ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1462 เดรัจฉานตัวหนึ่ง
“ท่านพ่อ!” ลั่วเหมี่ยวผลักประตูเดินเข้าไป
“เหมี่ยวเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว” หัวหน้าเกาะลั่วยิ้มพลางกล่าว
มีกลิ่นหอมตลบอบอวลอยู่ในอากาศ ทว่าลั่วเหมี่ยวกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดเลย
หัวหน้าเกาะลั่วกล่าวถามทันทีว่า “พ่ออยากจะถามเจ้าว่า ตอนที่อยู่ในดินแดนเทพทะเลเมฆา ตกลงมันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “ท่านพ่อ ข้าอาศัยความรู้สึกของข้าเดินไปตามทางจนเจอสถานที่ที่ข้าเกิด จากนั้นข้าก็ได้รับพลังพลังหนึ่งมา และร่างกายของข้าก็เลยเติบโตขึ้น”
หากย้อนเวลากลับไปได้ นางจะไม่กลับไปที่นั่นเด็ดขาด เนื่องจากสถานที่แห่งนั้นทำให้พี่สาวมู่ต้องเจอกับคนที่อันตรายและน่ากลัวมากผู้นั้น
หัวหน้าเกาะลั่วยังอยากจะถามเรื่องราวบางอย่างอีกหลายเรื่อง รวมไปถึงเรื่องของมู่เฉียนซีด้วย แต่จนแล้วจนรอดลั่วเหมี่ยวก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมาแต่อย่างใด
จู่ ๆ ลั่วเหมี่ยวก็เอามือนวดขมับตัวเองและกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าปวดหัวยิ่งนัก!”
หัวหน้าเกาะลั่วเอามือลูบหัวนางด้วยความอ่อนโยนพลางกล่าว “เจ้าคงจะเหนื่อยเกินไปแล้ว เหมี่ยวเอ๋อร์พักผ่อนอยู่ที่นี่กับพ่อเถอะนะ!”
ตุบ! ลั่วเหมี่ยวยิ่งรู้สึกง่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานนักนางก็ฟุบหลับไปบนอ้อมอกของหัวหน้าเกาะลั่ว
ทันใดนั้นเองหัวหน้าเกาะลั่วก็ยิ้มร่า ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “รอมาร้อยกว่าปีแล้ว เจ้าก็ยังไม่เติบโตสักที ในที่สุดตอนนี้เจ้าก็เติบโตขึ้นแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไปแล้ว”
“พืชวิญญาณที่กลายร่างเป็นมนุษย์ได้! อีกทั้งยังมีร่างกายเช่นนี้อีก ขอเพียงข้าได้เจ้ามาครอบครอง ข้าก็จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าวิญญาณร้าย ได้นั่งเป็นมือหนึ่งของท่านเยี่ยเฉีย ดูซิ ว่าพวกคนเกาะด้านหลังเหล่านั้นจะกล้าดูถูกเหยียมหยามข้าอีกหรือไม่!”
ลั่วเหมี่ยวไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ตนเองได้หลับใหลไปนั้น ท่านพ่อผู้ที่น่ารักและน่าเคารพมากผู้นั้นของนางกลับเผยสีหน้าท่าทางอันน่ากลัวมากถึงเพียงนี้ออกมา
หัวหน้าเกาะลั่วอุ้มลั่วเหมี่ยวไปนอนบนเตียง และเริ่มถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางออก…
ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เจ้ามันเดรัจฉาน หน้าเนื้อใจเสือ หากกล้าแตะเนื้อต้องตัวเสี่ยวเหมี่ยวก็ลองดูสิ!”
ร่างร่างหนึ่งในอาภรณ์สีม่วงพุ่งลอยเข้ามา มู่เฉียนซีดับกำยานที่เขาจุดลง
สีหน้าของหัวหน้าเกาะลั่วเคร่งขรึมขึ้น “มู่เฉียนซี เจ้าอย่าได้ทำลายแผนการของข้าเชียวนะ!”
