ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1535 วิปริตยิ่งนัก
“ศิษย์น้อง!”
เมื่อมู่เฉียนซีลงมือ คนอื่นก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาแล้วเช่นกัน
“พวกเจ้าจะทำอะไร?”
เฟิงซู่และฮวาเจี้ยนรีบวิ่งพรวดเข้ามา
ฮวาเจี้ยนกล่าว “คิดจะปล้นกันกลางวันแสก ๆ เช่นนี้ สำนักวารีเมฆาช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
พลังของทั้งสองไม่ได้อ่อนแอเลย เพียงแต่ว่าไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาก็เท่านั้น
นักปรุงยากึ่งขั้นศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นกล่าวว่า “วันนี้ ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าแทนผู้อาวุโสของสำนักลั่วเยว่ของพวกเจ้า พวกเจ้าจะทำไม?”
เขาชักกระบี่ออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว และในตอนนี้เองเสียงขรึมเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ปรมาจารย์หวง ที่นี่คือเมืองเฟิงหุย ท่านมารังแกศิษย์ร่วมสำนักของลูกชายข้าเช่นนี้ จะไม่ไว้หน้าข้าเลยหรืออย่างไร”
ท่านเจ้าเมืองหลิ่วเป็นท่านลุงที่มีโครงหน้าเหลี่ยม ไม่เหมือนหลิ่วซู่เลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าเป็นศิษย์ของสำนักลั่วเยว่ นักปรุงยาของสำนักวารีเมฆามีสิทธิ์อันใดมาสั่งสอนข้ากัน”
เมืองเฟิงหุยเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง พลังของท่านเจ้าเมืองหลิ่วนั้นก็ไม่ธรรมดา ปรมาจารย์หวงผู้นี้จึงไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่
เขากล่าว “ข้ารังแกผู้น้อยตรงไหนกันเล่า! ข้าก็แค่อยากจะขอซื้อหญ้าวิญญาณที่แม่นางน้อยผู้นี้ประมูลไปได้ก็เท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเป็นนักปรุงยาอีก นักปรุงยาอะไรจะอับจนเช่นนี้ เสียชื่อนักปรุงยาหมด”
ฮวาเจี้ยนกล่าว “นั่นนะสิ! ตอนประมูลไม่มีปัญญาประมูล ตอนนี้มาก่อกวนศิษย์น้องมู่ พวกเจ้าหมายความว่ายังไงกันแน่”
สีหน้าของปรมาจารย์หวงดำคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ “ยาลูกกลอนของข้ามีค่ามากกว่าหยกซวนมากนัก ขอเพียงแค่เจ้าขายหญ้าวิญญาณใบนั้นให้ข้า เจ้าต้องการยาลูกกลอนใดข้าให้เจ้าได้ทุกอย่าง”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ก็ได้!”
ปรมาจารย์หวงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นแล้ว
สุดท้ายมู่เฉียนซีจึงกล่าวต่อว่า “เจ้าเตรียมเป็นนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วไม่ใช่หรอกเหรอ ก็ไม่ได้ห่างอะไรกับนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว เช่นนั้นก็หลอมยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งให้ข้าสักเม็ดสิ แล้วข้าจะมอบหญ้าวิญญาณนั้นให้เจ้า เป็นเช่นไร?”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็แอบขำ นั่นมันห่างจากนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์มากนัก!
ปรมาจารย์หวงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “สาวน้อย เจ้าอย่าได้ทำเกินไปหน่อยเลย! หญ้าวิญญาณนั่นจะมีค่าเทียบเท่ากับยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรกันเล่า”
“นั่นก็หมายความว่าเจ้าหลอมยาออกมาไม่ได้! หากหลอมไม่ได้ก็อย่ามาอยู่เกะกะขวางหูขวางตาที่นี่! หรือว่าเจ้าตั้งใจจะมาปล้นที่เมืองเฟิงหุยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”
ปรมาจารย์หวงได้ยินเช่นนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะท่านเจ้าเมืองเข้าข้างนาง เขาจึงทำได้เพียงแค่จ้องมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาดุร้าย ก่อนจะเดินจากไป
หลังจากที่คนเหล่านั้นออกไป บริเวณโดยรอบก็เงียบสงบลงอีกครั้ง
มู่เฉียนซีมองไปที่ท่านเจ้าเมืองหลิ่ว ก่อนจะกล่าวว่า “ต้องขอบคุณท่านเจ้าเมืองหลิ่วมากนะเจ้าคะที่ช่วยเหลือ”
“เจ้ามากับหลิ่วซู่ อีกอย่างเจ้าก็ศิษย์ร่วมสำนักของหลิ่วซู่ด้วย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ต้องขอบคุณหรอก เรามานั่งคุยกันสักหน่อยได้หรือไม่?”
