ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1532 ดื่มสุรา
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาท่องไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดจนมาถึงเมืองเฟิงหุย
เมืองเฟิงหุยเป็นเมืองที่ใหญ่มากเมืองหนึ่งในอาณาเขตหนานหลิง การเข้าเมืองต้องจ่ายค่าผ่านทางด้วยจึงจะเข้าเมืองได้
หยกซวนระดับกลางก้อนหนึ่ง!
หลิ่วซู่เอาป้ายคำสั่งออกมา เมื่อทหารเฝ้าเวรยามเห็นป้ายคำสั่งนี้ก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
เขากล่าวด้วยความตกใจว่า “นึกไม่ถึงเลยว่านายน้อยจะกลับมาแล้ว เชิญนายน้อยขอรับ”
พวกเขาเดินทางมาด้วยกัน ทหารเฝ้าเวรยามจะกล้าเก็บค่าผ่านทางกับคนของนายน้อยได้อย่างไรกันเล่า
ฮวาเจี้ยนกล่าว “ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้าบ้าน วันนี้เจ้าก็เลี้ยงพวกเราให้กินให้อิ่มหนำสำราญสักมื้อก็แล้วกัน ข้ารับรองว่าจะไม่เกรงใจเลย”
หลิ่วซู่ตอบกลับไปว่า “ข้าบอกเจ้าหรือไงว่าข้าชวนเจ้า ข้าชวนศิษย์น้องมู่ต่างหากเล่า”
ฮวาเจี้ยนท้วง “ข้ากับศิษย์น้องมู่มาด้วยกัน เจ้าจะไม่ชวนข้าได้อย่างไร อย่าได้ตระหนี่ถี่เหนียวไปหน่อยเลย!”
ศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกัน แม้ว่าหลิ่วซู่จะไม่ค่อยลงรอยกับฮวาเจี้ยน แต่ก็เชิญให้ร่วมรับประทานอาหารมื้อนี้แล้ว
หลิ่วซู่พาพวกเขาไปที่หอสุราที่ดีที่สุดในเมืองเฟิงหุย การประมูลจะยังไม่เริ่มขึ้นจนกว่าจะถึงยามเย็น ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจจะค่อย ๆ กินอาหารมื้อนี้อย่างอิ่มหนำสำราญ
ในหอสุรามีผู้คนมากมายมาแออัดกัน ห้องส่วนตัวที่ราคาแพงลิ่วก็เหลือเพียงห้องสุดท้ายแล้ว หลิ่วซู่เหมาห้องส่วนตัวนั้นทันทีอย่างไม่รีรอ
“เอาอาหารชั้นดีของที่นี่มาทั้งหมด” หลิ่วซู่กล่าว
ฮวาเจี้ยนกล่าว “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะใจกว้างถึงเพียงนี้”
หลิ่วซู่มองฮวาเจี้ยนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม คร้านที่จะสนใจเขา
การบริการของหอสุรานี้เยี่ยมยอดมาก ไม่นานนักอาหารก็ถูกยกมาวางเต็มโต๊ะแล้ว
หลิ่วซู่กล่าว “อาหารเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอาหารชั้นเลิศของที่นี่ทั้งสิ้น ข้าเองก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยนัก แต่หวังว่าอาหารเหล่านี้จะถูกปากศิษย์น้องมู่นะ”
การประลองเข้าสำนักในเพียงครั้งเดียว มู่เฉียนซีก็ทำให้พวกเขาทั้งสามจดจำมู่เฉียนซีได้ และขณะเดียวกันยังทำให้พวกเขานับถือนางเป็นพิเศษอีกด้วย
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ดู ๆ ไปแล้วก็ไม่เลวเลย”
ทว่า พวกเขายังกินไปไม่ได้ถึงครึ่ง ด้านนอกก็เริ่มเกิดความวุ่นวายแล้ว
“ว่ายังไงนะ หอสุราของพวกเจ้าไม่มีห้องว่างแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“จะให้ข้าไปที่อื่นอย่างนั้นเหรอ ใคร ๆ ก็รู้ว่าหอสุราแห่งนี้เป็นหอสุราที่ดีที่สุดแล้ว ข้าไม่สน ให้ใครก็ได้ออกจากห้องส่วนตัวซะ แล้วยกห้องนั้นให้ข้า”
เดิมทีฮวาเจี้ยนคิดว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่มีทางมายุ่งวุ่นวายกับพวกเขาแน่
ทว่า โชคไม่ได้ดีเช่นนั้น!
