ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1512 ข่าวของท่านพ่อ
ทันทีที่ปลายนิ้วของมู่เฉียนซีขยับ ยาลูกกลอนเม็ดสีดำเม็ดหนึ่งก็พุ่งเข้าไปในปากของศิษย์พี่หลิวผู้นั้น
ค่อก ๆ ๆ! ศิษย์พี่หลิวเกือบสำลัก
“เจ้า…อือ ๆ ๆ…”
เขากำลังจะด่ามู่เฉียนซี แต่เขากลับไม่สามารถเปล่งเสียงพูดออกมาได้
ศิษย์พี่หลิวเผชิญกับดวงตาสีดำอันเย็นยะเยือกคู่นั้น มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเสียงดังเกินไปแล้ว เงียบปากสักหน่อยเถอะ”
ศิษย์พี่หลิวรู้สึกเย็นสันหลังวาบอย่างน่าแปลกประหลาด อีกทั้งยังไม่สามารถเปล่งเสียงพูดใดออกมาได้เช่นนี้อีก ในที่สุดเขาก็เงียบลงแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “องค์ชายเฟิงอวิ๋นที่ท่านกล่าวถึงคือผู้ใดกัน?”
ผู้อาวุโสหูยิ้มพลางกล่าว “จะเป็นใครไปได้อีกเล่า ก็ผู้ที่เคยเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนซวนเทียน หลานชายของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ตงหวง ทายาทแห่งราชวงศ์ตงหวงอย่างองค์ชายมู่เฟิงอวิ๋นอย่างไรล่ะ”
“เรื่องราวของเขา ต่อให้นั่งเล่าสามวันสามคืนก็เล่าไม่จบ! สาวน้อยอย่างพวกเจ้าชอบบุคคลในตำนานเช่นนี้มากไม่ใช่หรอกเหรอ!”
“แต่น่าเสียดาย…”
ในตอนนั้น ด้วยเหตุนี้เอง สำนักของเขาจึงมีศิษย์น้องหญิงที่โดดเด่นในสำนักมากมาย
ตอนนี้ศิษย์ผู้โดดเด่นเอาแต่เดินวนเวียนรอบ ๆ สำนักลั่วเยว่
นอกจากนี้ ผู้อาวุโสหูก็ไม่คิดว่าด้วยเหตุนี้ จะทำให้สาวน้อยผู้มีพรสวรรค์อันวิปริตผู้นี้จะตอบรับการเข้าสำนักลั่วเยว่ของเขา
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านบอกว่าท่านเจ้าสำนักของท่านเป็นสหายกับองค์ชายเฟิงอวิ๋น แล้วท่านเจ้าสำนักของท่านอยู่ที่ไหนกันล่ะ?”
มู่เฉียนซีเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเพิ่งจะมาได้ไม่นานและยังไม่ได้ลงมือพยายามสืบข่าว แต่กลับมีข่าวของท่านพ่อแล้ว
ผู้อาวุโสหูกล่าว “ท่านเจ้าสำนักของพวกเราเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ในสำนักในมาโดยตลอด น้อยมากที่จะปรากฏตัวออกมา แม้แต่ข้าเองก็ไม่ได้เห็นหน้าเขามานานหลายปีแล้ว”
ทรัพยากรในการฝึกฝน การศึกษา การเลี้ยงดูต่าง ๆ มู่เฉียนซีไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย!
ทว่า อาศัยเพียงแค่ท่านเจ้าสำนักของพวกเรารู้จักกับท่านพ่อเล็กน้อย นางก็อยากจะไปพบสักครั้งแล้ว
นางอยากจะไปสอบถามจากท่านเจ้าสำนักว่าท่านพ่อของนางอยู่ที่ใด และต่อให้ท่านเจ้าสำนักไม่รู้ อย่างน้อยนี่ก็เป็นเบาะแสหนึ่ง
มู่เฉียนซีมองผู้อาวุโสหูพลางกล่าว “ผู้อาวุโสหู ข้าตกลงเข้าสำนักลั่วเยว่ และจะเป็นศิษย์ของสำนักลั่วเยว่”
“เจ้าว่ายังไงนะ! นี่ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?” เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ผู้อาวุโสหูไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโสหู หูท่านก็ยังดีอยู่เลยนะ! ท่านไม่ได้หูฝาดไปหรอก”
ผู้อาวุโสหูรู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังฝันไป
ศิษย์พี่หลิวคิดในใจว่า ‘คิดอยู่แล้วเชียวว่าหญิงสาวผู้นี้คงไม่ปฏิเสธจริง ๆ หรอก ต่อไปข้างหน้าจะต้องมีแผนการอย่างแน่นอน คงต้องการทรัพยากรในการฝึกฝนมากขึ้นเป็นแน่ หญิงสาวผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก’
“ฮะ! พี่ใหญ่ พี่ใหญ่จะไปเหรอ”
“……”
เมื่อได้ยินว่ามู่เฉียนซีจะเข้าร่วมสำนักลั่วเยว่ ในใจของพวกเขาทั้งรู้สึกผิดหวังและรู้สึกตื่นเต้นในขณะเดียวกัน!
