ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1432 หลบหนี
ตูม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เปลวไฟสีแดงฉานลุกโชนขึ้นทำให้ตำหนักเป่ยหานที่เย็นยะเยือกสว่างไปทั่ว
“ชิงอิ่ง!”
ในลำแสงของเปลวไฟนี้ ร่างในชุดสีเขียวพามู่เฉียนซีกระโจนขึ้นไปกลางอากาศทันที
เป่ยกงจั๋วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คิดจะพากันหนีอย่างนั้นเหรอ!”
“ขวางพวกมันไว้ อย่าให้พวกมันเข้าไปใกล้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนั่นได้ ขวางพวกมันเอาไว้!”
แม้แต่เป่ยกงจั๋วเองก็คิดว่ามู่เฉียนซีจะพุ่งเข้าไปในหอฉงโหลวบนเมฆาเพื่อหลบหนี ใช้อุบายเดิม ๆ เขาไม่มีทางยอมให้หญิงสาวผู้นี้ทำสำเร็จแน่นอน
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ร่างในชุดเขียวนั้นจะเปลี่ยนทิศทาง
ไม่ว่าบริเวณรอบ ๆ จะโจมตีอย่างบ้าคลั่งเช่นไร เขาก็ปกป้องมู่เฉียนซีเอาไว้อย่างดี และพุ่งตัวไปอีกทางหนึ่ง
เป้าหมายของพวกเขานั้นไม่ใช่หอฉงโหลวบนเมฆา
ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น แม้แต่หอฉงโหลวบนเมฆาเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน
“นายท่าน ไม่ได้จะเข้ามาที่ข้าหรอกเหรอ?”
กู่ถานกล่าว “ท่านหมอไม่ได้คิดจะเข้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อย่างไรเสียพวกเขาก็ได้เตรียมการเอาไว้แล้วแน่นอน หากจะเข้ามาในนี้ มิสู้ไปที่ค่ายกลส่งตัวนั่นไม่ดีกว่าเหรอ!”
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ไม่นานนัก หอฉงโหลวบนเมฆาก็ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนาย
“หอฉงโหลว เจ้าไปส่งพวกเขาที่ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ในแดนตะวันออกก่อน ส่วนข้ากับชิงอิ่งจะใช้ค่ายกลส่งตัวไปแดนตะวันออก!”
“เช่นนั้นนายท่านระวังด้วยนะขอรับ! อย่าให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บเป็นอันขาด!”
ไม่นานนักเป่ยกงจั๋วก็ได้สติคิดขึ้นมาได้ “บัดซบ ตบตาข้าเหรอ! เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนั่น แต่เป็น…”
“ตามไป! รีบตามไปเร็วเข้า! ปิดค่ายกลส่งตัวเร็วเข้า!”
“ครั้งนี้อย่าให้พวกมันหนีไปได้เป็นอันขาด!”
ร่างนับไม่ถ้วนมุ่งหน้าไปที่สถานที่ตั้งของค่ายกลส่งตัวแห่งแดนเหนือ ชิงอิ่งพุ่งตัวไปด้วยความเร็วที่เร็วสุดขีด ไม่นานนักก็ถึงที่หมาย
เมื่อเห็นมู่เฉียนซี ร่างหลายร่างก็พุ่งออกมาทันใด มู่เฉียนซีกับชิงอิ่งคิดว่าคนเหล่านี้คือศัตรู
“ประมุขน้อยมู่ รีบตามข้ามา! ค่ายกลส่งตัวจะเริ่มทำงานแล้ว พวกเราเตรียมพร้อมเอาไว้แล้วขอรับ!”
“ส่วนคนอื่นได้ไปขวางหัวหน้าตำหนักเป่ยหานเอาไว้แล้วขอรับ!”
พวกเขามาสนับสนุนมู่เฉียนซี และคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนของหอหมอปีศาจด้วยซ้ำ
อย่างไรเสีย แผนการในครั้งนี้นางก็ไม่ได้บอกใครเลย
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
พวกเขากล่าว “นายท่านของพวกเราส่งพวกเรามาช่วยประมุขน้อยขอรับ ประมุขน้อยจะไปแดนตะวันตกหรือแดนตะวันออกขอรับ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “แดนตะวันออก รีบไปเร็วเข้า!”
ในขณะที่ค่ายกลส่งตัวกำลังเริ่มขึ้น ความเร็วในการตามมู่เฉียนซีของเป่ยกงจั๋วนั้นก็รวดเร็วมากเหมือนกัน!
ไม่นานนักพวกเขาก็ตามมาถึงที่นี่แล้ว
เป่ยกงจั๋วกล่าวเย้ยหยันว่า “มู่เฉียนซี เจ้าหนีไม่รอดแล้ว!”
“สู้!”
