ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1488 พิฆาตวิญญาณ โอรสศักดิ์สิทธิ์
“เจ้า…” หมิงจีมองหวงจิ่วเยี่ยด้วยสภาพที่จนตรอก
ต่อสู้กันจนถึงขั้นนี้แล้ว แต่จิ่วเยี่ยยังคงไม่เป็นอะไร ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!
“ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ องค์ชายจิ่วเยี่ย”
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยเต็มไปด้วยจิตสังหาร อีกด้านหนึ่งยังมีผู้ที่อันตรายยิ่งกว่าอีกคน ต้องรีบกำจัดหมิงจีโดยเร็ว
หมิงจีหัวเราะขึ้นอย่างชั่วร้าย ก่อนจะกล่าวว่า “องค์ชายจิ่วเยี่ย ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะลากคนสำคัญที่สุดของเจ้าให้ตายไปพร้อมกับข้า เช่นนี้ต่างหากเล่าที่น่าสนใจ เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
หมิงจีพุ่งไปที่มู่เฉียนซีอย่างเร็ว
“เจ้ากล้ารึ!” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หมิงจีลงมือโจมตีอย่างไม่ลังเล!
จิ่วเยี่ยจะเข้าไปขวาง แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้นางมากเท่าไหร่ ก็พบว่าตนเองเริ่มควบคุมคำสาปไว้ไม่ได้มาดเท่านั้น
ร่างของเขาชะงักกลางอากาศ และกลีบดอกบัวดอกหนึ่งก็ลอยออกไป
“สุ่ยจิงอิ๋ง ไปขวางนางให้ข้า!”
ตูม! หมิงจีในฐานะที่เป็นจ้าวแห่งแดนนรก พลังของนางนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
พลังของนางเพียงพอที่จะทำให้แดนเหนือพังทลายหายไปได้เลย
มู่เฉียนซีปลดปล่อยทุกอย่างออกมาใช้ นางกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง รบกวนเจ้าแล้ว! ขวางหมิงจีเอาไว้!”
ตูม!
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้น ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศถูกพลังแห่งมิติสีฟ้าอ่อนครอบคลุมไว้
ร่างของหมิงจีแตกสลายไป นางทำลายตัวเอง เหลือแต่ดวงวิญญาณที่ต้องการจะหลบหนี แต่ก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งนี้กักขังเอาไว้
“เจ้าคิดว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีรอดอย่างนั้นเหรอ?”
พลังดำมืดแห่งความตาย พลังนี้ลึกลับและแข็งแกร่งมาก
พลังแห่งวิญญาณร้าย เมื่อเทียบกับพลังนี้แล้วช่างห่างชั้นกันอย่างไม่อาจเทียบได้
อ๊า ๆ ๆ! หมิงจีส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา
“องค์ชายจิ่วเยี่ย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้า…ข้าจะยอมทำทุกอย่างตามที่เจ้าต้องการ ข้าจะทำ…”
เมื่อนางเห็นดวงตาอันโหดร้ายสีแดงก่ำคู่นั้น นางจึงกล่าวว่า “เจ้าเองก็คงจะอดทนได้อีกไม่นาน ฮ่า ๆ ๆ! ข้ามีวันตาย เจ้าก็มีวันตายเช่นกัน ข้าจะรอ!”
จิ่วเยี่ยปล่อยพลังออกมาทำให้ดวงจิตของหมิงจีดับสลายไป พลังของเขาถูกปล่อยออกมาอย่างรุนแรง ดังนั้น…
เขามองไปที่ร่างในชุดสีแดงโลหิตและชุดสีดำกลางอากาศ พิฆาตวิญญาณ…
ต้องกำจัดเจ้านั่นให้ได้!
“จิ่วเยี่ย เยี่ยเฉียมอบให้เป็นหน้าที่ของพิฆาตวิญญาณ ให้สองคนนั่นสู้รบกันให้ยับเยินไปทั้งสองข้างยิ่งดี ตอนนี้เจ้าต้องพักก่อน!”
ความรู้สึกที่หมดสิ้นพลังจิตนี้ช่างทรมานยิ่งนัก อีกทั้งกลีบดอกที่จิ่วเยี่ยมอบให้นาง ตอนนี้นางมีกลีบดอกของสุ่ยจิงอิ๋งทั้งหมดสามกลีบแล้ว
แต่พลังที่ขวางหมิงจีเอาไว้เมื่อครู่นี้ สุ่ยจิงอิ๋งได้ใช้พลังไปทั้งหมดแล้ว
ตอนนี้นางไม่ตอบสนองแต่อย่างใดเลย
มู่เฉียนซีโผเข้าหาจิ่วเยี่ยด้วยสีหน้าซีดเผือด เมื่อนางเข้ามาใกล้ จิ่วเยี่ยกลับถอยห่างไกลนางไปเรื่อย ๆ
เขามองมู่เฉียนซีด้วยสายตาอันลึกซึ้ง แววตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นทั้งลึกซึ้ง อีกทั้งยังอันตรายมากด้วยเช่นกัน
“ซี อย่าเข้ามาใกล้ข้า! อยู่ห่างให้ไกลข้าหน่อย”
สำหรับเขาแล้ว นางเป็นคนที่สำคัญมาก!