“ได้เจ้าค่ะ!”
ท่านเจ้าเมืองหลิ่วกล่าวถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “เจ้ารู้จักกับคุณชายโม่ด้วยเหรอ?”
“รู้จักเจ้าค่ะ!”
“ไม่รู้ว่าคุณชายโม่วางแผนจะเปิดหอหมอปีศาจที่เมืองเฟิงหุยหรือไม่?”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย นางรู้ดีว่าที่ท่านเจ้าเมืองหลิ่วช่วยนางนั้นไม่ใช่เพียงเพราะว่านางเป็นศิษย์ร่วมสำนักของหลิ่วซู่เท่านั้น แต่สาเหตุหลัก ๆ ก็คงเป็นเพราะว่านางรู้จักกับคุณชายโม่แห่งหอหมอปีศาจ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่หากท่านเจ้าเมืองยินดีต้อนรับหอหมอปีศาจ เช่นนั้นข้าจะพูดกับโม่ซวนให้มาเปิดหอหมอปีศาจที่นี่ก็แล้วกัน”
“ท่านเจ้าเมืองหลิ่วคิดเช่นไร?”
ท่านเจ้าเมืองหลิ่วเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะราบรื่นเช่นนี้ เขากล่าว “เจ้าพูดกับเขาได้จริง ๆ เหรอ?”
“ได้แน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนท่านเจ้าเมืองหลิ่วให้ความช่วยเหลือด้วย แล้วหอหมอปีศาจจะปฏิบัติต่อท่านเจ้าเมืองหลิ่วเป็นอย่างดี”
“ต้องช่วยเหลือแน่นอนอยู่แล้ว!”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างราบรื่นมาก หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองหลิ่วกลับจวนไป เขาก็กล่าวกับหลิ่วซู่ว่า “หลิ่วซู่ ศิษย์น้องของเจ้าผู้นั้นไม่ธรรมดาเลย พูดจาฉะฉาน นิ่งสงบมีความเป็นผู้บังคับบัญชาในตัว เจ้าต้องทำความรู้จักมักคุ้นกับนางเอาไว้ให้มาก อย่าได้ล่วงเกินนางเป็นอันขาด”
หลิ่วซู่พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ท่านพ่อ ลูกเข้าใจแล้วขอรับ”
ในเมืองเฟิงหุยมีท่านเจ้าเมืองเป็นผู้สนับสนุน ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าขวางทางแน่นอน
วันต่อมา ท่านเจ้าเมืองหลิ่วกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับพวกเขาอีก จึงจะส่งคนให้คอยคุ้มกันพวกเขาไปส่งที่สำนักลั่วเยว่
แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธจากมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอกเจ้าค่ะ!”
หากมีคนกล้าลงมือแล้วละก็ คนที่ซวยย่อมไม่ใช่พวกเขาอยู่แล้ว
หลิ่วซู่ไม่ค่อยได้พูดคุยหรือไปมาหาสู่กับมู่เฉียนซีมากเท่าไรนัก แต่เขารู้ว่านางไม่ใช่คนเย่อหยิ่งแน่นอน
เขากล่าว “ท่านพ่อ ไม่ต้องหรอกขอรับ!”
และในขณะที่พวกเขานั่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาออกจากเมืองเฟิงหุย ก็มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาที่ระดับสูงกว่ามาขวางพวกเขาไว้
กลางอากาศไม่ใช่ที่ที่เหมาะกับการต่อสู้ ดังนั้นมู่เฉียนซีและพวกจึงต้องลงมาบนพื้นดิน
และคนที่ขวางพวกเขาแน่นอนว่าเป็นกลุ่มคนของปรมาจารย์หวงนั่นเอง เป็นคนกลุ่มเดิม ไม่ได้เรียกกองกำลังสนับสนุนมาแต่อย่างใด ช่างมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมากเกินไปแล้วจริง ๆ!
