ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1537 เริ่มโชคดีแล้ว
สีหน้าของฮวาเจี้ยนเคร่งขรึมขึ้น เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะต่อสู้อย่างสุดกำลังความสามารถที่มี
ระดับพลังวิญญาณห่างชั้นกันมาก ฮวาเจี้ยนยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งเปลืองแรง
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงของบางอย่างที่มู่เฉียนซีมอบให้ ดังนั้นเขาจึงกินยาลูกกลอนเข้าไปเพื่อไม่ให้ศิษย์พี่ที่เข้าสำนักในก่อนเขาเหล่านั้นมาดูถูกเหยียดหยามเขาได้
หลังจากที่กินยาลูกกลอนเข้าไป ฮวาเจี้ยนก็รู้สึกตกใจมาก เขาคิดว่าตนเองต้องพยายามอย่างหนักถึงจะทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็คือ…
เขาทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว และยังทะลวงได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
ฮวาเจี้ยนกล่าว “ข้าอยากรับการสั่งสอนจากศิษย์พี่เสียแล้วสิ”
ศิษย์น้องมู่บอกเอาไว้ว่าต้องต่อสู้! ต่อสู้อย่างสุดชีวิต!
แต่ถ้าหากสู้ไม่ได้ก็ต้องทำให้คู่ต่อสู้เปลืองพลัง ทำให้คู่ต่อสู้เสียพลังให้มากที่สุด!
ก็ใครใช้ให้มู่เฉียนซีมอบยาลูกกลอนให้เขามากถึงเพียงนั้นกันเล่า
ปัง! คู่ต่อสู้ถูกฮวาเจี้ยนโจมตีจนกระเด็นลอยออกไปจากลานประลอง และพ่ายแพ้ไปในที่สุด
ศิษย์พี่ผู้นั้นไม่อาจยอมรับได้ เขาจึงตะโกนฟ้องว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าขอฟ้องร้อง เขาใช้ยาลูกกลอนบีบบังคับพลังวิญญาณให้เพิ่มขึ้นและเอาชนะข้า ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!”
ทุกคนส่งเสียงพูดคุยออกมา พวกเขาล้วนตกอยู่ในความโกลาหล จากนั้นก็มองไปที่เขาเป็นตาเดียว
ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาสำนักในเอาชนะศิษย์คนเก่าได้เช่นนี้ต้องมีปัญหาใดเกิดขึ้นเป็นแน่ ดังนั้นนักปรุงยาจึงมาทำการตรวจสอบ
ผู้อาวุโสนักปรุงยากล่าวว่า “เจ้าหนุ่มผู้นี้ก็แค่ใช้ยาลูกกลอนเลื่อนขั้นปกติเท่านั้น ไม่ได้บีบบังคับพลังแต่อย่างใด”
“เส้นปราณพลังของเขาก็ปกติดี เพราะการทะลวงพลังวิญญาณที่เกิดขึ้น เส้นปราณพลังของเขาจึงดีขึ้น”
“พ่ายแพ้แล้วกลับไม่ยอมรับ ยังมาใส่ร้ายป้ายสีศิษย์น้องอีก เจ้าถูกถอนสิทธิ์การสมัครจัดอันดับในรอบต่อไป”
“เป็นไปไม่ได้! ข้าไม่เชื่อ” เขากล่าวด้วยความคับข้องใจ
การประลองรอบต่อไปของเฟิงซู่และหลิ่วซู่ก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน หลิ่วซู่พยายามอดทนจนถึงจุดสูงสุด ก่อนจะเลือกทะลวงพลังวิญญาณ
“กลุ่มที่สาม มู่เฉียนซีพบกับเซียวเชวี่ย”
ในขณะที่มู่เฉียนซีเดินขึ้นลานประลองนั้น เซียวเชวี่ยก็มองมู่เฉียนซีอย่างพิจารณาและกล่าวว่า “เจ้านี่เองที่ชื่อมู่เฉียนซี รูปร่างหน้าตางดงามยิ่งนัก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนบอกว่าเจ้าจะคว้าอันดับหนึ่งได้ มันช่างน่าขำไปสักหน่อยแล้วกระมัง!”
“พี่ชายของข้าสามารถฆ่าเจ้าได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วขยับ และเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหมดความอดทนว่า “ข้าว่าบุรุษเช่นเจ้าหยุดพูดมากเหมือนคนเฒ่าคนแก่เสียทีนะ หากจะสู้ก็เข้ามาเลย! แต่หากกลัวก็รีบเอ่ยปากยอมแพ้ซะ!”
“เจ้าพูดว่ายังไงนะ! เจ้ามันช่างไม่รู้จักเสียแล้วว่าอะไรเป็นอะไร”
เซียวเชวี่ยกระโจนตัวขึ้นกลางอากาศ อาวุธของเขาก็คือขวานด้ามหนึ่ง เขาใช้ขวานนั้นฟันไปที่มู่เฉียนซีอย่างไม่รีรอ
พลังของเขาคือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง แต่เลื่อนขั้นเป็นขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งเร็วกว่ามู่เฉียนซีนานแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “มังกรวารีทำลาย!”