น้ำเสียงอันเย่อหยิ่งนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้ามาที่นี่อยู่บ่อย ๆ ห้องนี้เป็นห้องที่ทิวทัศน์ดีที่สุดและเป็นห้องที่กว้างที่สุด ห้องนี้แหละ”
ผู้มาใหม่นั้นไม่สนว่าในนี้จะมีคนอยู่หรือไม่ เขากล่าวว่า “คนที่อยู่ในห้องนี้ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะชดเชยให้พวกเจ้าสามเท่า”
หลิ่วซู่ผลักประตูออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
“ข้าว่าเจ้าคงจะเบื่อไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
“นายน้อย!” นายน้อยผู้นี้รู้จักหลิ่วซู่ รู้ว่าเขาเป็นนายน้อยของเมืองนี้ เขาจึงอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
นายน้อยผู้นี้เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าไม่ทราบจริง ๆ ว่าในห้องนี้คือนายน้อย ข้าต้องขอโทษท่านด้วย”
“รู้แล้วยังไม่ไสหัวไปอีกเหรอ!”
นายน้อยโกวกล่าว “นายน้อย ได้เจอกันทั้งที กินข้าวด้วยกันหน่อยจะเป็นอะไรไป อย่างไรเสียห้องนี้ก็กว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้”
“ยังต้องให้ข้าพูดอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ? ไสหัวไปให้พ้น!” หลิ่วซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นายน้อย ปรมาจารย์ท่านนี้เป็นถึงนักปรุงยาขั้นสวรรค์ระดับสูงเชียวนะ ให้นายน้อยได้ร่วมโต๊ะอาหารกับท่านปรมาจารย์ก็นับว่าให้เกียรตินายน้อย เห็นแก่หน้านายน้อยมากแล้ว อย่าคิดว่าเป็นนายน้อยแล้วจะไร้ยางอายอย่างไรก็ได้นะ”
“นักปรุงยา! ท่านจะล่วงเกินได้อย่างนั้นเหรอ?” นายน้อยโกวกล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง
ข้างกายเขามีนักปรุงยาท่านหนึ่งยืนอยู่ สายตาของนักปรุงยาท่านนี้จับจ้องไปที่หญิงสาวชุดม่วงที่อยู่ในห้องอย่างเปิดเผย
“ข้าเองก็ไม่อยากจะก่อเรื่องวุ่นวายหรอกนะ เชิญข้าเข้าไปร่วมโต๊ะอาหารแล้ว ก็ให้หญิงสาวผู้นั้นมารินเหล้าให้ข้าด้วย แล้วข้าจะไม่ติดใจเอาความในเรื่องนี้”
หลิ่วซู่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเป็นนักปรุงยาขั้นสวรรค์ด้วยแล้วยิ่งไม่ควรล่วงเกิน แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามกระทำเกินไป
พลันนั้นก็มีเสียงตัดผ่านอากาศเสียงหนึ่งดังขึ้น แก้วใบหนึ่งพุ่งกระแทกเข้าที่ศีรษะของนักปรุงยาท่านนี้ทันที!
ปัง!
สุราในแก้วนั้นราดรดศีรษะของเขา และน้ำเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นตามมาว่า
“อยากดื่มสุราอย่างนั้นเหรอ ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนาเอง ยังจะเอาอีกหรือไม่?”
มู่เฉียนซียืนอยู่ด้านหน้า เดิมทีนักปรุงยาผู้นี้ที่ถูกราดรดด้วยสุราก็โกรธเกรี้ยวมากพออยู่แล้ว
แต่เมื่อเขาเห็นหน้าของมู่เฉียนซี ทันใดนั้นเขาก็ถลึงตาเบิกกว้างขึ้น
“ไม่ต้องแล้ว! แต่ข้าอยากเข้าไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย เป็นเช่นไร?”
ในขณะที่กล่าวนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะพุ่งไปที่มู่เฉียนซี
ไม่อาจทนได้อีกต่อไปแล้ว มู่เฉียนซีจึงพุ่งออกไปถีบนักปรุงยาผู้นี้กระเด็นออกไปทันที
ปัง!
นักปรุงยาผู้นี้คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่ามู่เฉียนซีจะบังอาจกล้าลงมือกับเขาเช่นนี้ เขาไม่ทันระวังถูกถีบจนกระเด็นลอยออกไป
“เจ้า…” เขาพยายามลุกขึ้นยืนและจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความโกรธเกรี้ยว
นายน้อยโกวกล่าว “ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ไว้หน้านายน้อยหลิ่วซู่นะ แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่รู้จักกาลเทศะ ข้าจะแก้แค้นให้ท่านปรมาจารย์”
หลิ่วซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้ากล้าแตะต้องศิษย์น้องมู่ก็ลองดูสิ!”
