ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1485 หมิงจีปรากฏตัว
ในตอนนี้กระบี่มังกรเพลิงเต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า ชั่วครู่หนึ่งเงากระบี่ก็พลันเปลี่ยนเป็นภาพมายา
ดวงตาของมู่เฉียนซีเบิกกว้างขึ้น และนางก็ตระหนักได้ถึงกระบวนท่าใหม่ของวิชากระบี่แล้ว
เช่นนั้นก็ให้ลั่วอี้โจวได้ลิ้มลองกระบวนท่าใหม่นี้เลยก็แล้วกัน!
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ด้วยการกวัดแกว่งคมกระบี่เพียงครั้งเดียว เปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ก่อตัวเป็นรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นจากทั่วทุกทิศทาง
แม้ว่ารูปแบบจะแตกต่างกัน แต่พลังการทำลายล้างนั้นกลับยิ่งทวีความน่ากลัวมากขึ้น
เมื่อเห็นการโจมตีนี้ของมู่เฉียนซีแล้ว ลั่วอี้โจวก็รู้สึกขนลุกขนชัน
ความรู้สึกของความตายที่เข้ามาใกล้ ความรู้สึกนี้ทำให้หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น
“ไม่!” ลั่วอี้โจวตะโกนขึ้น
“เหมี่ยวเอ๋อร์ ช่วยพ่อด้วย พ่อเป็นพ่อของเจ้านะ!”
“ช่วยข้าด้วย!”
ลั่วอี้โจวตะโกนเสียงอันดังลั่น ความอบอุ่นในวัยเยาว์ทำให้ลั่วเหมี่ยวรู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อย
แต่เมื่อเห็นดินแดนสี่ทิศที่พลันเปลี่ยนเป็นเหมือนนรก คนจำนวนมากต้องล้มตายไปเช่นนี้ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นความผิดของเขา
จะอภัยให้ได้อย่างไรกันเล่า
ไม่มีทาง!
ลั่วเหมี่ยวใจจดใจจ่อสนับสนุนพลังให้กับมู่เฉียนซี การขอร้องอ้อนวอนของลั่วอี้โจวนั้นไร้ประโยชน์
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ร่างของลั่วอี้โจวถูกเปลวไฟห่อหุ้มขึ้น อ๊า ๆ ๆ! เขาส่งเสียงร้องโหยหวนครั้งสุดท้ายออกมา ก่อนจะถูกเปลวไฟนั้นกลืนกินไปจนสิ้น
หลังจากที่จัดการกับลั่วอี้โจวเสร็จ น้ำเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“นึกไม่ถึงเลยว่าช่วงระยะเวลาที่ไม่เจอกันเพียงสั้น ๆ เจ้าจะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้แล้ว มิน่าล่ะว่าเหตุใดหวงจิ่วเยี่ยถึงได้สนใจในตัวเจ้ามากถึงเพียงนี้”
เสียงนี้ ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก!
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงสีแดงฉานพุ่งออกมา และร่างเพรียวบางร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
มู่เฉียนซีมองไปที่คนแปลกหน้าผู้นี้ ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “หมิงจี!”
หมิงจียิ้มพลางกล่าว “ข้าเอง! แปลกใจมากใช่หรือไม่?”
“อันที่จริงข้าควรจะขอบคุณเจ้ากับหวงจิ่วเยี่ยนะ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ด้วยร่างนั้นของไป๋เหยียนเอ๋อร์แล้ว ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ถึงขั้นนี้หรือไม่!”
“เป็นเพราะเจ้า ที่ทำให้ข้าได้เจอกับท่านเทพมาร ท่านเทพมารผู้ยิ่งใหญ่ไม่เพียงแต่จะมอบร่างอันน่าพึงพอใจให้แก่ข้าเท่านั้น แต่ยังทำให้ข้าฟื้นตัวกลับมาได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย”
พลังของหมิงจีแผ่ซ่านออกมาออกมาโดยสมบูรณ์ แม้ว่าร่างของมู่เฉียนซีจะถูกฝึกฝนมาด้วยอัสนีสวรรค์ แต่ก็ยากที่จะต้านทานพลังนี้ได้
มู่เฉียนซีรีบล่าถอย ขณะเดียวกันชิงอิ่งก็เป็นห่วงนางมาก
แกร่ก!
ชิงอิ่งต้องการจะไปช่วยมู่เฉียนซี ทำให้แขนข้างหนึ่งของเขาถูกหลัวซาดึงหลุดไป
ตูม!