มังกรลำตัวยาวสีฟ้าวารีตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกมา ขวานด้ามนั้นของเซียวเชวี่ยถูกโจมตีจนหลุดมือกระเด็นลงไปจากลานประลอง
แกร๊ง!
“อาวุธวิญญาณของข้า!” เซียวเชวี่ยอุทานขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้าหนุ่ม ยังจะสู้อีกหรือไม่?”
“สู้สิ! เจ้าอย่าคิดว่ากำจัดอาวุธวิญญาณของข้าไปได้แล้วข้าจะสู้เจ้าไม่ได้นะ! เจ้ามีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง ข้าก็มีเช่นกัน มาดูกันว่าใครกันแน่ที่ต้องกลัว”
เซียวเชวี่ยพุ่งตัวโค้งอ้อมไปโจมตีมู่เฉียนซี เขาคือผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุไม้คนหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “มังกรวารีทำลาย!”
เซียวเชวี่ยรีบหลบหลีก เขากล่าว “เจ้าทำได้เพียงแค่กระบวนท่านี้หรอกเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก! เพียงแต่ว่า รับมือกับเจ้า เพียงแค่กระบวนท่านี้ท่าเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้าไม่คิดเห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นหรอกหรือ?”
สุดท้ายเขาก็ไม่ต่างอะไรกับอาวุธวิญญาณของเขา ร่างหนาพุ่งตัดผ่านอากาศและร่วงตกลงไปจากลานประลอง
การประลองสามสิบสนาม พร้อมทั้งศิษย์สำนักในฝีมือเยี่ยมยอดมากมาย
ทว่า ผู้อาวุโสหลายท่านกลับจับตามองไปที่มู่เฉียนซีเพียงจุดเดียว “สาวน้อยผู้นี้ฝีมือไม่เลวเลย”
“ข้าว่านางเอาชนะเซียวเชวี่ยได้โดยที่ยังใช้พลังออกมาไม่ถึงห้าส่วนด้วยซ้ำ”
“……”
เซียวเชวี่ยล้มก้นกระแทกไปกับพื้น พลางเผยสีหน้าความรู้สึกอยากร้องไห้ออกมา ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!
ผู้อาวุโสผู้ตัดสินประกาศว่า “มู่เฉียนซีชนะ!”
มู่เฉียนซีชนะแล้ว ต่อมาอีกแปดสนามก็เป็นการต่อสู้ที่ง่ายดายมาก
ความแข็งแกร่งของสำนักลั่วเยว่ในกองกำลังระดับสามนั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แม้ว่าจะเป็นศิษย์สำนักใน แต่พลังความแข็งแกร่งที่สูงที่สุดก็เป็นเพียงแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองเท่านั้น
แม้แต่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองขั้นสูงสุดก็ยากจะพบเจอ
ฮวาเจี้ยนและหลิ่วซู่พ่ายแพ้ไปในสนามที่สาม แต่พวกเขาก็สุดยอดมากแล้ว
“ในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจความหมายของคำว่ากินยาลูกกลอนราวกับลูกกวาดแล้ว มันช่างสดชื่นมากจริง ๆ!” ฮวาเจี้ยนกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“อย่างไรก็ต้องขอบใจศิษย์น้องมู่มาก!”
พลังของเฟิงซู่เหนือกว่าพวกเขาหนึ่งระดับ ประลองไปถึงสนามที่ห้ากว่าจะพ่ายแพ้ลง
ผลลัพธ์ของการจัดอันดับสำนักในนี้สำหรับศิษย์ที่เข้ามาใหม่อย่างพวกเขานับว่าไม่เลวเลย
ท้ายที่สุด ในขณะที่มู่เฉียนซีฝ่าฟันไปถึงสนามที่สิบ นางก็ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่ครองอันดับสิบในการจัดอันดับก่อนหน้านี้อย่างซูข่ายแล้ว
เขาสังเกตการณ์การต่อสู้ของมู่เฉียนซีมาโดยตลอด ทุก ๆ สนามมู่เฉียนซีใช้เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น
“เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ข้าไม่มีทางพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าง่าย ๆ เช่นกัน”
สามารถครองอันดับสิบได้เช่นนี้ แน่นอนว่าพลังของเขาคือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง
มู่เฉียนซีกล่าว “ดี!”
ตูม! การประลองเริ่มขึ้น และทั้งสองก็ต่อสู้ประมือกันทันที
มู่เฉียนซียังคงใช้กระบวนท่าเดียวเฉกเช่นเคย เซียวเชวี่ยกัดฟันกรอดพลางกล่าวว่า “หญิงสาวผู้นี้ต้องทำได้แค่กระบวนท่านี้ท่าเดียวเป็นแน่ ฝึกฝนจนเก่งกาจได้เพียงแค่กระบวนท่าเดียว มีอันใดให้น่าภูมิใจนักหนา”
สุดท้าย มู่เฉียนซีก็เปลี่ยนกระบวนท่าโจมตีแล้ว
“มังกรวารีท้าสวรรค์!”
