ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1443 นางชื่อลั่วเหมี่ยว
“ฝันไปเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
เนื่องจากมู่เฉียนซีเสนอราคาออกมาสูงเหยียดฟ้าเช่นนี้ ทุกคนจึงไร้กำลังทรัพย์ที่จะแย่งประมูล
พิธีกรกล่าว “ตกลง!”
แม้ว่าลั่วเหมี่ยวจะไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอจะเดาออกว่าเกิดอันใดขึ้น
ทุกคนอาจจะรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นั้นอวดดีไปหน่อย แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ แล้ว ลั่วเหมี่ยวกลับไม่รู้สึกถึงเจตนาร้ายของนางเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นในใจของลั่วเหมี่ยวเองก็รู้สึกชื่นชอบเล็กน้อย!
หลังจากการประมูลครั้งนี้ได้จบลง โรงประมูลก็มาคิดค่าประมูลจากมู่เฉียนซีแขกผู้ทรงเกียรติท่านนี้
อันที่จริงพวกเขาก็กลัวว่ามู่เฉียนซีจะก่อเรื่อง จ่ายไม่ไหวเสียอีก
ต้องบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าตั้งแต่โรงประมูลของพวกเขาเปิดทำการมานานหลายปี แขกผู้ที่ประมูลไปในราคาที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ยังเทียบหนึ่งในสิบของหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้เลย
ทว่า มู่เฉียนซีกลับจ่ายไปด้วยท่าทีที่สบาย ๆ
หยกวิญญาณ จ่ายไปแล้ว แถมยังเป็นหยกวิญญาณที่คุณภาพยอดเยี่ยมอีกด้วย
ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าจำนวนหนึ่งร้อยเม็ดแบ่งออกเป็นสิบขวด ในขณะที่ยื่นให้นั้นนางไม่มีท่าทางเคร่งเครียดแต่อย่างใดเลย นางยื่นให้พวกเขาราวกับว่ายาลูกลอนเหล่านี้เป็นเพียงแค่ลูกกวาดเคลือบน้ำตาลก็เท่านั้น
“ผู้ตรวจสอบ โปรดตรวจสอบด้วยขอรับ!”
หลังจากที่ผู้ตรวจสอบตรวจสอบเสร็จสิ้น เขาก็แทบจะคุกเข่าลงต่อหน้ามู่เฉียนซี
“ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้า คุณภาพเป็นเลิศ นะ นี่ นี่นักปรุงยาท่านใดหลอมออกมา นายท่าน ท่านจะรับ…”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่ได้!”
เจ้าของโรงประมูลเมื่อเห็นภาพนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นทันใด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้ตรวจสอบผู้เย่อหยิ่งสูญเสียการควบคุมและมีท่าทาเช่นนี้
ของที่หญิงสาวผู้นี้มอบให้ล้วนแต่เป็นของที่ยอดเยี่ยมทั้งสิ้น!
มู่เฉียนซีกล่าว “ตกใจกันพอรึยัง ถ้าพอแล้วก็เอาสมุนไพรกับเด็กน้อยผู้นั้นมาให้ข้าได้แล้ว”
“นายท่านโปรดรอสักครู่ พวกเราจะให้คนส่งตัวนางมาให้ขอรับ” เจ้าของโรงประมูลทำท่าทางเคารพนอบน้อมขึ้นมาทันที
สมุนไพรวิญญาณถูกส่งมาให้กับมู่เฉียนซีแล้ว
ส่วนเด็กน้อยผู้นั้นก็ถูกส่งตัวมาแล้วเช่นกัน
นางเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ มองหน้ามู่เฉียนซี พลางมีความคิดขึ้นในใจว่า ‘พี่สาวท่านนี้ช่างงดงามยิ่งนัก’
มู่เฉียนซีกล่าว “มานี่สิ!”
ลั่วเหมี่ยวค่อย ๆ ย่างเท้าเดินไปอย่างช้า ๆ มู่เฉียนซีชี้นิ้วไปที่ที่นั่งข้าง ๆ พลางกล่าว “นั่งลง”
เด็กน้อยผู้นี้เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้านาง นางรู้สึกว่ารูปร่างหน้าตาภายนอกของเด็กน้อยผู้นี้เหมือนสุ่ยจิงอิ๋งมาก แต่อย่างอื่นนั้นกลับแตกต่างกันมาก
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง เจ้าคิดเช่นไร?”
“แม้ว่าจะอยู่ใกล้กันมากถึงเพียงนี้ แต่ข้าก็ดูไม่ออกว่าจะมีเบาะแสอันใดเลย”
“ไม่ว่าจะมีเบาะแสหรือไม่ เก็บนางเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน!”