ด้วยการป้องกันอันแข็งแกร่งของชิงอิ่ง จึงได้ขวางการโจมตีของหมิงจีเอาไว้ได้
สถานการณ์ของชิงอิ่งแย่มาก มู่เฉียนซีก็ร้อนอกร้อนใจมากเช่นกัน นาง…นางกลัวร่างของชิงอิ่งจะแตกสลายลง
เงาดำเคลื่อนไหวพุ่งออกไป หลัวซามาแล้ว
“หมิงจี มู่เฉียนซีเป็นคนที่ท่านเทพมารปรารถนาเอาไว้แล้ว”
หมิงจีกล่าว “สิ่งที่ข้าต้องการนั้นไม่ใช่ชีวิตของมู่เฉียนซีหรอก แต่ข้าอยากเจอหวงจิ่วเยี่ยต่างหากล่ะ”
“ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศถูกปิดกั้นเอาไว้แล้ว ต่อให้ใช้พลังอันแข็งแกร่ง และอัสนีสวรรค์ก็ไม่อาจย่างกรายมาได้ ข้าอยากจะฉวยโอกาสนี้พบเจอกับหวงจิ่วเยี่ยสักหน่อย มู่เฉียนซี เจ้าคิดเช่นไร?” หมิงจียิ้มเย้ยหยัน
“หมิงจี ข้าว่าเจ้าช่างไม่เกรงกลัวความตายเอาซะเลยนะ! หากหวงจิ่วเยี่ยปรากฏตัวขึ้น เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีทางรอดอย่างนั้นเหรอ?”
หมิงจียิ้มพลางกล่าว “ทางรอด?”
“หากข้าเดาไม่ผิด คำสาปนั้นจะกำเริบขึ้นปีละครั้ง ในตอนนั้น วันที่ข้าทำให้หวงจิ่วเยี่ยต้องคำสาป ข้าจำได้อย่างแม่นยำ หวงจิ่วเยี่ยในตอนนี้ คาดว่าคงจะ…”
“เหอะ ๆ ๆ!”
รูม่านตาของมู่เฉียนซีหดลง “หมิงจี เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องให้จิ่วเยี่ยเป็นคนลงมือหรอก”
“ไม่ต้องจริง ๆ เหรอ?”
พลังการกดขี่ของหมิงจีพลันน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
พลังของหมิงจีนั้นไม่ใช่พลังของดินแดนแห่งนี้ พลังของนางจึงทำให้ดินแดนสี่ทิศสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งดินแดน
เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริง ๆ!
หลัวซากล่าว “ท่านเทพมารยังไม่ถูกปลดผนึก เจ้าอย่าได้ทำลายดินแดนแห่งนี้ไปก่อนเชียว”
หมิงจีกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว”
นางมองไปที่มู่เฉียนซี “ข้าไม่ฆ่าเจ้า แต่คนอื่นก็ไม่แน่ อย่างเช่น หุ่นเชิดผู้นี้”
แกร่ก!
หน้ากากของชิงอิ่งแตกแล้ว ในตอนนี้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลยสักนิด
เมื่อหมิงจีได้เห็นโฉมหน้าของชิงอิ่งเข้า นางก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา “หุ่นเชิดรูปงามเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่งนัก!”
“กล้ามาข่มขู่เจ้านายของข้า ข้าว่าคนที่รนหาที่ตายคงจะเป็นเจ้ามากกว่า!”
ลำแสงสีเขียวอ่อนส่องประกายขึ้น และเวลาโดยรอบก็หยุดลง
ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีเขียวดุจดั่งทวยเทพผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น มู่เฉียนซีกล่าว “อาถิง เจ้าตื่นแล้ว! ช่วยชิงอิ่งด้วย!”
อาถิงกล่าว “หญิงอัปลักษณ์ เจ้าใช้สมองอันน้อยนิดของเจ้าคิดดูดี ๆ สิ พลังของข้าเหลือเพียงเล็กน้อยเช่นนี้แล้ว หากไปช่วยเจ้าท่อนไม้นั่น ข้าก็ไม่มีกำลังไปรับมือกับหญิงสาวผู้นั้นแล้ว”
ครั้งก่อนเพิ่งจะต่อสู้กับเยี่ยเฉียไปได้ไม่นาน แต่สถานการณ์ในตอนนี้คับขันมาก เขาจึงจำเป็นต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทว่า…
มู่เฉียนซีกล่าว “ช่วยชิงอิ่งก่อน!”
“เพลิงสังหารซิวหลัว!” มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่และโจมตีไปที่หลัวซาและหมิงจีทันที
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทันใดนั้น พวกเขาก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟ แต่มู่เฉียนซีกลับยังไม่วางใจ
“ย้อนเวลากลับ!”