ยิ่งเข้าใกล้ เขาก็ยิ่งควบคุมตัวเองยาก
อยู่ห่างกัน เขายังพอที่จะฝืนและควบคุมตัวเองเอาไว้ได้บ้าง
เพียงแต่ว่า เขาไม่อาจควบคุมได้นาน ต้องรีบจัดการคนพวกนี้โดยเร็ว
หลังจากที่จัดการเสร็จแล้ว เขาจะต้องไปในที่ที่ห่างไกลแสนไกล ยิ่งไกลซีมากเท่าไรก็ยิ่งดี
“จิ่วเยี่ย!” มู่เฉียนซีเป็นห่วงเขามาก และในตอนนี้ จิ่วเยี่ยก็ได้พุ่งไปที่เยี่ยเฉียและพิฆาตวิญญาณด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าแล้ว!
ตูม!
ทั้งสามฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด นอกจากตนเองแล้ว อีกสองคนล้วนแต่นับว่าเป็นศัตรูทั้งสิ้น
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ในวงการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ มู่เฉียนซีไม่อาจเข้าไปแทรกมือได้ สิ่งเดียวที่นางทำได้ในตอนนี้ก็คือรีบกินยาลูกกลอนฟื้นฟูพลังจิตกลับมาให้เร็วที่สุด ต้องฟื้นตัวกลับมาให้เร็วที่สุด!
เนื่องจากการทำลายตัวเองของผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนได้ทำลายศัตรูจนล้มตายไปแล้วไม่น้อย ดังนั้นการต่อสู้ในตอนนี้ พวกเขาจึงได้เปรียบมาก!
ไม่ว่าจะเป็นพิฆาตวิญญาณ หรือจะเป็นจิ่วเยี่ย ตราบใดที่สามารถฆ่าเยี่ยเฉียได้ วิกฤตในครั้งนี้ก็สามารถแก้ไขได้แล้ว
หากพวกเขาทั้งสองร่วมมือกันฆ่าเยี่ยเฉีย ก็จะจัดการได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่า มู่เฉียนซีไม่มีภาพนั้นอยู่ในจินตนาการเลย
เยี่ยเฉียกล่าว “กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ชายผู้นี้ต้องการจะกำจัดแม้แต่เจ้า ข้าว่าเรามาร่วมมือกันจัดการเขาดีหรือไม่”
หมิงจีช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่านางจะพ่ายแพ้ไปในเงื้อมมือของชายผู้นี้ เห็น ๆ กันอยู่ว่าก่อนหน้านี้นางมีความมั่นใจเต็มร้อยเพียงใด
เขาไม่มีทางให้พิฆาตวิญญาณและชายผู้นี้ร่วมมือกันเป็นอันขาด!
พิฆาตวิญญาณกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ร่วมมือกับคนสารเลวเช่นเจ้า มันต่ำต้อยเกินไป กำจัดพวกเจ้าสองคน ข้าเพียงคนเดียวก็สามารถทำได้”
เขาดึงพิฆาตวิญญาณมาเป็นพวกไม่สำเร็จ เยี่ยเฉียจึงหันไปเกลี้ยกล่อมหวงจิ่วเยี่ย
“เรามาร่วมมือกัน แล้วเจ้าจะได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไป”
จิ่วเยี่ยแผ่ซ่านจิตสังหารออกมาและลงมือทันที เขาไม่อยากสนใจคำพูดไร้สาระนี้ของเยี่ยเฉีย!
สีหน้าของเยี่ยเฉียย่ำแย่ลงมาก ดินแดนระดับต่ำเช่นนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาพบกับคนที่จัดการได้ยากอย่างสองคนนี้ ช่างวุ่นวายยิ่งนัก!
การต่อสู้เป็นไปอย่างโกลาหล ในขณะที่จิ่วเยี่ยโจมตีเยี่ยเฉียนั้น พิฆาตวิญญาณก็หาจุดอ่อนเพื่อโจมตีจิ่วเยี่ย
สำหรับเขาแล้ว จิ่วเยี่ยผู้นี้รับมือได้ยากกว่าเยี่ยเฉียหลายเท่า!
อีกอย่าง แมวน้อยก็ชื่นชอบเขามาก!
