ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1516 ทะลวงพลังขั้นมหาจักรพรรดิทั้งคู่
มู่เฉียนซีกล่าว “กินให้หมดเลย อย่าได้เกรงใจข้าเชียว”
หลิ่วซู่กินเข้าไปเพียงแค่เม็ดเดียวก็รู้สึกได้ว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ เช่นนี้แล้วยังจำเป็นต้องกินทั้งขวดอีกเหรอ
เขาตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เขาเป็นอัจฉริยะสำนักนอกของสำนักลั่วเยว่ที่เป็นถึงกองกำลังระดับสาม สถานะของเขาก็ไม่ได้ต่ำต้อย อีกทั้งเขาก็เคยกินยาลูกกลอนมาแล้วไม่น้อย แต่เขาไม่เคยพบเคยเห็นยาลูกกลอนใดที่คุณภาพดีเท่านี้มาก่อนเลย!
หลิ่วซู่ที่พลังวิญญาณฟื้นฟูกลับมาแล้วตอนนี้มีแรงฮึดสู้ขึ้นราวกับไก่เลือดร้อนก็มิปาน พลังวิญญาณหมดก็กินยาลูกกลอนเข้าไปใหม่
เขาผู้ที่หยิ่งยโสเช่นนี้ไม่ยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้เด็ดขาด สุดท้ายเขาก็กินยาลูกกลอนไปจนหมดขวด แต่ก็ยังเอาชนะมู่เฉียนซีไม่ได้
และในตอนนี้เอง ในที่สุดพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีก็ฟื้นฟูกลับมาถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดได้แล้ว
นางกล่าวถามว่า “ศิษย์พี่หลิ่ว ต้องการอีกสักขวดหรือไม่!”
เห็นแก่ที่เขาช่วยเป็นคู่ซ้อมให้นาง การมอบยาลูกกลอนตอบแทนเช่นนี้ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องลำบากอันใด
สายตาของหลิ่วซู่ผิดปกติไปแล้ว ความแข็งแกร่งของหญิงสาวผู้นี้ยากที่จะหยั่งถึงได้ และการที่นางต่อสู้กับเขามานานถึงเพียงนี้ ต้องเป็นเพราะความจงใจของนางแน่นอน
แม้ว่าเขาไม่อยากจะยอมรับมัน แต่ตอนนี้เขาจำใจต้องยอมรับในสิ่งนี้แล้ว
เพื่อหาทางออกให้ตัวเอง เขาจึงกล่าวว่า “เรารีบมาจบการประลองในครั้งนี้กันเถอะ! ให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องรอนานมันจะไม่ดี”
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ก็ได้! เช่นนั้นเรารีบรบรีบจบกันเถอะ!”
ตูม!
มู่เฉียนซีตอบโต้อย่างสุดกำลังความสามารถทำให้หลิ่วซู่ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมู่เฉียนซีอย่างนั้นเหรอ
“อยู่ในสนามการประลอง ศิษย์พี่หลิ่วอย่าได้เสียสมาธิจะดีกว่านะ”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
มังกรตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา ในตอนนี้หลิ่วซู่ไม่มีกำลังพอที่จะหลบหลีก ทำได้เพียงแค่ใช่พลังวิญญาณวายุต้านทานเท่านั้น
ปัง!
หลิ่วซู่ถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกไปจากลานประลอง
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “มู่เฉียนซีชนะ ชนะติดต่อกันเก้าสนาม คะแนนสะสมเก้าคะแนน”
ทุกคนล้วนแต่ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นแล้ว พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์น้องหญิงที่เพิ่งจะเข้าสำนักมาผู้นี้จะวิปริตได้ถึงเพียงนี้
นี่นางยังใช่มนุษย์อยู่อีกหรือไม่!
ต่อมา มู่เฉียนซีก็รอเพียงแค่การประลองในรอบสุดท้ายแล้ว
รอมาได้ไม่นานนัก มู่เฉียนซีก็มาต้อนรับคู่ต่อสู้คนสุดท้ายแล้ว!
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “สนามสุดท้าย มู่เฉียนซีพบกับเฟิงซู่”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าตนเองค่อนข้างโชคดีเลยทีเดียว การประลองในครั้งนี้ได้พบกับผู้แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามของสำนักนอกแห่งสำนักลั่วเยว่
เฟิงซู่กล่าว “ศิษย์น้องมู่ ข้าหวังว่าการประลองในครั้งนี้ของข้ากับเจ้า เจ้าจะทำอย่างสุดความสามารถของเจ้า”
มู่เฉียนซียิ่มพลางกล่าว “หากเจ้าสามารถทำให้ข้าแสดงฝีมืออย่างสุดความสามารถออกมาได้ ข้าก็จะทำอย่างสุดความสามารถแน่นอน”
เฟิงซู่พยักหน้าพลางกล่าว “ก็ดี!”