คนเหล่านั้นต้องการขวางเป่ยกงจั๋วเพื่อถ่วงเวลาให้มู่เฉียนซี แต่ก็ไม่อาจขวางเป่ยกงจั๋วได้อยู่ดี
เป่ยกงจั๋วจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ต่อให้ข้าจะต้องฆ่าเจ้า ข้าก็จะไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหนีรอดไปจากเงื้อมมือของข้าได้อีก”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวตัดผ่านอากาศพุ่งเป้าไปที่มู่เฉียนซี
ขอเพียงแค่มู่เฉียนซีตาย การทำงานของค่ายกลส่งตัวก็จะล้มเหลวลง
ขอเพียงแค่มู่เฉียนซีตาย ไม่ว่าจะเป็นหม้อเทพนิรันดร์หรือจะเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็จะกลายเป็นของล้ำค่าที่ไร้เจ้านาย
ส่วนตำแหน่งว่าที่ภรรยา ทั่วทั้งแดนซวนเทียนยังมีสตรีอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่เชื่อฟังเขาและยอมเป็นสนมให้กับเขา
พลังอันน่าสะพรึงกลัวโจมตีไปที่มู่เฉียนซี ชิงอิ่งจะรับการโจมตีนี้แทนมู่เฉียนซี ต่อให้มันจะอันตรายถึงขั้นร่างกายจะกระจุยออกเป็นชิ้น ๆ ก็ตาม
ครั้งนี้ เป่ยกงจั๋วต้องการฆ่ามู่เฉียนซีจริง ๆ เขาจึงปล่อยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเช่นนี้
ทว่า มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวร่างมาขวางหน้าชิงอิ่งเอาไว้ นางกล่าว “ชิงอิ่ง ขอโทษด้วย ที่ข้าต้องลืมอีกครั้งว่าเจ้าเป็นหุ่นเชิด!”
รูม่านตาของชิงอิ่งขยายใหญ่ขึ้น “เฉียน!”
“ไม่เป็นไร!”
ลำแสงสีฟ้าอ่อนเปล่งประกายขึ้นห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้
ต่อให้พลังของเป่ยกงจั๋วแข็งแกร่งมากกว่านี้ แต่ภายใต้ลำแสงสีฟ้าอ่อนนี้ก็ยังคงทำอะไรมู่เฉียนซีไม่ได้อยู่ดี
อีกอย่าง เนื่องจากพลังแห่งมิติของสุ่ยจิงอิ๋ง ทันทีที่ค่ายกลส่งตัวเริ่มทำงานก็ได้ส่งตัวมู่เฉียนซีกับชิงอิ่งออกไปแล้วอย่างรวดเร็ว
เป่ยกงจั๋วตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “ลำแสงนั่น คือสิ่งใดกัน?”
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์เหรอ?”
“บุตรสาวของมู่เฟิงอวิ๋น องค์หญิงน้อยแห่งตระกูลมู่มีของล้ำค่าติดตัวไม่น้อยเลย แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังอดที่จะอยากได้มาครอบครองไม่ได้!”
“เปิดค่ายกลส่งตัวเดี๋ยวนี้ ตามพวกมันไปเร็วเข้า! ต่อให้พวกมันเข้าไปในค่ายกลส่งตัวแล้ว แต่ก็คงจะยังไปได้ไม่ไกล!”
ทว่า…
“ฝ่าบาท พลังแห่งมิติค่ายกลส่งตัวนี้ถูกปิดผนึกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาท ค่ายกลส่งตัวใช้ไม่ได้ จะทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ!”
“มู่เฉียนซี ทำได้ยังไงกัน!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! เป่ยกงจั๋วโกรธเกรี้ยวมากจึงระบายโทสะออกมาอย่างรุนแรงจนรอบบริเวณแตกกระจุยกระจายกลายเป็นซากปรักหักพัง
“ตามมันไป! ตามมันไปให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“เปิดมิติเรือบินเดี๋ยวนี้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เป่ยกงจั๋วโกรธจนแทบบ้าคลั่งแล้ว เขาเคยชินกับความสมปรารถนา ปรารถนาสิ่งใดก็ย่อมได้ในสิ่งนั้น แต่เมื่อมู่เฉียนซีปรากฏตัวขึ้น เขากลับต้องเผชิญกับความผิดหวังอย่างที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน
ชิงอิ่งอุ้มมู่เฉียนซีออกมาจากค่ายกลส่งตัว พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีในตอนนี้ใช้ไปหมดแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “รีบออกไปจากเมืองตงจี๋เร็วเข้า เมืองตงจี๋มีคนของตำหนักเป่ยหานอยู่!”
“เพื่อปกปิดที่อยู่ เราจะมุ่งหน้าไปที่ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่เลยไม่ได้ หาป่าที่ไม่มีผู้คนสักแห่งรักษาอาการบาดเจ็บก่อน!”
