ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1455 สำเร็จภารกิจใหญ่
คนชุดดำผู้นั้นกล่าว “เจ้าเลือกที่จะไม่ไปก็ได้นะ! แล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ ข้าไม่บังคับ!”
“ปีศาจโลหิต ปกป้องแม่นางน้อย และเด็กน้อยผู้นั้นด้วย” กล่าวจบ ร่างของคนชุดดำผู้นั้นก็อันตรธานหายไป
ในที่สุดสถานการณ์อันเลวร้ายก็ได้คลี่คลายลงแล้ว!
ลั่วเหมี่ยวรีบวิ่งไปข้างกายมู่เฉียนซีทันที “พี่สาวมู่ พี่สาวมู่ได้รับบาดเจ็บแล้ว!”
“ข้าไม่เป็นอะไรมาก ทำแผลนิดหน่อยก็หายแล้ว”
ส่วนปีศาจโลหิตก็เข้ามาอยู่ข้างกายพวกนางโดยมิได้ส่งเสียงเอื้อนเอ่ยกล่าวสิ่งใด และไม่ได้โจมตีมู่เฉียนซีอีกต่อแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้าชื่อปีศาจโลหิตเหรอ แล้วคนผู้นั้นมีชื่อแซ่อันใด?”
“นายท่านให้ปกป้องพวกเจ้าก็เท่านั้น เรื่องอื่นข้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเจ้า” ปีศาจโลหิตกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นายท่านอย่างนั้นเหรอ?”
ด้วยพลังความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นแล้ว เกรงว่าคงจะเป็นเจ้านายในชั้นที่สี่แห่งดินแดนเทพทะเลเฆานี้เป็นแน่
เจ้านายแห่งชั้นที่สี่รู้จักเสี่ยวเหมี่ยว!
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เสี่ยวเหมี่ยว เจ้ารู้จักคนผู้นั้นเหรอ?”
ลั่วเหมี่ยวกระพริบตาปริบ ๆ พลางกล่าวว่า “พี่สาวมู่ ข้ากับเขาเหมือนจะรู้จักกัน! แต่ข้า ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนดี พี่สาวมู่ไม่ต้องสนใจหรอก เราออกไปหาท่านพ่อข้ากันเถอะ!”
มู่เฉียนซีเองก็รู้ดีว่าถึงแม้เสี่ยวเหมี่ยวจะอายุยังน้อยและดูไร้เดียงสามาก แต่ผู้ใดมีเจตนาดี ผู้ใดมีเจตนาร้ายนั้นนางมีไหวพริบในเรื่องนี้มาก
และคนผู้นั้นเมื่อครู่ก็ดูมีท่าทีแปลกประหลาดมาก!
มู่เฉียนซีมองลั่วเหมี่ยวและกล่าวว่า “หากไป เสี่ยวเหมี่ยวจะกลัวอันตรายหรือไม่?”
ไม่ใช่เพราะเสี่ยวเหมี่ยว แต่นางต้องการพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่าเสี่ยวเหมี่ยวกับกลีบดอกของสุ่ยจิงอิ๋งนั้นมีความสัมพันธ์อันใดกันแน่
ลั่วเหมี่ยวส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าไม่กลัว! ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างดลใจให้ข้าต้องมาที่นี่ ทำให้ข้าจำเป็นต้องไป เพียงแต่ข้าไม่อยากให้พี่สาวมู่มีอันตราย หากเข้าใกล้คนผู้นั้น…”
มู่เฉียนซีกล่าวตัดบทขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ในเมื่อเรามาถึงตรงนี้แล้ว ก็ลองไปดูสักตั้ง!”
ลั่วเหมี่ยวพยักหน้าพลางกล่าว “เสี่ยวเหมี่ยวเชื่อฟังพี่สาวมู่”
“เช่นนั้นเจ้าก็นำทางไปเถอะ! นำทางไปด้วยความรู้สึกของเจ้า!”