ปรมาจารย์หวงกล่าว “สาวน้อย ออกจากเมืองเฟิงหุยแล้ว ข้าก็อยากจะรู้นักว่าใครจะปกป้องเจ้าได้อีก!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าถีบข้า ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นดี”
“……”
อย่างไรเสีย วันนี้พวกเขาก็ตั้งใจที่ระบายความคับแค้นใจในเมื่อวานอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้ารับมือกับเจ้าเฒ่านี้เอง อีกสามคน พวกเจ้าจัดการ”
ปรมาจารย์หวงแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง สาวน้อยผู้นี้ นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะเป็นคนมารับมือกับเขา
“ไม่รู้จักกลัวความตายเสียแล้ว!” เขากล่าวข่มขู่
พลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดแผ่ซ่านออกมา ทำให้เฟิงซู่และพวกต่างตกตะลึงขึ้น!
ยอดฝีมือพลังแข็งแกร่งขั้นนี้ ศิษย์น้องมู่จะรับมือไหวเหรอ
พลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าในแดนซวนเทียนนั้นแข็งแกร่งกว่าพลังวิญญาณในดินแดนสี่ทิศมาก!
ถึงกระนั้นแล้วอย่างไร
ตอนนี้นางก็มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิเช่นกัน จะกลัวคนเหล่านี้ทำไมกัน
และในขณะที่เขาโจมตีมานั้นเอง จู่ ๆ มู่เฉียนซีก็แยกร่างเป็นร่างลวงตา จึงไม่ถูกการโจมตีของเขา
ปรมาจารย์หวงโกรธเป็นอย่างมาก จึงต่อยไปที่มู่เฉียนซีหนึ่งหมัด
ในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวพุ่งเข้ามาอยู่ด้านหลังของปรมาจารย์หวงแล้ว นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทักษะโยวจั๋ว!”
ตูม!
ปรมาจารย์หวงหลบทัน แต่พื้นดินนั้นกลับแตกระแหงออกจากกัน
ปรมาจารย์หวงตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น สาวน้อยผู้นี้มีของล้ำค่าติดตัวมากมายเสียจริง
ทักษะร่าง ทักษะวิญญาณ ทักษะวิญญาณในการโจมตี…
พลันนั้นเปลวไฟสีแดงฉานก็ปรากฏขึ้น มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “บัวแดงพิฆาต!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
มู่เฉียนซีกับปรมาจารย์หวงต่อสู้กัน พวกเขาเห็นกำลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งเช่นนี้ที่มู่เฉียนซีปล่อยออกมา ก็ไม่กล้าประเมินนางต่ำอีกต่อไป
สาวน้อยผู้นี้ช่างรับมือได้ยากยิ่ง!
นี่นางฝึกฝนทักษะวิญญาณอันใดกัน เหตุใดถึงได้วิปริตถึงเพียงนี้
พลังความแข็งแกร่งของเฟิงซู่ห่างชั้นกับคนของปรมาจารย์หวงเล็กน้อย ทว่า พวกเขามีพรสวรรค์ที่ไม่เลวเลย ไพ่ตายในมือก็มีไม่น้อย พวกเขาจึงรับมือได้ไหว
และพวกเขาก็ได้ค้นพบเรื่องที่น่าทึ่งบางอย่าง ศิษย์น้องมู่ของพวกเขากับปรมาจารย์หวงที่มีพลังขั้นสูงสุดผู้นั้นต่อสู้กันอย่างสูสี
พวกเขากล่าวด้วยความตกใจว่า “นี่วิปริตเกินไปแล้วกระมัง!”
คนของปรมาจารย์หวงเองก็ตกใจไม่แพ้กัน “เป็นไม่ได้! ท่านอาจารย์ยังไม่ได้ออกแรงทั้งหมดเป็นแน่!”
หากท่านอาจารย์ของพวกเขาสู้สาวน้อยผู้นั้นไม่ได้ เรื่องนี้มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
“ทักษะโยวจั๋ว!”
มู่เฉียนซีต่อสู้กับปรมาจารย์หวงอย่างดุเดือด ทว่า ตอนนี้ฮวาเจี้ยนกับหลิ่วซู่รับมือไม่ไหวแล้ว
กว่ามู่เฉียนซีจะได้เจอคนที่มีพลังเช่นนี้มาเป็นคู่ฝึกซ้อมมันไม่ง่ายเลย นางจึงไม่อยากให้มีเรื่องใดมารบกวน ดังนั้นนางจึงเรียกตัวช่วยออกมา “อู๋ตี้ ไปช่วยเขาหน่อย!”
เงาสีขาวพุ่งไปอย่างรวดเร็ว พลังอำนาจของสัตว์ศักดิ์ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก! นี่มัน…นี่มันเหมือนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกยิ่งนัก!
.