มีดเล่มใหญ่เล่มหนึ่งถูกชักออกมา เฟิงซู่พุ่งเข้าไปโจมตีมู่เฉียนซีอย่างไม่ลังเล
อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักนอก พลังไม่ธรรมดาแน่นอน
แสงมีดอันเย็นยะเยือกพลันเปลี่ยนเป็นมีดใหญ่นับไม่ถ้วน
เฟิงซู่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุทอง
และตอนนี้เอง มู่เฉียนซีก็ชักกระบี่มังกรเพลิงมังกรพิฆาตวิญญาณออกมา เฟิงซู่เป็นคู่ต่อสู้คนแรกในแดนซวนเทียนที่รับมือได้อยากที่สุดเท่าที่นางเจอมา
ปัง!
เสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังสนั่นขึ้น หลิ่วซู่ยิ้มเจื่อน ๆ พลางกล่าวว่า “ข้าคิดว่าข้าจะเอาชนะเฟิงซู่ได้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะห่างชั้นกันมากถึงเพียงนี้”
ฮวาเจี้ยนกล่าว “ดูท่าการที่ศิษย์น้องมู่เอาชนะเจ้าได้ จะช่วยรักษาอาการหยิ่งยโสของเจ้าไปได้แล้วนะ”
พลังความแข็งแกร่งของเฟิงซู่ไม่เลวเลย มู่เฉียนซีต่อสู้ได้อย่างสะใจมาก
ภายใต้ความกดดันของพลังธาตุทองนั้น ความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นานมากแล้วที่มู่เฉียนซีไม่ได้เจอกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ เฟิงซู่เองก็รู้สึกกดดันมากเช่นกัน ในขณะที่พวกเขาต่อสู้ประมือกันนั้น เฟิงซู่ก็รู้สึกว่าตัวเองได้ทลายกำแพงกั้นของพลังนั้นแล้ว
กำแพงกั้นของพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดนั้นทะลวงผ่านมาได้แล้ว และเขาก็กลายเป็นผู้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตแล้ว!
พลังวิญญาณของฟ้าดินได้รวมตัวกัน ทุกคนอุทานขึ้นว่า “พระเจ้าช่วย! ศิษย์พี่เฟิงซู่จะทะลวงพลังวิญญาณแล้ว”
“ต่อสู้กับศิษย์น้องมู่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสทะลวงพลังได้เช่นนี้”
คู่ต่อสู้จะทะลวงพลังแล้ว มู่เฉียนซีไม่ได้โจมตีต่อ แต่กลับหลบไปด้านข้าง
รอให้พลังของเขาเลื่อนขั้นขึ้นก่อน นางที่ต่อสู้ด้วยจะได้ฟื้นฟูพลังได้ดีขึ้น
หลิ่วซู่กล่าวว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวผู้นั้นจะไม่ฉวยโอกาสนี้โจมตี ตอนนี้การป้องกันของเฟิงซู่อ่อนแอที่สุด หากโจมตีตอนนี้ก็จะเอาชนะได้ง่าย!”
“นางคงไม่คิดรอให้เฟิงซู่ทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิ และคิดว่าตัวเองจะเอาชนะเขาได้หรอกกระมัง!”
ฮวาเจี้ยนกล่าว “ก็ไม่แน่นะ! เจ้ารู้สึกได้ถึงขีดจำกัดของศิษย์น้องหญิงผู้นี้เหรอ แต่ข้าไม่ ศิษย์น้องหญิงผู้นี้ช่างวิปริตมากเกินไปแล้วจริง ๆ!”
ในแดนซวนเทียนการทะลวงพลังขั้นมหาจักรพรรดิเป็นเรื่องปกติ และเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้เหมือนกับมู่เฉียนซีที่ถูกสายฟ้าฟาด อีกทั้งยังถูกบีบให้ออกจากดินแดนอีก
เฟิงซู่เลื่อนขั้นพลังวิญญาณแล้ว!
เขามองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าว “ขอบใจศิษย์น้องมาก! หากไม่ใช่เพราะศิษย์น้อง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่กว่าจะทะลวงพลังนี้ได้”
ทว่า สิ่งที่ควรขอบคุณก็ควรขอบคุณ แต่เฟิงซู่ที่โจมตีมู่เฉียนซีนั้นช่างไร้ความเมตตาปรานีมากจริง ๆ
และนี่ถือเป็นการเคารพคู่ต่อสู้อย่างแท้จริง!
ตูม!