ฟึ่บ! เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งออกไป หัวหน้าเกาะลั่วคิดว่าเป้าหมายคือเขา
ทว่า อันที่จริงแล้ว เป้าหมายของเข็มยาของมู่เฉียนซีก็คือลั่วเหมี่ยว นางแก้พิษให้ลั่วเหมี่ยว
หัวหน้าเกาะลั่วกล่าว “นี่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวข้า สาวน้อย เจ้าอย่าได้เข้ามาแทรกมือเลย”
“แล้วหากว่าข้าอยากแทรกมือล่ะ! ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีใจคิดร้ายกับเสี่ยวเหมี่ยวเช่นนี้”
“ข้าเลี้ยงดูนางมาร้อยกว่าปี เวลาร้อยกว่าปีหาใช่น้อย ๆ ไม่ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ปานนี้ ทำประโยชน์ให้แก่ข้าเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นไรไป ข้าว่าเจ้าเองก็คงจะรู้ดีว่าเหมี่ยวเอ๋อร์ไม่ใช่บุตรสาวแท้ ๆ ของข้า รอให้แผนการของข้าสำเร็จเมื่อใด ข้าจะปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีแน่นอน”
“พืชวิญญาณที่กลายร่างมาเป็นมนุษย์ได้เช่นนาง เดิมทีก็เป็นเหยื่อโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ต่อให้ข้าไม่ใช้ประโยชน์จากนาง นางก็ต้องตกเป็นของคนอื่นอยู่ดี เจ้าคิดว่าการที่ข้าลงทุนเลี้ยงดูนางมาร้อยกว่าปีเช่นนี้ ข้าจะเลี้ยงดูนางโดยไม่หวังประโยชน์อะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“มู่เฉียนซี เจ้าเชื่อฟังแต่โดยดีเถอะนะ เห็นแก่ที่เจ้าทำประโยชน์อันใหญ่หลวง อีกทั้งเจ้ายังเป็นนักปรุงยา ข้าจะไม่เอาชีวิตเจ้า”
และในขณะที่หัวหน้าเกาะลั่วจะลงมือกับมู่เฉียนซีนั้นเอง จู่ ๆ เสียงของลั่วเหมี่ยวก็ดังขึ้น “ท่านพ่อ ที่แท้…ท่าน…ที่แท้ท่านก็เป็น…”
เดิมที นางคิดว่า แม้ว่านางกับท่านพ่อจะไม่ใช่พ่อลูกกันโดยทางสายเลือด แต่ความรักและความห่วงใยที่ผ่านมาหลายปีนั้นไม่ใช่เรื่องหลอกลวง แต่กลับคิดไม่ถึงเลย ว่าทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น
“เจ้า…นี่เจ้าฟื้นแล้วเหรอ” เขาใช้ยาสลบที่แรงที่สุด ไม่มีทางที่นางจะฟื้นขึ้นมาเร็วเช่นนี้ได้
ลำแสงสีฟ้าลำแสงหนึ่งเปล่งประกายขึ้น ลั่วเหมี่ยวไปยืนขวางหน้ามู่เฉียนซี ก่อนจะกล่าวว่า “พี่สาวมู่ รีบหนีไป ข้าจะขวางเขาเอาไว้เอง!”
เรื่องที่ท่านพ่อทำดีต่อนางล้วนเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงทั้งสิ้น ตอนนี้นางต้องปกป้องคนที่ดีต่อนางเพียงคนเดียว นั่นก็คือมู่เฉียนซี เอาไว้ให้ได้
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เสี่ยวเหมี่ยว เจ้ายินยอมที่จะไปกับข้าหรือไม่?”
ลั่วเหมี่ยวน้ำตาคลอ และกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ข้ายินดี ขะ ข้า ข้าไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้ว”
สีหน้าของหัวหน้าเกาะลั่วพลันดุร้ายขึ้น “จะหนี พวกเจ้าจะหนีอย่างนั้นเหรอ?”
“หลายปีที่ผ่านมานี้ข้าพยายามซ่อนตัวเจ้าอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด ไม่ยอมให้ใครพบเจอเจ้า เพื่อข้าจะได้ครอบครองเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้อย่างนั้นเหรอ?”
“เจ้าคิดว่าการที่นางพาเจ้าหนี นางจะใจดีต่อเจ้าอย่างนั้นเหรอ หากออกไปข้างนอก เจ้าก็จะยิ่งน่าสังเวช! สาวน้อยผู้มีพลังแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตคนเดียว แม้ว่ากำลังในการต่อสู้จะแข็งแกร่ง แต่เจ้าคิดว่านางจะปกป้องของล้ำค่าเช่นเจ้าได้จริง ๆ เหรอ?”
ลั่วเหมี่ยวพลันตกตะลึงขึ้น นางกล่าว “พี่สาวมู่เฉียน ท่านรีบหนีไปเร็วเข้า ข้าไม่อยากทำให้ท่านต้องลำบาก!”
“หากจะไปก็ไปด้วยกัน!”
กระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีถูกชักออกมาจากฝักแล้ว จากนั้นมันก็พุ่งโจมตีไปที่หัวหน้าเกาะลั่วทันที
“วางใจเถอะ เจ้าไม่ทำให้ข้าลำบากหรอก ตราบใดที่ออกไปจากเกาะเมฆาได้ อยู่ในดินแดนสี่ทิศ ข้า มู่เฉียนซีไม่มีทางปกป้องเจ้าคนเดียวไม่ได้หรอกนะ”
“สู้! เราจะสู้รบจนออกไปให้ได้ เสี่ยวเหมี่ยว!”
ลั่วเหมี่ยวพยักหน้า ก่อนจะมองไปที่หัวหน้าเกาะลั่วและกล่าวว่า “ท่าน…”
ไม่ทันได้กล่าวคำว่า ‘พ่อ’ ออกมา นางก็เปลี่ยนสรรพนาม “หัวหน้าเกาะลั่ว ล่วงเกินแล้ว”
พลังของลั่วเหมี่ยวปะทุออกมา แม้ว่านางจะมีพลังเพียงแค่ขั้นมาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า แต่นางก็มีกำลังในการต่อสู้!