ลำแสงสีเขียวอ่อนส่องแสงห่อหุ้มชิงอิ่งเอาไว้!
ร่างที่ได้รับบาดเจ็บของเขากลับมาเป็นปกติ แขนก็ถูกต่อกลับมาเป็นดังเดิมแล้ว แต่ชิงอิ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับต้องพักผ่อนไปช่วงเวลาระยะเวลาหนึ่ง
แม้ว่าการกระทำของหลัวซาและหมิงจีจะถูกควบคุมเอาไว้ แต่พลังของมู่เฉียนซีก็ไม่สามารถทำลายคนทั้งสองนั้นได้
ไม่นานนัก เวลาก็กลับมาเดินเป็นปกติ!
หมิงจีกล่าว “ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปจริง ๆ!”
กระโปรงและเสื้อผ้าอาภรณ์ของหมิงจีถูกแผดเผาทำลายแล้ว ร่างของนางกลายเป็นเงาดำ และพุ่งเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี
ลำแสงสีเขียวอ่อนขวางการโจมตีของหมิงจีเอาไว้ได้ แต่กลับยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
“หญิงอัปลักษณ์ เอาเจ้าท่อนไม้นี่คืนไป!”
มู่เฉียนซีเอาชิงอิ่งกลับเข้าไปในมิติ อาถิงดึงมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “หญิงอัปลักษณ์ เรารีบไปเร็วเข้า!”
“ไป? ไม่ปกป้องดินแดนสี่ทิศแล้วเราจะไปที่ไหนได้ อาถิง ช่วยข้าสู้รบศึกนี้เถอะนะ!”
อาถิงกัดฟันกรอดพลางกล่าว “ในเมื่อเจ้ายืนหยัดที่จะทำเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะสู้ไปกับเจ้า”
หลัวซากล่าว “ศาลานิรันดร์อ่อนแอที่สุด ไม่ได้น่ากลัวแม้แต่น้อย ท่านเทพมารคาดการณ์เอาไว้ถูกแล้ว”
“ท่านเทพมาร โปรดมอบพลังให้แก่ข้า!”
พลังอันดำมืดได้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา
ไม่นานนักร่างกายของหลัวซาก็ดูเหมือนใหญ่โตขึ้นเป็นสิบเท่า เขายืนมือไปหมายจะจับมู่เฉียนซี
“เวลาช้าลง!”
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
มู่เฉียนซีกับอาถิงร่วมมือกันต่อสู้รับมือกับหมิงจีและหลัวซา
เนื่องจากสองคนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดของเผ่าวิญญาณร้ายนี้กำลังร่วมมือกันต่อสู้กับมู่เฉียนซี ผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนและพวกจึงผ่อนคลายลงมาก
พลังของลั่วเหมี่ยวกำลังจะหมดลง นางอยากช่วยมู่เฉียนซีแต่ก็ไร้กำลังความสามารถ
เพราะการต่อสู้ของพี่สาวมู่ในตอนนี้ ต่อให้นางแทรกมือเข้าไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
หลัวซาพุ่งออกไป “ช่างวุ่นวายเสียจริง อย่างไรเสียท่านเทพมารก็ต้องการวิญญาณลิขิตสวรรค์ของเจ้า ส่วนร่างนี้ของเจ้ามีไว้ก็ไร้ประโยชน์”
หลัวซาต้องการทำลายร่างของมู่เฉียนซี อาถิงจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น
“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
ลำแสงสีเขียวได้กักขังร่างของเขาเอาไว้ แต่มู่เฉียนซีก็ถูกพลังแห่งวิญญาณร้ายนั้นเข้าแล้ว
ลำแสงสีฟ้าอ่อนสกัดกั้นการโจมตีนี้เอาไว้ได้ หมิงจีเย้ยหยันว่า “ผู้พิทักษ์นิรันดร์อย่างนั้นเหรอ? ข้าก็อยากจะดูเหมือนกันว่าผู้พิทักษ์นิรันดร์จะปกป้องนางได้สักกี่ครั้ง” กล่าวจบ หมิงจีก็โจมตีไปที่มู่เฉียนซีอย่างไร้ความปรานี
“หญิงอัปลักษณ์!” อาถิงเข้าไปสกัดกั้นการโจมตีนี้ให้มู่เฉียนซี แต่เขากลับพบว่าพลังที่เหลืออยู่นั้นมีไม่มากนัก และปราการสีเขียวอ่อนของเขาก็ถูกพลังแห่งนรกของหมิงจีทะลวงเข้าไปได้
…………………….