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าคิดว่า ควรจะเรียกคนระดับสูงของแคว้นเทพฟ้านอินทุกคนมา จากนั้นก็ประกาศเรื่องนี้ให้พวกเขารู้ พวกคนของเผ่าวิญญาณร้ายกลัวถูกเปิดโปงมากไม่ใช่เหรอ ก็เปิดโปงพวกมันให้ผู้คนรู้กันให้หมดนี่แหละ คราวนี้พวกมันต้องเผยพิรุธออกมาแน่นอน”
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินกล่าว “แล้วหากว่าพวกนั้นอดทนไม่ยอมเผยพิรุธออกมาล่ะ!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “จะตกเบ็ดทั้งทีก็ต้องมีเหยื่อล่อ หากเราใช้เหยื่อล่อถูก ต่อให้พวกมันอดทนมากเพียงใดก็ต้องเผยพิรุธออกมาแน่นอน”
อินรั่วเฉินกล่าวขึ้นว่า “ผลึกวิญญาณราชาทมิฬ!”
“ใช่! พวกมันทำลายล้างเผ่าที่ซ่อนตัวออกจากโลกภายนอกเพื่อต้องการของสิ่งนั้น พวกมันถึงกับต้องส่งกองกำลังไปถึงสองกองกำลัง เห็นได้ชัดว่าของสิ่งนั้นสำคัญกับพวกนั้นมาก”
“เช่นนั้นก็ทำตามนี้!”
“เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว กลับไปพักผ่อนฝึกบำเพ็ญเถอะ!”
อินรั่วเฉิน “เด็ก ๆ! พาคุณชายมู่ไปพักผ่อนที่พระอุโบสถของข้า”
“อะไรนะ! พักที่พระอุโบสถของเจ้า!” หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
ต้องรู้เอาไว้เลยว่าแม้แต่ตัวของหัวหน้าแคว้นเองก็ยังไม่สามารถพักในนั้นได้!
หัวหน้าแคว้นมองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก เขามีความรู้สึกในใจขึ้นว่าผักที่เขาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ตอนนี้ถูกคนอื่นเด็ดไปเสียแล้ว
มู่เฉียนซีเดินออกไปด้วยท่าทีเกียจคร้าน เรื่องต่อจากนี้ก็มอบให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาแล้ว
เรื่องของเผ่าวิญญาณร้ายได้ถูกเปิดโปงแล้ว ทำให้คนระดับสูงในแคว้นเทพฟ้านอินตกตะลึงพรึงเพริดกันมาก
“เผ่าวิญญาณร้าย มีเผ่าเช่นนี้ขึ้นได้ยังไง!”
“มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะแฝงตัวเข้ามาในตำหนักเทพของพวกเราได้”
จะไม่เชื่อแต่พวกเขาก็มีวิธี เพราะมีพยานอยู่!
เมื่อกู่ถานนายน้อยแห่งเผ่าโบราณปรากกฎตัว และชี้แจงด้วยตัวเอง ในขณะเดียวกันนั้นก็ขอร้องให้แคว้นเทพฟ้านอินส่งคนออกไปตามหาคนในเผ่าของเขาที่รอดชีวิตด้วย
เรื่องนี้หัวหน้าแคว้น โอรสศักดิ์สิทธิ์ และอรหันต์ทั้งสิบแปดองค์ได้ตอบตกลงแล้ว
แคว้นเทพฟ้านอินส่งคนจำนวนมากออกไปตามค้นหาผู้รอดชีวิตของเผ่าโบราณแล้ว กู่ถานรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
บุญคุณครั้งนี้เขาจะจดจำไปตราบนานเท่านาน
ตอนนี้แดนเหนือและแดนตะวันออกกำลังวุ่นวาย หลังจากศึกการต่อสู้ของทั้งสองตำหนักผ่านไป ก็เกิดศึกตำหนักเป่ยหานกับหอหมอปีศาจ ตอนนี้ภายในวุ่นวายมาก พวกเขาจึงไม่มีเวลาสนใจเผ่าวิญญาณร้ายที่ปรากฏตัวออกมาอย่างลึกลับนี้
ดังนั้นจึงให้แคว้นเทพฟ้านอินของพวกเขาเป็นคนจัดการ
แคว้นเทพฟ้านอินของพวกเขาไม่มีทางยอมให้เผ่าวิญญาณร้ายนี้อยู่เป็นตัวอันตรายที่ดินแดนสี่ทิศแน่นอน นี่จึงเป็นเรื่องใหญ่อย่างเห็นได้ชัด
และเรื่องที่โอรสศักดิ์สิทธิ์ถูกใส่ร้ายป้ายสีนั้นก็ถูกล้างมลทินไปเรียบร้อยแล้ว โอรสศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้กับเผ่าวิญญาณร้าย ช่วยเหลือเผ่าที่ซ่อนตัวจากโลกภายนอกโดยที่ไม่สนใจต่อชื่อเสียงเหล่านั้นเลย
เกรงว่า การกลับมาของเขายิ่งทำให้เขาดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเรื่อย ๆ และผู้คนก็ยิ่งเลื่อมใสศรัทธาในตัวเขามากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อถึงยามรัตติกาล อินรั่วเฉินก็กลับมา!