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโสหู ท่านรอข้าสักครู่ ข้าขอจัดการเรื่องของพวกเขาก่อนและจะไปกับท่าน!”
ผู้อาวุโสหูหรี่ตายิ้มพลางกล่าวว่า “ตกลง!”
เพียงสาวน้อยผู้นี้ยินยอมเข้าร่วมสำนักลั่วเยว่ของพวกเขา อย่าว่าแต่รอประเดี๋ยวเดียวเลย ต่อให้รอทั้งวันเขาก็ยอม!
“พี่ใหญ่! มีอันใดจะสั่ง! พี่ใหญ่วางใจเถอะ ต่อให้พี่ใหญ่ไม่อยู่ พวกเราก็ไม่มีทางทำเรื่องเลว ๆ เป็นอันขาด” จางฉงกล่าว
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองพวกเขาพลางกล่าว “พวกเจ้าไม่มีความกล้าหาญที่จะทำเรื่องเลวหรอก! หลังจากที่ข้าเข้าไปในสำนักลั่วเยว่ พวกเจ้าก็ตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้ดี”
“หยกซวนเหล่านี้มีเพียงพอที่ให้พวกเจ้าได้ใช้แล้ว นี่เคล็ดวิชา! ทุกคนเอาไปเลือกดูว่าตัวเองเหมาะกับการฝึกฝนแบบใด แล้วนี่ ยาลูกกลอน…”
มู่เฉียนซีเอาโอสถและยาลูกกลอนออกมาไม่น้อย!
เมื่อได้เห็นสิ่งของพวกนี้แล้ว พวกเขาก็อ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง
“พระเจ้าช่วย! พี่ใหญ่! เหตุใดพี่ใหญ่ถึงได้ร่ำรวยเช่นนี้!”
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่บอกว่ายากจนมากไม่ใช่เหรอ ฮือ ๆ ๆ! พวกเราถูกหลอกแล้ว นี่น่ะเหรอที่พี่ใหญ่บอกว่ายากจนน่ะ”
“……”
เคล็ดวิชาและยาลูกกลอนมากมาย พี่ใหญ่ของพวกเขาล้วนหยิบออกมามอบให้อย่างตามอำเภอใจ คาดว่าทรัพยากรการฝึกฝนที่สำนักลั่วเยว่ให้คำมั่นว่าจะมอบให้เหล่านั้น คาดว่าพี่ใหญ่คงไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นอยู่ในสายตา!
แล้วพี่ใหญ่ยังจะไปที่นั่นด้วยเหตุใดกัน!
พวกเขารู้สึกสงสัยมาก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามแต่อย่างใด
จางฉงกล่าว “พี่ใหญ่! วางใจเถอะ! พวกเราจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่”
“ใช่! พี่ใหญ่มอบของดีให้พวกเรามากมายเช่นนี้! ต่อไปหากเจอพวกหาเรื่องของสำนักลั่วเยว่อย่างพวกเจ้าอีก ใครจะแพ้ใครจะชนะก็ไม่แน่นะ!”
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ผู้อาวุโสหู เราไปกันเถอะ!”
ผู้อาวุโสหูยิ้มพลางกล่าว “ดี ๆ ๆ! เราออกเดินทางกันตอนนี้เลย”
ผู้อาวุโสหูเรียกเรือท่องนภาออกมา เขาอดใจรอไม่ไหวจึงใช้ความเร็วอย่างรวดเร็วที่สุดมุ่งหน้าไปยังสำนักลั่วเยว่ทันที
เขากลัวว่าหากไปช้า มู่เฉียนซีจะเกิดการเปลี่ยนใจในระหว่างทาง
ในขณะที่ขึ้นเรือท่องนภานั้น ศิษย์พี่หลิวจ้องมองมู่เฉียนซีตลอดเวลา เพราะตอนนี้เขายังพูดไม่ได้เลย!
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าไม่อยากได้ยินเสียงเจ้าระหว่างการเดินทาง รอให้เจ้ากลับไปและเอาหยกซวนระดับสูงหนึ่งร้อยอันมาให้ข้าก่อน แล้วข้าจะทำให้เจ้าพูดได้! ข้าไม่ให้เจ้าเป็นใบ้ตลอดชีวิตหรอก!”
ศิษย์พี่หลิวโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา!
อาวุธวิญญาณท่องนภาเดินทางมุ่งหน้าอยู่นานมาก ในที่สุดสำนักที่ตั้งอยู่ในหุบเขารูปจันทราก็ปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี
หอคอยสูงตระหง่านล้วนแต่มีเสน่ห์และให้กลิ่นอายแบบโบราณ!