มู่เฉียนซีมองเด็กน้อยอย่างพิจารณา ก่อนจะกล่าวถามว่า “เจ้ามีชื่อแซ่ว่าอะไร?”
“ขะ ข้า ข้าชื่อลั่วเหมี่ยวเจ้าค่ะ” เด็กน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนฟังแล้วดูน่ารักยิ่งนัก
“เสี่ยวเหมี่ยว เจ้ายินยอมจะไปอยู่กับข้าหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“พี่สาวใจดีกับข้ามาก ข้าอยากอยู่กับพี่สาว” ดวงตาสีฟ้าอ่อนสดใสดุจดั่งวารีคู่นั้นมองมู่เฉียนซีด้วยความจริงใจ
มู่เฉียนซีอดที่จะเข้าไปลูบผมสีฟ้าอ่อนของนางที่เหมือนกับสุ่ยจิงอิ๋งไม่ได้ มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้วล่ะ ข้าไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เจ้าคิดนะ!”
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “พี่สาวเป็นคนดี ข้ารู้”
ในตอนนี้เอง จิ่วเยี่ยก็คว้ามือมู่เฉียนซีเอาไว้
การปรากฏตัวของคนชุดดำอย่างกะทันหันนั้น ทำให้ลั่วเหมี่ยวรู้สึกหวาดกลัวมาก สัญชาตญาณของนางบอกว่าพี่ชายผู้นี้อันตรายเหลือเกิน
จิ่วเยี่ยกล่าว “ซี เราไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม ไปกันเถอะ!”
“เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าเด็กสามหาวนั่นมีกำลังจ่ายได้จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ”
“นายท่าน จริงแท้แน่นอนขอรับ!”
“ดูท่าหญิงสาวผู้นั้นต้องเป็นคนที่สูงส่งเป็นแน่! แต่เด็กน้อยผู้นั้นข้าไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปเด็ดขาด รอให้พวกมันออกไปจากเกาะทรายขาวเสียก่อน เราค่อยลอบโจมตีพวกมันกลางทะเล”
“ขอรับ!”
ซัวเฉียงที่กำลังตกใจไม่หายอยู่ตอนนี้นำทางพามู่เฉียนซีขึ้นเรือ และเดินทางออกจากเกาะทรายขาวแล้ว
ลั่วเหมี่ยวแปลกใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาก มู่เฉียนซีกำลังสอบถามถึงเรื่องราวของนาง
“เสี่ยวเหมี่ยว เจ้าถูกจับไปอยู่ที่โรงประมูลใต้ดินที่เกาะทรายขาวได้อย่างไรกัน?”
ลั่วเหมี่ยวกล่าวด้วยความสับสนว่า “เสี่ยวเหมี่ยวเองก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ พอตื่นขึ้นมาก็อยู่ที่นั่นแล้ว หากท่านพ่อรู้ว่าข้าหายตัวไป ท่านพ่อต้องเป็นกังวลมากแน่ ๆ”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “แล้วบ้านเจ้าอยู่ที่ใดกันล่ะ?”
รูปร่างหน้าตาเหมือนกับสุ่ยจิงอิ๋งเช่นนี้ต้องมีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่ เด็กน้อยผู้นี้ไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าครอบครัวของนางจะไม่รู้เรื่องด้วย
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ใด ข้าใช้ชีวิตอยู่คนเดียวบนเกาะแห่งหนึ่ง นาน ๆ ทีท่านพ่อจึงจะมาหาข้าบ้างบางครั้งบางคราว รอบ ๆ เกาะก็เป็นทะเลอันกว้างใหญ่ ข้าไม่รู้จักทางหรอกเจ้าค่ะ!” ลั่วเหมี่ยวดูสับสน
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เช่นนั้นหากพ่อเจ้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป ก็คงจะตามหาเจ้ากระมัง!”