เขาเพิ่งจะย่างเท้าก้าวเข้ามาในพระอุโบสถ ลำแสงอันเย็นยะเยือกแสงหนึ่งก็วาบขึ้น และเข็มยาเข็มหนึ่งก็สัมผัสลงตรงต้นคอของเขา
อินรั่วเฉินไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด เพราะคนที่ลงมือผู้นี้ก็คือมู่เฉียนซีนั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าว “เรื่องที่เจ้าจัดการอยู่ก็จัดการไปพอประมาณแล้ว เมื่อไหร่เจ้าจะคืนฝักกระบี่ให้ข้า!”
อินรั่วเฉินกล่าว “แม่นางมู่ รอให้ข้ากำจัดคนของเผ่าวิญญาณร้ายให้หมดจากตำหนักเทพก่อนเป็นเช่นไร?”
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้ายังโกหกข้าอยู่ ในฐานะที่เจ้าออกบวช การที่เจ้าหลอกหรือโกหกคนอื่นเช่นนี้ มันไม่ดีเอาซะเลยนะ!”
“ข้ารับประกัน ข้าจะคืนฝักกระบี่ให้เจ้าก่อนที่พิฆาตวิญญาณจะลงมือกับเจ้าแน่นอน” อินรั่วเฉินมองมู่เฉียนซีพลางกล่าว
“เจ้านี่มันแย่จริง ๆ กล้ามาต่อรองกับข้า!”
ฉึก! เข็มยาของมู่เฉียนซีปักเข้าที่คอของเขา
อินรั่วเฉินไม่หลบหลีก!
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะวางยาพิษเจ้าบ้างเหรอ? วางยาพิษให้พระที่ชอบหลอกลวงคนอื่นอย่างเจ้าให้ตาย!”
“เจ้าไม่ทำหรอก!”
“ไสหัวไปซะ! ร่างกายยังฟื้นตัวกลับมาไม่ปกติยังจะฝืนอีก ข้าไม่มีอารมณ์มาสู้กับคนป่วยอย่างเจ้า”
อินรั่วเฉินกล่าว “ข้าส่งคนไปสืบข่าวที่ตำหนักเป่ยหานมาอย่างละเอียดแล้ว”
“แค่นี้ก็จะมาติดสินบนข้า อินรั่วเฉิน เจ้าเพ้อฝันมากเกินไปแล้ว”
อินรั่วเฉินถูกมู่เฉียนซีไล่ให้ไปกินยาและพักผ่อน ส่วนนางกำลังอ่านข่าวที่สืบมา
แม้ว่าทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่จะอยู่ไกลจากแดนเหนือมาก แต่คนของเป่ยกงจั๋วก็ใกล้จะไปถึงที่นั่นแล้ว จะต้องยับยั้งไว้ให้ได้!
มู่เฉียนซีมีแผนการอยู่ในใจแล้ว เช้าวันต่อมานางก็ไปหาอินรั่วเฉิน
มู่เฉียนซีกล่าว “เรื่องฝักกระบี่ เจ้าค่อยเอาให้ข้าก็ได้ แต่ตอนนี้รีบส่งคนไปร่วมมือกับข้าก่อน ข้าจะไปรับมือกับเจ้าเป่ยกงจั๋วนั่น”
อินรั่วเฉินกล่าว “มีทางเดียวคือต้องจัดการศัตรูตอนนี้ที่อยู่ในตำหนักเทพให้หมดสิ้นเสียก่อน ถึงจะลงมือสนับสนุนทัพนอกได้ มิเช่นนั้นพวกมันจะฉวยโอกาสนี้ทำเรื่องวุ่นวายขึ้นได้ แม่นางมู่เองก็คงจะเข้าใจดี คนพวกนั้นมีพลังชั่วร้าย ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเป่ยกงจั๋วเลย”
“จัดการคนพวกนั้นเสร็จแล้วจะส่งคนไปใช่หรือไม่?”
“อืม! แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าจะเอาชนะได้หรือไม่ แต่ข้าจะรักษาสัญญา”
“ข้าจะเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าอย่าได้หลอกข้าอีกเชียว”
“ข้าไม่เคยหลอกลวงแม่นางมู่สักครั้ง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เป็นของเจ้า ฝักกระบี่ก็เป็นของของเจ้า เพียงแค่ตอนนี้ข้ามีปัญหาเล็กน้อย ยังมอบมันให้กับเจ้าไม่ได้” อินรั่วเฉินกล่าวอย่างจนปัญญา
มู่เฉียนซีก็รู้ดีว่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้จิตใจอยากจะได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไปครอบครอง แต่… “ยังมอบให้ไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็บอกข้ามาว่าเหตุใดถึงทำเช่นนี้?”