ร่างสองร่างต่อสู้ประมือกันกลางอากาศและเสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้น
ในขณะที่กำลังต่อสู้นั้น มู่เฉียนซีเองก็กำลังฟื้นฟูพลังวิญญาณอยู่ ระดับแปด ระดับเก้า ระดับเก้าขั้นสูงสุด!
ไม่ได้มีความยากลำบากในการเลื่อนขั้นพลังวิญญาณแต่อย่างใด ไม่มีกำแพงกั้นแต่อย่างใด และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว
มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง!
ตูม!
พลังของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง ทุกคนล้วนตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
“พระเจ้าช่วย! ที่ข้าคิดเอาไว้ไม่มีผิดแม้แต่น้อย! พลังขั้นมหาจักรพรรดิสองคน”
“ศิษย์พี่เฟิงซู่ติดกำแพงกั้นขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้ามาเป็นเวลาปีกว่าแล้ว การที่เขาต่อสู้อยู่นานเช่นนี้แล้วทะลวงพลังวิญญาณได้เป็นเรื่องปกติมาก! แต่ศิษย์น้องมู่ต่อสู้ไปมาก็ทะลวงพลังวิญญาณได้นี่สิ!”
“ศิษย์น้องมู่เพิ่งจะเข้าสำนักมาไม่นาน ตอนที่ตรวจสอบพลังวิญญาณ พลังนางก็แค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง นี่เพิ่งจะผ่านมาเท่าไรเอง นางกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตขั้นมหาจักรพรรดิไปแล้ว! หรือว่าศิลาวิญญาณตรวจสอบพลังวิญญาณของสำนักเราจะมีปัญหาแล้ว”
มู่เฉียนซีทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตได้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริดกันยิ่งนัก
เฟิงซู่เองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน เขาคือคู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซีในตอนนี้ เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนจากแข็งแกร่งเป็นอ่อนเอ
มู่เฉียนซีกล่าว “เดิมทีพลังของข้าก็คือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง แต่ด้วยจากเกิดปัญหาเล็กน้อย พลังของข้าก็เลยถดถอยลง ตอนนี้พลังวิญญาณของข้ากลับมาแล้ว ต้องขอบคุณศิษย์พี่ทั้งสามมาก มิเช่นนั้นข้าคงไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้เร็วถึงเพียงนี้”
ในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้แล้วว่าการประลองแต่ละครั้งเหตุใดถึงได้ยืดเวลานานถึงเพียงนั้น และเข้าใจแล้วว่าเหตุใดต้องมอบยาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณให้คู่ต่อสู้เช่นนั้น
ที่แท้ศิษย์น้องมู่ก็อยากอาศัยการต่อสู้เพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณนี่เอง!
ฮวาเจี้ยนกล่าว “ศิษย์น้องมู่เอาพวกเราเป็นคู่ซ้อม นางไม่ได้คิดว่าพวกเราเป็นคู่แข่งเลย ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!”
“อืม! ช่างน่าโมโหยิ่งนัก” นี่เป็นครั้งแรกที่หลิ่วซู่กับฮวาเจี้ยนมีความเห็นพ้องต้องกัน
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “ศิษย์พี่เฟิงซู่ ในเมื่อเราทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว เช่นนั้นเราก็ประลองกันอย่างสุดความสามารถสักครั้งเถอะ!”
เฟิงซู่กล่าว “ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!”
ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวกับผู้อาวุโสหูว่า “เหล่าหู! หากข้าจำไม่ผิดละก็ สาวน้อยผู้นี้อายุเพียงแค่สิบเจ็ดปีใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสหูกล่าว “ถูกต้อง!”
ผู้อาวุโสสูงสุดสูดลมหายใจลึกเข้าปอดก่อนจะกล่าวว่า “มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งในวัยสิบเจ็ดปี นับว่าเป็นอัจฉริยะที่เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในราชวงศ์ตงหวง! เหตุใดนางถึงตอบตกลงเข้าสำนักลั่วเยว่ของพวกเรา?”
ผู้อาวุโสหูกล่าวว่า “สาวน้อยผู้นี้ลึกลับมาก แต่ข้ามั่นใจมากว่านางไม่มีทางเป็นภัยต่อสำนักลั่วเยว่ของพวกเราเป็นแน่ ใครจะยอมสละชีวิตให้อัจฉริยะผู้วิปริตเช่นนี้มารับมือกับสำนักลั่วเยว่ของพวกเรากันล่ะ!”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ก็จริง!”
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่ในมือ กระบี่เล่มนั้นลุกเป็นไฟขึ้น จากนั้นนางก็ตะโกนเสียงเย็นชาว่า “บัวแดงพิฆาต!”