“ท่านพ่อรักข้ามาก ต้องหาข้าเจอแน่นอน” ลั่วเหมี่ยวกล่าวด้วยความมั่นใจ
“เช่นนั้นก็ดี!” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
เรือออกห่างมาจากเกาะทรายขาวได้ไม่ไกลนัก มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ว่ามีกลิ่นอายหลายร่างอยู่ใต้น้ำ
จิ่วเยี่ยจะลงมือ แต่กลับถูกมู่เฉียนซีห้ามเอาไว้ก่อน มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “จิ่วเยี่ย ให้ข้าฝึกฝีมือสักหน่อยเถอะนะ!”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเบา ๆ ทันใดนั้นเอง ร่างหลายร่างก็โผล่ขึ้นมาบนพื้นผิวน้ำ
คนเหล่านี้แผ่ซ่านกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ลั่วเหมี่ยวหลบอยู่ด้านหลังมู่เฉียนซีด้วยความหวาดกลัว
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว! ก็แค่กุ้งหอยปูปลาตัวเล็ก ๆ ก็เท่านั้น ประเดี๋ยวข้าจัดการเอง”
ผู้ที่เป็นหัวหน้าก็คือคนผู้นั้นที่แย่งชิงประมูลลั่วเหมี่ยวแต่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉียนซีไป สายตาของเขาจับจ้องไปที่มู่เฉียนซี และกล่าวว่า “สาวน้อยผู้นี้เป็นภูตวารี!”
“ส่งของล้ำค่าของเจ้ามาให้หมด แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่โยนเจ้าให้เป็นอาหารปลา เจ้าจะได้รู้จักว่าข้าเป็นใคร!”
ลำแสงสีแดงฉานสว่างวาบขึ้น มู่เฉียนซีโจมตีไปด้วยกระบี่อย่างไม่รอช้า
“เจ้าฝันไปเถอะ!”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็กระโจนขึ้นไปยืนบนพื้นผิวน้ำ และโจมตีฆ่าฟันพวกเขาทันที
“ท่านมู่!” ซัวเฉียงจะเข้าไปช่วย ทว่า เขาที่เพิ่งจะฝึกบำเพ็ญมาได้แค่วันเดียว เมื่อเห็นพลังวิญญาณที่ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นแล้วก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง!
“ท่านหวง!” เขามองไปที่จิ่วเยี่ย และเห็นจิ่วเยี่ยยืนเฉยมองมู่เฉียนซีอยู่ข้าง ๆ ไม่เคลื่อนไหวอันใดเลย
หรือว่าท่านมู่คนเดียวก็จะสามารถจัดการคนพวกนี้ได้อย่างนั้นเหรอ!
แต่ท่านมู่มีพลังเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตเองนะ!
กระบี่มังกรเพลิงโจมตีไป ทำให้พวกเขาเสียเปรียบเป็นอย่างมาก
“สาวน้อยพลังขั้นจักรพรรดิ บ้าไปแล้ว!”
ฝ่ายของพวกเขาผู้ที่พลังอ่อนแอที่สุดก็คือพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ จะกลัวอะไรกับจักรพรรดิแห่งภูตคนเดียว
แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ…
ความผิดพลาดครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว
ที่แห่งนี้คือท้องทะเล เป็นสถานที่ที่พลังธาตุวารีแข็งแกร่งที่สุด
มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “มังกรวารีสังหาร!”
อ๊า! การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ทำให้คนที่เพิ่งจะเอ่ยปากกล่าวผู้นั้นตายไปในทันที
“มังกรวารีทำลาย!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“……”
ทักษะพลังวิญญาณธาตุวารีโจมตีไปอย่างรุนแรงราวกับพายุ!
แต่พวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่ชายอาภรณ์ของมู่เฉียนซี
“บัดซบ! นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญพลังธาตุวารี!”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารีที่มีทักษะวิญญาณวิปริตเช่นนี้ มันช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“……”
หลังจากที่รู้ว่ากำลังในการต่อสู้ของมู่เฉียนซีวิปริตถึงเพียงนี้ พวกเขาก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที!
ต่อให้ระดับพลังวิญญาณสูงมากเพียงใด ก็ไม่มีความมั่นใจแล้วในตอนนี้!
ผู้เฒ่าผู้นั้นตะโกนขึ้นว่า “พวกสวะไร้ประโยชน์ พวกเรามีคนเยอะกว่า จะไปกลัวอะไรกับคนคนเดียว รุมมันเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!”
ตูม ปัง ปัง!
บนพื้นผิวน้ำเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง เรือของพวกเขาถูกคลื่นซัดจนโคลงเคลงขึ้นแล้ว
ซัวเฉียงเป็นห่วงมู่เฉียนซีมาก แต่การต่อสู้เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเข้าร่วมด้วยได้ ทำได้เพียงแค่ปกป้องลั่วเหมี่ยวเอาไว้ให้ดี ลั่วเหมี่ยวเองก็มองไปที่ร่างอันเพรียวบางบนพื้นผิวน้ำนั้นด้วยความเป็นห่วง นางพึมพำเสียงเบาว่า “พี่สาวมู่จะต้องไม่เป็นอะไร จะไม่เป็นอะไรแน่นอน!”