กระบวนท่านี้เป็นการตัดสินในการประลองครั้งนี้แล้ว
เซียวเชวี่ยก็ราวกับว่าได้พบกับโลกใหม่ก็มิปาน เขากล่าว “ที่แท้นางก็ยังมีกระบวนท่าอื่นด้วยหรือเนี่ย”
ฮวาเจี้ยนสังเกตพี่ชายของเซียวเชวี่ยที่จับตาจ้องมองมู่เฉียนซีอยู่ตลอดเวลาผู้นี้ เขากล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์น้องมู่มีทักษะวิญญาณไม่น้อยเลยล่ะ”
อีกอย่าง กำลังในการสังหารก็แข็งแกร่งมากกว่านี้ด้วย!
ซูข่ายกล่าว “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้จากใจจริง!”
มู่เฉียนซีคว้าตำแหน่งผู้นำของกลุ่มที่สามมาได้ นางได้รับชัยชนะมาได้อย่างง่ายดายที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด
นางเองก็เห็นแล้วเช่นกันว่ามีผู้อาวุโสไม่น้อยที่กำลังสังเกตนางอยู่ น่าเสียดายที่ท่านเจ้าสำนักลั่วเยว่ยังเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ ไม่ยอมออกมา
ต่อมาก็เป็นการประลองของผู้เข้าประลองสามสิบคน เพื่อจัดอันดับสามสิบอันดับแรก
สามารถเข้าสู่สามสิบอันดับแรกของสำนักในแห่งสำนักลั่วเยว่ได้นั้น แน่นอนว่าพรสวรรค์ของพวกเขาต้องแข็งแกร่งมาก
ทว่า เมื่อพวกเขาบังเอิญได้เจอกับมู่เฉียนซีที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับได้เช่นนี้ พวกเขาจึงถูกกำหนดให้ต้องพ่ายแพ้ไป
“มังกรวารีทำลาย!”
“มังกรวารีท้าสวรรค์!”
“มังกรวารีสังหาร!”
ปัง ปัง ปัง!
มีผู้อาวุโสพลังธาตุวารีในสำนักท่านหนึ่งกำลังจับตามองมู่เฉียนซีอยู่ เขากล่าว “อัจฉริยะ! ทักษะวิญญาณของนางแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าทักษะวิญญาณของศิษย์ขั้นมหาจักรพรรดิของสำนักเราที่ฝึกฝนอยู่ด้วยซ้ำ”
“อัจฉริยะเช่นนี้ นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะเลือกมาอยู่ที่สำนักลั่วเยว่ของพวกเรา สำนักลั่วเยว่ของพวกเราเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมานานนับยี่สิบปี หรือว่านี่จะเป็นความโชคดีของสำนักเราแล้ว”
หลังจากที่ต่อสู้ไปหลายสนาม ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้พบกับคู่ต่อสู้อย่างเซียวซวง พี่ชายของเซียวเชวี่ยนั่นเอง
เซียวเชวี่ยกล่าว “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ต้องเอาชนะหญิงสาวผู้นั้นให้ได้นะ พี่ใหญ่ต้องแก้แค้นให้ข้านะ!”
เซียวซวงกลับไม่ได้ประมาทเลินเล่อเหมือนอย่างเซียวเชวี่ยน้องชายของเขา เนื่องจากมู่เฉียนซีเอาชนะมาได้อย่างต่อเนื่องหลายสนาม อีกทั้งยังดูเหมือนว่านางยังไม่ใช้กำลังทั้งหมดอย่างเต็มที่
การที่เขาจะเอาชนะได้นั้น นับว่าเป็นเรื่องยากมาก!
ทว่า เขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เหมือนกัน
เขากล่าว “ศิษย์น้องมู่ ยั้งมือไว้ไมตรีด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าว “เริ่มเลยดีกว่า!”
ตูม! พลังธาตุไม้กับพลังธาตุวารีพุ่งปะทะกันอย่างรุนแรง
ความแข็งแกร่งของผู้เป็นอันดับสองนั้นแข็งแกร่งมาก
“มังกรวารีทำลาย!”
“วิญญาณไม้สังหาร!”
มู่เฉียนซีสามารถใช้ทักษะวิญญาณที่ต่อสู้ข้ามระดับได้ คู่ต่อสู้ของนางก็ทำได้เช่นกัน!
ปัง!
การต่อสู้กับในกระบวนท่าแรก ทั้งคู่สูสีกันมาก ทว่า เซียวซวงกลับระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ศิษย์น้องผู้นี้ยังไม่ได้ออกกำลังการต่อสู้ทั้งหมดออกมา
.
.