ถูกลั่วเหมี่ยวโจมตี หัวหน้าเกาะลั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เห็น ๆ กันอยู่ว่าตอนที่เข้าไปในดินแดนเทพทะเลเมฆานางเป็นเพียงแค่กระต่ายน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น ทว่า ตอนนี้กลับเติบโตมาถึงขั้นนี้แล้ว
กำลังในการต่อสู้ของลั่วเหมี่ยวแน่นอนว่าฝึกฝนมาจากดินแดนเทพทะเลเมฆาตอนที่ต่อสู้กับคนของเผ่าวิญญาณร้ายนั่น แม้ว่าจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไรนัก แต่นางก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นมากแล้ว
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ห้องของหัวหน้าเกาะลั่วถูกพลังของพวกเขาทั้งสามโจมตีจนพังทลายลง
“ไป เร็วเข้า!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ลั่วเหมี่ยวรีบตามมู่เฉียนซีไป การเคลื่อนไหวที่รุนแรงเพียงนี้ แน่นอนว่าทำให้คนในเกาะเมฆารับรู้ได้
“ท่านหัวหน้าเกาะ เกิดเรื่องอันใดขึ้นขอรับ?”
“ท่านหัวหน้าเกาะ!”
“…”
หัวหน้าเกาะลั่วกล่าว “มู่เฉียนซีใช้พิษควบคุมเหมี่ยวเอ๋อร์ให้ลอบโจมตีข้า ขวางนางเอาไว้เร็วเข้า หรือไม่ก็ฆ่านางซะ ระวังอย่างให้เหมี่ยวเอ๋อร์เป็นอันตรายเด็ดขาด”
“ปิดเกาะเมฆา อย่าให้พวกมันหนีออกไปได้”
“อย่าให้พวกมันขึ้นเรือ!”
หัวหน้าเกาะลั่วรีบไล่ไปตามทางที่มู่เฉียนซีและลั่วเหมี่ยวหนีไป ระหว่างตามไปนั้นเขาก็ออกคำสั่งกับลูกน้อง
เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าต่อให้มู่เฉียนซีและลั่วเหมี่ยวมีปีกบินก็ยากที่จะหนีออกไปได้ เกาะเมฆาของพวกเขาใช่ว่าจะเป็นสถานที่ที่อยากเข้าออกก็เข้าออกได้
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
มู่เฉียนซีและลั่วเหมี่ยวไม่ทันวิ่งไปถึงฝั่งทะเลก็ถูกคนของหัวหน้าเกาะลั่วห้อมล้อมเอาไว้เสียก่อน
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “เพียงแค่พวกเจ้า คิดเหรอว่าจะขวางข้าได้”
“เสี่ยวเหมี่ยว ลุย!”
“อืม!”
ตูม! ทันทีที่ต่อสู้ พวกเขาก็ได้รู้ว่ากำลังในการต่อสู้ของมู่เฉียนซีนั้นน่ากลัวมากเพียงใด
แม้แต่ลั่วเหมี่ยวที่ก่อนหน้านี้ไร้พลังวิญญาณ ไม่มีกำลังในการต่อสู้ก็แข็งแกร่งขึ้นจนน่ากลัวขึ้นมากเช่นกัน!
“สาวน้อย ตายเสียเถอะ!” หัวหน้าเกาะลั่วพุ่งไปหมายจะสังหารมู่เฉียนซี อีกทั้งยังตะโกนเสียงดังเช่นนี้ออกมาด้วย ทำให้ยอดฝีมือระดับสูงสุดเกาะด้านหน้าของเขาต่างพากันแห่ตามกันมา
หลังจากได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของสาวน้อยทั้งสองคนนี้แล้ว เขารู้ว่าหากไม่ใช่ยอดฝีมือระดับสูงสุดไม่มีทางรับมือกับพวกนางได้แน่นอน
เผชิญหน้ากับการโจมตีของหัวหน้าเกาะลั่วเช่นนี้ มู่เฉียนซีจึงรีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
ขวับ ขวับ ขวับ! ทันใดนั้นเอง ยอดฝีมือระดับสูงสุดยี่สิบกว่าคนก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
หัวหน้าเกาะลั่วกล่าว “มู่เฉียนซี ข้าดูซิว่าเจ้าจะหนีไปทางไหนได้อีก”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หัวหน้าเกาะลั่ว ยอดฝีมือของเผ่าวิญญาณร้ายของพวกเจ้า มีเพียงแค่นี้เองเหรอ?”
คำพูดนี้ของมู่เฉียนซีทำให้ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น หัวหน้าเกาะลั่วเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ “นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “ข้ายังรู้อีกนะ ว่าพวกเจ้าเป็นสุนัขรับใช้ของเจ้าเยี่ยเฉียผู้นั้น!”
.