“อืม!”
ครั้นแล้วชิงอิ่งจึงรีบออกจากเมืองตงจี๋อย่างรวดเร็ว และมู่เฉียนซีก็หมดสติไปอีกครั้ง
ซู่ ซ่า!
เมื่อมู่เฉียนซีฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็ได้ยินเสียงน้ำไหลท่ามกลางหมู่แมกไม้
ดวงตาคู่นั้นค่อย ๆ ลืมขึ้นมา ตอนนี้นางได้ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่ารกทึบแห่งหนึ่ง
นางกินยาลูกกลอนเข้าไปไม่น้อย ดื่มโอสถเข้าไปมากมายหลายขวด จนพลังจิตฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว
“ดูท่าคงต้องปลอมตัวอีกครั้ง ถึงจะออกเดินทางไปยังทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ได้”
ที่ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่มีกองกำลังหลักของหอหมอปีศาจอยู่ และเป็นกองกำลังของนางที่จะเอาไว้ต่อสู้กับเป่ยกงจั๋วด้วย
เป่ยกงจั๋วถึงขั้นใช้พลังต้องห้ามกักขังเสี่ยวไป๋เอาไว้ ฉวยโอกาสไปช่วยเขาออกมาก็ไม่ได้ ฉะนั้นจำเป็นต้องมีพลังที่เพียงพอและต้องเอาชนะเป่ยกงจั๋วให้ได้ เช่นนี้ถึงจะช่วยเสี่ยวไป๋ออกมาได้
มู่เฉียนซีรีบแปลงกายตัวเอง จากนั้นก็กล่าวขึ้นว่า “เวลาไม่เคยรอใคร เรารีบเดินทางกันเถอะ!”
นางปลอมตัวจนคนอย่างเป่ยกงจั๋วมองไม่ออกมาแล้ว ตอนนี้เร้นกายอยู่ท่ามกลางผู้คนเช่นนี้ ต่อให้เป่ยกงจั๋วจะเก่งกาจสักเพียงใดก็ไม่มีทางหานางเจอ
มู่เฉียนซีเดินทางเข้ามาใกล้ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่มากแล้ว เมื่อมาถึงเมืองเมืองหนึ่ง มู่เฉียนซีจึงแวะหอสุราแห่งหนึ่ง เปิดห้องส่วนตัวห้องหนึ่งนั่งกินข้าว
เสียงการสนทนาของผู้คนในบริเวณโดยรอบ มู่เฉียนซีล้วนแต่ได้ยินทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่เป็นเช่นไรบ้าง
“พวกเจ้าสังเกตหรือว่าพวกช่วงนี้ในเมืองเรามียอดฝีมือเดินทางเข้ามาจากไหนมากมายก็ไม่รู้!”
“ข้าได้ยินมาว่าคนเหล่านั้นเป็นคนของตำหนักเป่ยหาน ได้ยินมาว่ามีคนของหอหมอปีศาจปรากฏตัวอยู่แถวทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ พวกเขาจึงพากันมาตรวจสอบ”
“คนที่มาตรวจสอบพวกนั้น มาเท่าใดก็ตายเท่านั้น ไม่นึกเลยว่ายังจะมากันอีก”
“หมอปีศาจเกือบจะพลิกตำหนักเป่ยหานได้แล้วเชียว แต่หัวหน้าตำหนักเป่ยหานมาขวางไว้ซะก่อน แต่หมอปีศาจก็หนีรอดพ้นเงื้อมมือของหัวหน้าตำหนักเป่ยหานมาได้ หัวหน้าตำหนักเป่ยหานโกรธแทบบ้า ถึงขั้นประกาศเลยนะว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับตัวนางให้ได้!”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ยินเสียงการสนทนามาจากห้องข้าง ๆ!
“ชิ! พวกสวะไร้ประโยชน์พวกนั้นจะไปมีความสามารถอันใดกัน สมควรตายแล้ว! ครั้งนี้เหล่าบรรดาพี่น้องของพวกเรามารวมตัวกันมากมายถึงเพียงนี้ ไม่ว่าคนของหอหมอปีศาจจะซ่อนตัวเร้นกายอยู่ที่ใดในทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ พวกเราก็ต้องจับตัวพวกมันออกมาได้แน่!”
“ใช่! เพื่อจับตัวมู่เฉียนซีนั่นคนเดียว พวกเราต้องมาอยู่ในสถานที่กันดารพลังวิญญาณจาง ๆ เช่นนี้ตั้งหลายวัน เสียเวลาจริง ๆ ต้องรีบจับตัวมู่เฉียนซีนั่นให้ได้และส่งตัวให้องค์รัชทายาทจัดการให้เร็วที่สุด!”
.