และแน่นอนว่าในขณะที่หวงจิ่วเยี่ยตอบโต้พิฆาตวิญญาณนั้น เขาก็ไม่ลืมที่จะโจมตีเยี่ยเฉีย
นี่เป็นการต่อสู้ที่ละลานตามาก และผู้ที่มีบาดแผลได้รับบาดเจ็บมากที่สุดก็คือเยี่ยเฉียนั่นเอง
ตูม ตูม ตูม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป และร่างแยกนี้ของเยี่ยเฉียก็เริ่มหมดแรงลงเรื่อย ๆ แล้ว
ฉึก! กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แทงทะลุร่างของเยี่ยเฉีย!
ปัง! พลังของจิ่วเยี่ยโจมตีจนแขนข้างหนึ่งของเยี่ยเฉียแตกสลายไป
อ๊า ๆ ๆ! เยี่ยเฉียส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“พวกเจ้ามันรนหาที่ตาย!”
พลังแห่งวิญญาณร้ายอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นดุจดั่งพายุพัดกระโชกไปที่พิฆาตวิญญาณและจิ่วเยี่ย!
ปัง! พิฆาตวิญญาณเคลื่อนตัวหลบหลีก แต่หน้ากากบนใบหน้าของเขากลับถูกพลังนี้กัดกร่อนไป
เมื่อหน้ากากอำพรางใบหน้าสลายหายไป ใบหน้าอันสมบูรณ์แบบนั้นก็ปรากฏออกมาให้เห็น มู่เฉียนซีตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นทันใด
ใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องบวกกับดวงตาสีแดงโลหิตอันโหดร้ายที่เต็มไปด้วยจิตสังหารคู่นั้น แม้ว่ามันจะดูกลมกลืนกัน แต่ก็น่าแปลกประหลาดยิ่งนัก
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมากเช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็เอ่ยปากอุทานออกมาว่า “อินรั่วเฉิน!”
นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นอินรั่วเฉิน!
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์!”
“พระเจ้าช่วย! ชายชุดสีแดงโลหิตผู้นั้น เหตุใดถึงได้กลายเป็นท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์ไปได้ล่ะ!”
“……”
คนอื่น ๆ ต่างก็สังเกตเห็นแล้ว และพวกเขาต่างก็เผยสีหน้าอันเหลือเชื่อออกมา!
ชายผู้นี้กับท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์มีนิสัยที่ต่างขั้วกันมาก แต่ใบหน้านั้นกลับเหมือนกันราวกับเป็นคนคนเดียวกันก็มิปาน
ปลายนิ้วมือของพิฆาตวิญญาณยกขึ้นมาสัมผัสผิวหน้า เขายิ้มพลางกล่าวว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกแมวน้อยจับได้เสียแล้ว! แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องปิดบังอีกต่อไป”
มู่เฉียนซีมองพิฆาตวิญญาณด้วยสายตาอันลึกซึ้งพลางกล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่อินรั่วเฉิน เจ้าคือพิฆาตวิญญาณ”
ร่างเดียวกัน แต่ไม่ใช่คนคนเดียวกันแน่นอน!
ต่อให้อินรั่วเฉินจะเสแสร้งแกล้งทำเก่งกาจเพียงใด แต่ก็ไม่มีทางที่นางจะดูไม่ออก
พิฆาตวิญญาณยิ้มพลางกล่าวว่า “สมกับที่เป็นแมวน้อยของข้าจริง ๆ มองแค่แวบเดียวก็ดูออกแล้ว ข้าไม่ใช่ภิกษุน่าเบื่อผู้นั้น!”
เขายิ้มให้เยี่ยเฉียและจิ่วเยี่ย พลางกล่าวว่า “พวกเจ้าสองคนค่อย ๆ เล่นสนุกกันไปเถอะนะ! ข้าว่าข้าเล่นกับแมวน้อยยังน่าสนใจกว่าเล่นกับพวกเจ้ามาก!”
เมื่อครู่เขาเพิ่งจะร่วมต่อสู้กับจิ่วเยี่ยและเยี่ยเฉีย ทว่าตอนนี้กลับพลันเปลี่ยนเป็นกระบี่ที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟเล่มหนึ่ง และพุ่งไปที่มู่เฉียนซีแล้ว
จิ่วเยี่ยรับรู้ได้ถึงอันตราย ต้องการจะเข้าไปขวางพิฆาตวิญญาณ!
แต่เยี่ยเฉียกลับขวางเขาเอาไว้เสียก่อน “ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เปลวไฟของกระบี่มังกรเพลิงสามารถเผาทำลายทุกอย่างได้!
ทว่า กระบี่เล่มนี้กลับไม่ทำร้ายมู่เฉียนซี อีกทั้งยังถูกมู่เฉียนซีจับคว้าเอาไว้ได้อีกด้วย น้ำเสียงอันยั่วยวนและอันตรายนั้นของพิฆาตวิญญาณดังก้องขึ้นในหูของมู่เฉียนซี “แมวน้อย ข้ามาแล้ว!”
.