“ข้าไม่ได้จะทำอะไรท่านสักหน่อย ทางที่ดีท่านเงียบปากอยู่เฉย ๆ เสียดีกว่า” เพื่อประจบประแจงนักปรุงยาผู้นี้ นายน้อยโกวถึงกับลงมือแล้ว
และในขณะที่พวกเขาจะลงมือนั้นเอง ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งก็เดินเข้ามา
เขาเห็นมู่เฉียนซี จึงกล่าวทักทายขึ้นว่า “เฉียนซี นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าก็มาด้วย”
นักปรุงยาผู้นั้นตกตะลึง “คุณชายโม่ แม่นางผู้นี้…แม่นางผู้นี้เป็นสหายของท่านอย่างนั้นเหรอ”
เขาเคราะห์ร้ายแล้ว ครั้งนี้ต้องมาประสบพบเจอกับคนเช่นนี้
ใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณชายโม่มีท่านหมอปีศาจผู้ลึกลับยากเกินจะหยั่งถึงได้คอยหนุนอยู่เบื้องหลัง เขาเป็นผู้ดูแลหอหมอปีศาจ หอโอสถที่รุ่งเรืองมากในตอนนี้
นักปรุงยาผู้ไร้ประโยชน์ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น เขากล่าว “แม่นางผู้นี้ เมื่อครู่ข้าเสียมารยาท โปรดแม่นางอย่าได้ถือสาเลย ข้าอยากจะขอโทษแม่นาง”
“เชิญแม่นางใช้ห้องนี้ตามสบาย ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ข้าจะเป็นคนจ่ายเอง ข้า…ข้าไม่รบกวนแล้ว”
“เจ้าโง่ ยังไม่รีบไปอีก!” นักปรุงยาหันไปดุด่านายน้อยโกวที่ยังยืนตกตะลึงอยู่
ไม่พูดถึงผลกระทบของหอหมอปีศาจ ท่านหมอปีศาจผู้นั้นจัดการกับราชาพิษหนานหลิงผู้ที่ยากจะรับมือได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังทรมานเขาให้ราวกับตายทั้งเป็นได้อีกด้วย คนเช่นนั้น เขาล่วงเกินไม่ได้เด็ดขาด
นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้านักปรุงยาผู้เย่อหยิ่งผู้นั้นจะเผ่นหนีไปแล้ว หลิ่วซู่ผงะไปครู่หนึ่ง มองดูชายหนุ่มผู้ที่ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษผู้นี้และกล่าวว่า “ได้ยินชื่อเสียงของคุณชายโม่มานานแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอตัวจริง”
โม่ซวนกล่าว “ก็เป็นเพียงแค่ชื่อเสียงภายนอกเท่านั้น ฝีมือการปรุงยาของข้ายังต้องฝึกฝนอีกเยอะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้เจอกันทั้งที ร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันเลยเถอะ!”
ฮวาเจี้ยน “ใช่! อย่างไรเสียก็มีคนจ่ายให้ เด็ก ๆ ยกอาหารที่แพงที่สุดมา
ไม่สนว่าจะอร่อยหรือไม่ ขอแค่ราคาแพงก็พอแล้ว!
เมื่อได้เจอกับโม่ซวนโดยบังเอิญ มู่เฉียนซีจึงเรียกเขาไปคุยเป็นการส่วนตัว”
มู่เฉียนซีกล่าว “หอหมอปีศาจพัฒนาเร็วกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เยอะมาก ดูท่าสามปีนี้คงจะสร้างกองกำลังได้ไม่น้อย”
โม่ซวนกล่าว “หากไม่ใช่เพราะข้าได้เจอกับเจ้า ผลที่ได้สามปีนี้ก็คงจะไม่เป็นที่พอใจมากถึงเพียงนี้”
ฮวาเจี้ยนมองหลิ่วซู่และกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “คุณชายโม่ผู้นี้ คงจะไม่ใช่คนที่ทุกคนกล่าวถึงในตำนานผู้นั้นกระมัง!”
“แล้วเจ้าคิดว่ายังจะมีใครอีกล่ะ?”
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาสามารถทำให้ตระกูลของตัวเองยกระดับขึ้นมาอีกระดับหนึ่งภายในเวลาสามปี ทั่วทั้งอาณาเขตหนานหลิงก็มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
แต่เมื่อมองดูการกระทำของโม่ซวนแล้ว มู่เฉียนซีคิดว่ากองกำลังที่โม่ซวนสามารถควบคุมได้นั้นไม่ใช่เพียงแค่กองกำลังระดับสองครึ่ง แต่เขาสามารถควบคุมกองกำลังระดับสามได้
โม่ซวนกล่าว “เฉียนซี มีเรื่องบางอย่างที่ข้าอยากจะบอกเจ้า”
.