สำนักนี้เป็นสำนักที่ตั้งรกรากมานานนับพันปีแล้ว และเมื่อพิจารณาจากพื้นที่ที่ก่อสร้างแล้วนั้น อย่างน้อยก็ใหญ่กว่าตำหนักเป่ยหานถึงสองเท่า
สำนักกองกำลังระดับสามที่อยู่ในแดนซวนเทียนนี้ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก แม้แต่ผู้อาวุโสหูที่เป็นผู้อาวุโสสำนักนอกผู้นี้ ความแข็งแกร่งของเขานั้นก็เหนือชั้นไปกว่าขั้นมหาจักรพรรดิระดับเก้าขั้นสูงสุดเป็นอย่างมาก
“นั่นมันอาวุธวิญญาณท่องนภาของท่านผู้อาวุโสหูนี่ ท่านผู้อาวุโสหูออกไปจากสำนักตั้งแต่เมื่อใดแล้ว”
นอกจากศิษย์สำนักนอกแล้ว ศิษย์ผู้ที่เฝ้าคุ้มกันของสำนักที่ได้เห็นอาวุธวิญญาณท่องนภานี้ก็ล้วนแต่รู้ทั้งสิ้นว่าเป็นใคร
เมื่ออาวุธท่องนภาจรดลงพื้นดิน ผู้อาวุโสหูก็เดินออกไป เขากล่าว “สาวน้อย รีบออกมาเถอะ! ถึงสำนักลั่วเยว่แล้ว”
เมื่อศิษย์ผู้เฝ้าคุ้มกันสำนักเห็นหญิงสาวชุดม่วงผู้หนึ่งเดินออกมาจากอาวุธวิญญาณท่องนภาของผู้อาวุโสหู ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายลุกวาวขึ้นทันที
ศิษย์สาวในสำนักของพวกเขาแต่ละคนล้วนแต่มีรูปร่างหน้าตางดงามทั้งสิ้น แต่กลับเทียบกับหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ใบหน้ารูปไข่อันไร้ที่ติและสมบูรณ์แบบนั้น ท่าทางที่โดดเด่นและดูสูงศักดิ์นั้นทำให้พวกเขามองจนนิ่งอึ้งกันไปหมดแล้ว
แม่นางท่านนี้เป็นใคร ไม่ใช่ศิษย์ร่วมสำนักของพวกเขาแน่นอน หรือว่าจะเป็นญาติสนิทของท่านผู้อาวุโสหู
จากนั้น ศิษย์พี่หลิวและคนอื่น ๆ ก็เดินตามกันออกมา ผู้อาวุโสหูกล่าว “พวกเจ้ากลับไปกันเองก่อน ข้าจะพาสาวน้อยไปลงทะเบียน”
กล่าวจบ เขาก็รีบพามู่เฉียนซีไปลงทะเบียนศิษย์สำนักนอกทันที
เพียงแค่ลงทะเบียนเรียบร้อย ก็นับว่าเป็นศิษย์สำนักลั่วเยว่ของพวกเขาแล้ว
“อะไรนะ เจ้ารับสาวน้อยผู้นี้เข้าเป็นศิษย์สำนักนอกเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ! สายตาข้าเฉียบแหลม เจ้าไม่เชื่อสายตาข้าอย่างนั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสหูกล่าว
“ข้าเชื่อในสายตาเจ้า ทุก ๆ ปีเจ้ามีสิทธิ์แนะนำนักเรียนเข้ามาเป็นศิษย์สำนักนอกหนึ่งคน แต่เจ้าก็ไม่เคยใช้สิทธิ์นี้มาก่อน หากครั้งนี้คิดจะใช้สิทธิ์มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร” ผู้อาวุโสผู้รับลงทะเบียนก็ไม่ได้ทำให้ลำบากใจแต่อย่างใด
เขามองมู่เฉียนซีและยิ้มพลางกล่าวว่า “แม่นางน้อย แม้ว่าจะมีเหล่าหูเป็นคนแนะนำ แต่ขั้นตอนการตรวจสอบก็ต้องตรวจสอบสักหน่อยนะ การตรวจสอบแรก ตรวจสอบอายุก่อน”
“หากอายุเกินสามสิบปี ต่อให้มีเหล่าหูเป็นผู้แนะนำ ก็ต้องถูกคัดออกอยู่ดี”
ผู้อาวุโสหูเบิกตากว้างจ้องมองพลางกล่าวว่า “เจ้าตาบอดหรือไร! สาวน้อยจะอายุเกินสามสิบได้อย่างไรกัน”
“ข้ารู้ แต่การตรวจสอบก็ต้องตรวจสอบ!” อีกฝ่ายตอบ