เสี่ยวเหมี่ยวต้องมีความเกี่ยวข้องกับสุ่ยจิงอิ๋งแน่นอน มิเช่นนั้นตอนที่เสี่ยวเหมี่ยวเปิดปราการนั้นได้ กลิ่นอายของสุ่ยจิงอิ๋งไม่มีทางแผ่ซ่านออกมาแน่
ทว่า นางไม่ใช่กลีบดอกของสุ่ยจิงอิ๋ง หากเป็นกลีบดอกของสุ่ยจิงอิ๋งจริง ไม่มีทางที่สุ่ยจิงอิ๋งจะไม่รู้สึกอันใดเลย
ความรู้สึกของลั่วเหมี่ยวยิ่งชัดเจนมากขึ้น และมู่เฉียนซีจึงทำเพียงตามนางไป
ปีศาจโลหิตเปรียบดั่งเป็นไพ่ปกป้องพวกเขาก็มิปาน มีหลายคนที่ย่างกรายเข้ามาจะลงมือกับพวกนาง แต่ก็ถูกปีศาจโลหิตกำจัดไปจนสิ้น
ยังไม่ทันถึงจุดเป้าหมาย มู่เฉียนซีก็ได้เจอกับพวกของลั่วไห่ด้วยความบังเอิญ
หลายวันที่ผ่านมานี้พวกเขาเดินอยู่ในชั้นสี่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้พบของล้ำค่าเท่านั้น แต่ยังถูกตัวประหลาดตามไล่ฆ่าอีกด้วย
พวกเขาล้มตายกันไปเหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้น และแม้ว่าจะมีชีวิตรอดไป แต่ก็บาดเจ็บสาหัสอาการเป็นตายเท่ากัน
สุดท้ายพวกเขากลับมาเจอกับลั่วเหมี่ยวกับมู่เฉียนซีผู้ที่มีพลังจิตอันแข็งแกร่ง พวกเขากับนางห่างชั้นกันมาก
“เจ้า นี่พวกเจ้ายังไม่ตาย!”
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ข้ายังไม่ตาย และพวกเจ้าก็โชคร้ายมากที่ต้องมาเจอข้า เช่นนั้นคนที่ต้องตายต่อจากนี้ก็คือพวกเจ้าแล้วล่ะ”
ลั่วไห่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “สามหาวยิ่งนัก! แม้ว่าพวกข้าจะได้รับบาดเจ็บ แต่การกำจัดพวกเจ้า ข้าก็มีกำลังเหลือเฟือ!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “แต่พวกเจ้าดูก่อนเถอะ! ว่านี่คือใคร?”
ครั้นแล้ว พวกเขาก็สังเกตเห็นปีศาจโลหิตชุดดำผู้ที่มีร่างเหมือนมนุษย์ผู้นั้นแล้ว และพวกเขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
เจ้าบ้าเลือดผู้นี้ไม่เพียงแต่จะไม่ฆ่าหญิงสาวผู้นี้เท่านั้น ตอนนี้กลับยังมายืนอยู่ด้านหลังพวกนางด้วยท่าทางนิ่งสงบอีกด้วย
พวกเขาเจอผีเข้าแล้ว…
“แย่แล้ว! รีบหนีเร็วเข้า!”
พวกเขารู้ดีอยู่แก่ใจดีว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าบ้าเลือดผู้นี้
มู่เฉียนซีให้ลั่วเหมี่ยวยืนอยู่ข้างกายปีศาจโลหิต จากนั้นนางก็พาอู๋ตี้และเสี่ยวหงพุ่งตามพวกเขาไป
“เพิ่งจะคิดหนีเอาตอนนี้เนี่ยนะ การตอบสนองของพวกเจ้าช่างเชื่องช้ายิ่งนัก!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฟึ่บ! เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งออกไป ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก โจมตีถูกตัวภายในครั้งเดียว!
“พิษ มันใช้ไม่ได้ผลกับคนอย่างข้าหรอก!” คนผู้นั้นกล่าว
“ใช้ไม่ได้ผล เจ้าแน่ใจเหรอ! ข้าใช้พิษที่ปรุงออกมาเพื่อเผ่าวิญญาณโดยเฉพาะเลยนะ!” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ตอนนี้เขารู้สึกผิดปกติกับร่างกายเขาแล้ว
พลังของเผ่าวิญญาณร้ายอันแข็งแกร่งที่อยู่ในร่างกายนั้นเริ่มโกลาหลขึ้น ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย
อ๊า!
นอกจากเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดทรมานแล้ว เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ยิ่งกำลังในการต่อสู้นั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลย
ลั่วไห่กล่าว “ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “พวกขี้แพ้ พวกเจ้าคงคิดไม่ถึงกระมังว่าพวกเจ้าก็จะมีวันนี้ด้วย!”
ลั่วไห่กับอีกสองคนคิดจะหนีโดยไม่สนใจสหายร่วมกลุ่ม แต่อู๋ตี้และเสี่ยวหงขวางพวกเขาเอาไว้ได้
“ตอนนี้พวกเจ้าหนีไม่รอดแล้วล่ะ! อย่าได้ดื้นรนขัดขืนอะไรที่มันไร้ประโยชน์เลยนะ!”
และตอนนี้การโจมตีของมู่เฉียนซีก็มาถึงแล้ว “มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“หลบ!”
พลังธาตุวารีอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา พวกเขารีบหลบอย่างรวดเร็ว
มีเจ้าบ้าเลือดผู้นั้นอยู่ พวกเขาไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะหนีรอดไปได้ แต่โชคดีที่มีแค่มู่เฉียนซีที่ลงมือ
ตราบใดที่พวกเขาจับตัวมู่เฉียนซีเอาไว้ได้ พวกเขาก็มีโอกาสรอด!
พวกเขาไม่หนีแล้ว แต่กลับพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “ช่างไม่รู้จักประเมินตนเอาซะเลย!”
“บัวแดงพิฆาต!”
พลังธาตุอัคคีอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาและห่อหุ้มร่างของพวกเขาไว้ ก่อนจะโยนพวกร่างพวกเขาจนกระเด็นลอยออกไป
ปัง ปัง!
จากนั้น เข็มยาสองเข็มก็พุ่งออกไปปักเข้าตรงคอของพวกเขา
และทันใดนั้น พลังที่ปั่นป่วนทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดทรมานราวกับตายทั้งเป็น
พวกเขาเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นดินพลางกล่าวออกมาว่า “ฆ่าพวกข้าซะเถอะ! ฆ่าพวกข้าซะ!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เข็มยาอีกหลายเข็มพุ่งปักลงบนร่างของพวกเขา และนี่ไม่ใช่ผลของการปั่นป่วนของพลังวิญญาณแล้ว พวกเขาเจ็บปวดทรมานไปทั่วทั้งร่าง อีกทั้งผิวหนังของพวกเขาก็กำลังถูกกัดกร่อนอีกด้วย
พวกเขามองมู่เฉียนซีด้วยความหวาดกลัว “นี่เจ้า เจ้า…”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ตอบคำถามข้ามา แล้วข้าจะปลดปล่อยความทรมานให้กับพวกเจ้า!”
“ถามมา! รีบถามมา ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้ารู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับลั่วเหมี่ยวบ้าง!”
ลั่วไห่กล่าว “เด็กคนนี้ท่านพ่อแอบเลี้ยงดูอยู่บนเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่งไม่ใช่หรอกเหรอ ท่านพ่อเลี้ยงดูมาประมาณร้อยกว่าปีแล้วก็ยังไม่โตสักที ไม่รู้ว่าใช่มนุษย์หรือไม่!”
“พวกคนโง่เขลาพวกนั้นคิดว่านางเป็นบุตรสาวของท่านพ่อ แต่ข้าว่าไม่น่าจะใช่กระมัง!”
ลั่วเหมี่ยวที่ยืนฟังอยู่ได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น ในใจรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เสียใจที่นางไม่ใช่บุตรสาวของท่านพ่อ
“แล้วตัวตนของนางล่ะ?”
ลั่วไห่กล่าว “นอกจากท่านพ่อแล้ว เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้! อย่างไรเสียท่านพ่อก็รักและทะนุถนอมนางซะปานนั้น คนอื่นอยากพบเจอนางท่านพ่อก็ไม่ยอมให้พบเจอ”
มู่เฉียนซีกล่าว “แล้วเผ่าวิญญาณร้ายกับเกาะเมฆามีความเกี่ยวข้องอันใดกัน ?”
“เกาะเมฆาของพวกเราเป็นลูกหลานของเผ่าวิญญาณร้ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คนที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศก็จะถูกคัดเลือกเพื่อปลุกวิญญาณชั่วร้ายออกมา จากนั้นก็ฝึกฝนอย่างลับ ๆ ส่วนสวะไร้ประโยชน์พวกนั้น ดูเหมือนจะใช้ชีวิตสดใส แต่อันที่จริงแล้วก็ถูกใช้เป็นเครื่องกำบังก็เท่านั้น พอไร้ประโยชน์สุดท้ายก็ต้องตาย” ลั่วไห่กล่าว
มู่เฉียนซีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “เผ่าวิญญาณร้ายของพวกเจ้าซ่อนตัวเร้นกายอยู่ที่นี่ คงจะมีคววามลับที่บอกใครไม่ได้เป็นแน่ บอกข้ามาว่าความลับนั้นคือสิ่งใด?”
ลั่วไห่ยกยิ้มขึ้น ส่วนอีกสองคนก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่า ๆ ๆ! ก็เพื่อสำเร็จภารกิจอันยิ่งใหญ่อย่างไรล่ะ! ต้องมีสักวันหนึ่ง ที่เผ่าวิญญาณร้ายของพวกเราจะเป็นกองกำลังที่ไร้เทียมทาน และไม่มีผู้ใดขวางพวกเราได้”
.